ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลรธน.เตรียมพิจารณากฎหมายลูก 3 ฉบับ ขัดรธน.หรือไม่ 2พ.ค.นี้ ด้าน“ปชป.” ระส่ำอีก จัดโผได้แค่ 80% ปูด “เทพเทือก”เอาใจแต่กลุ่มทุนลงส.ส.เขต ขณะที่“เผาไทย” พร้อมตัดหาง “แก๊งค์มิ่ง” ส่วน “สนธยา”รับตั้ง “พลังชล”ดันเมียลงเขต กวาด 12 ที่ ด้าน“บิ๊กบัง”โว 3 ชายแดนใต้จะได้ 8 ที่นั่ง
วานนี้ (28 เม.ย.) นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ได้ส่งให้ศาลวินิจฉัยพิจารณาแล้วว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ผ่านสภาไปแล้ว นอกจากศาลจะวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ต้องส่งกลับมา ถ้าสภาหมดวาระกฎหมายฉบับนี้ก็ระงับ และรัฐบาลชุดใหม่ก็ต้องมีการเสนอกฎหมายใหม่อีกครั้ง แต่ส่วนตัวคิดว่ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับคงไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
“ไม่มีปัญหาเพราะหลังยุบสภาภายใน 60 วัน ก็เลือกตั้งหากศาลยังพิจารณากฎหมายลูกยังไม่เสร็จก็ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบการเลือกตั้ง”
**ศาลรธน.เตรียมพิจารณา 2พ.ค.
ขณะที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องที่ทางรัฐสภาได้ส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ นำเสนอให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.นี้เพื่อจะพิจารณาว่ารับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ อีกทั้งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงต้องนำเข้าพิจารณาโดยเร็ว โดยจะต้องพิจารณาภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 ส่วนจะพิจารณาเสร็จก่อนมีการยุบสภาในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้หรือไม่เป็นดุลพินิจของคณะตุลาการที่จะวินิจฉัย
**เผาไทยพร้อมปล่อย “มิ่ง”ตามทาง
ความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่ถูกมองว่าเตรียมย้ายสังกัดออกจากพรรค ได้กลับรายงานตัวทุกคนแล้ว ยกเว้นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยที่ยังไม่พบการปรากฎตัวแต่อย่างใด ขณะที่พวกตนได้โทรศัพท์ไปหา แต่นายมิ่งขวัญปิดเครื่อง จึงไม่ทราบว่าต้องติดต่อในวิธีใด ซึ่งหากนายมิ่งขวัญมารายงานตัวไม่ทัน ก็ไม่สามารถช่วยดำเนินการใดๆได้แล้ว
**กลุ่มมิ่งขอ 2 อาทิตย์ตัดสินใจ
มีรายงานจากส.ส.กลุ่มนายมิ่งขวัญที่กำลังถูกจับตามองว่าหลังการยุบสภาอาจจะย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยว่า ล่าสุดส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทยกลุ่มมิ่งขวัญ ได้มีการนัดหารือกันเป็นการภายในเมื่อวันอังคารที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยผลการพูดคุยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเรื่องอนาคตการเมืองจะมีการนัดหารือกันอีกครั้งในสองสัปดาห์หลังจากนี้ เพื่อดูว่าจะอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือจะย้ายไปกับนายมิ่งขวัญหรือจะไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น เช่น รวมชาติพัฒนา เพื่อแผ่นดิน
**ปชป.หนุนเจ๊มิ่งตั้งพรรคใหม่
นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายมิ่งขวัญ เตรียมแยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมือง ว่าเชื่อว่านายมิ่งขวัญไม่สามารถอยู่ที่พรรคเพื่อไทยได้ต่อไป เพราะหากลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อก็อาจไม่อยู่ในอันดับ 1 - 10 หากตั้งพรรคขนาดกลาง อาจได้ส.ส. 20-30 คน อย่างไรก็ตามหากให้ฟันธง ตนเชื่อว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นอันดับ 1 ในบัญชีรายชื่อของพรรค เพราะสามารถเคลียร์กันได้ง่าย
** ชวนปัดส.ส.ปชป.ขัดแย้งกัน
ความเคลื่อนไหวพรรปคระชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบถึงกรณีความไม่พอใจของ สส.ระบบเขต พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ลงสมัครระบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า แต่เบื้องต้นเห็นว่าควรให้สิทธิ์ สส.ในพื้นที่ในการลงสมัครระบบเขตก่อน และมั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะสามารถหาข้อสรุปได้
**เทือกฉุนวงวิเคาะห์ได้ส.สแค่ 160
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายงานข่าวจากกรรมการสภาที่ปรึกษาอาวุโสของพรรคได้วิเคราะห์ ประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ที่นั่งรวมส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเพียง 150-160 ที่นั่งเท่านั้น โดยนายสุเทพ ย้อนถามทันทีว่า “ ผู้ใด สภาที่ปรึกษาอาวุโสผู้ใด ชื่ออะไร” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า มีการอ้างแหล่งเป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาอาวุโส แต่ไม่ระบุชื่อ นายสุเทพ จึงกล่าวด้วยสีหน้า เคร่งเครียด ว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ตอบ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด” จากนั้นจึงตัดบทเลิกให้สัมภาษณ์พร้อมกับเดินหนีสื่อเพื่อไปขึ้นรถทันที แต่สื่อยังคงสอบถามขณะเดินไปที่รถ ซึ่งนายสุเทพ กล่าวว่า “ก็คุณเอาคนที่ไม่มีชีวิตจริงมาถาม ผมจะตอบได้ยังไง”นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แต่ข้อมูลที่ออกมาเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่ท่านในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เคยวิเคาระห์เอาไว้เลย เพราะระบุว่าพรรคปชป.จะได้ส.ส.แค่ 160 ที่นั่ง ซึ่งห่างไกลจากที่ท่านเคยประเมินไว้ว่าจะได้มากกว่า 200 ที่นั่ง นายสุเทพ กล่าวว่า “ ถ้าเขาบอกท่าน บอกว่าท่านเซ็นชื่อไว้เลยครับ แล้วพอวันที่ประกาศผลมา ท่านค่อยเอาปี๊บคลุมหัวท่านคนนั้น” ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ท่านได้นั่งนับอยู่ทุกวัน ตัวเลขส.ส.ที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ส.ส.กว่า 200 ที่นั่งแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นับทุกวันตนมั่นใจได้แน่นอน
เมื่อถามต่อว่า แล้วตอนนี้ที่พรรคมีปัญหาการที่ผู้สมัครส.ส.เขต ต่างหนีไม่อยากที่จะขึ้นไปลงสมัครในระบบบบัญชีรายชื่อ เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้เป็นส.ส.จริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด
**บัญญัติ ยอมรับปชป.ยังจัดทัพไม่ลงตัว
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจัดตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลถึงแรงกระเพื่อมภายในพรรคว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาของช่วงใกล้เลือกตั้ง ที่มีส.ส.หรือว่าที่ผู้สมัครจะออกมาเคลื่อนไหว แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยดี เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีขั้นตอน กระบวนการในการคัดเลือกตามระบบ ทุกอย่างจะออกมาในรูปของมติที่ผ่านการกลั่นกรองตามระเบียบพรรค คือ แต่ละภาคจะมีคณะทำงานสรรหาผู้สมัครในนามพรรค โดยมีผอ.การเลือกตั้งภาคต่างๆทำบัญชีรายชื่อของว่าที่ผู้สมัคร หรือผู้ที่เสนอตัวมา หากเขตไหนมีว่าที่ผู้สมัคร 2 คน ก็ใส่มาทั้ง 2 คน พร้อมความเห็นว่าจะเลือกใคร จากนั้นจึงนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครที่ตนเป็นประธานเพื่อพิจารณาคุณสมบัติในเรื่องต่างๆ และเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งจึงได้ข้อสรุปว่าจะเอาใครลงเขตไหน ดังนั้นระหว่างนี้รายชื่อที่เป็นข่าวต่างๆก็อาจเปลี่ยนแปลงได้
ส่วนที่มีข่าวว่านายวัชระ เพชรทอง นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ และนายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กทม.เดิมจะถูกดันขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ นายบัญญัติ กล่าวว่า ก็เป็นแค่ข่าว และในบางเขตที่มีชื่อก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาลงแทน ซึ่งชื่อต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงได้จนถึงชั้นการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบ่ายวันนี้ ( 28 เม.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดที่ตนเป็นประธานในส่วนของรายชื่อผู้สมัคร กทม. และภาคอีสานบางส่วน
**อรอนงค์น้อยใจพรรคดันปาร์ตี้ลิสต์
ด้าน นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวความไม่พอใจต่อการจัดสรรตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นหัวหอก โดยนางอรอนงค์ออกมาระบุว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวดังกล่าวก็มีผู้ใหญ่ในพรรคเรียกตนไปพูดคุย และบอกว่าขณะนี้กระบวนการ ขั้นตอนการสรรหายังไม่เสร็จสิ้น รายชื่อต่างๆ ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค ก็ขอให้รอดูจนถึงวันสุดท้าย แต่ยอมรับว่าอาจจะมีอาการน้อยใจบ้างหากไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 2 ที่มีข่าวว่าม.ล.อภิมงคล โสณกุล จะได้ลงสมัครในเขตนี้แทน แต่ก็ยังเชื่อว่าพรรคจะเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดว่าใครควรจะลงในระบบเขตหรือบัญชีรายชื่อ
**ปูดเทพเทือกเอาใจแต่กลุ่มทุน
ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่า การที่นายสุเทพ ได้จัดให้ตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาลงในบัญชีรายชื่อผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวนมากนั้น สอดคล้องกับคำพูดของนายสุเทพ ที่เคยกล่าวในงานปฐมนิเทศ “รุ่นใหม่อนาคตไทย” ว่า ต้องการหาสมาชิกแบบวีไอพี จำนวน 3,000 คน ทั่วประเทศ เพื่อช่วยสนับสนุนพรรคด้านเงินทุนคนละ 1 ล้านบาท โดยสามารถผ่อนได้ 4 ปี หรือเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท รวมทั้งเตรียมก่อตั้งมูลนิธิรักประชาธิปัตย์ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปจัดทำสถานสีฟ้า แข่งกับทีวีเสื้อแดง เสื้อเหลือง
**“บัญญัติ” เผยโผเสร็จ80เปอร์เซนต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา13.00น. ได้มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคส.ส.ของประชาธิปัตย์ ที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาเป็นประธาน โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงอาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายเทอดพงศ์ ไชยนันท์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายวิทูรย์ นามบุตร เพื่อพิจารณารายชื่อของผู้สมัครส.ส.ระบบเขต ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับภาคและคณะทำงานได้จัดเตรียมว่าที่ผู้สมัคร โดยการพิจารณาเป็นไปอย่างเคร่งเครียดท่ามกลางความกดดันจากส.ส.หลายคนที่มีกระแสข่าวว่าจะไม่ได้รับการคัดเลือกให้ลงเลือกตั้งที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตามแม้ที่ประชุมจะยังไม่สามารถมีผลสรุปออกมาในครั้งนี้ได้
ทั้งนี้ นายบัญญัติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้มีการหารือกับกรรมการภาคที่เสนอรายชื่อมา โดยได้พิจารณาเหตุผลร่วมกันว่าเพราะเหตุใดถึงเสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าว ขณะนี้พรรคมีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครเขตทั่วประเทศเสร็จเพียง70-80% ซึ่งจำนวนนี้จะส่งไปให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสม เพราะขณะนี้ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเองก็ติดภารกิจมาก อย่างไรก็ตามคาดว่าการพิจารณาน่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
** เผยลูกเทพลงคนละเขตกับ“แจ็ค”
สำหรับส่วนที่ยังเป็นปัญหาที่เหลือคือ 1.ส่วนที่ไม่ใช่พื้นที่ส.ส.เดิมและมีความทับซ้อนกันคือมีผู้แสดงความจำนงค์สมัครตั้งแต่2คนขึ้นไปก็จะแก้ปัญหาโดยให้มีการแขวนกันไว้ก่อน จากนั้นเมื่อยังมีเวลาก็จะทำโพลสำรวจ หรืออาจใช้แนวทางสลับกันลงซึ่งต้องคุยกับผู้สมัครแต่ละคนด้วย 2.มีผู้สมัครเหมาะสม แต่มีจำนวน2คนขึ้นไปก็ต้องมานั่งดูอีกครั้งส่วนพื้นที่กรุงเทพ ขณะนี้มี 2-3 เขตที่ยังไม่ได้สรุป เนื่องจากมีการประกาศลดพื้นที่ลง ซึ่งก็ต้องแขวนไว้ก่อน ยังไม่เคาะผู้สมัครเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นประเด็นปัญหากันมาก เพราะจากที่เคยแบ่งเขต3คน มีการลดจำนวนเหลือ1คน ดังนั้น สิทธิของส.ส.ใน3เขต จะเป็นอย่างไร ส่วนเขตที่ไม่ใช่พื้นที่เดิมของพรรค แต่มีผู้แสดงความจำนงค์มากกว่า2คนขึ้นไปก็ต้องพิจารณาเช่นกัน
เมื่อถามถึงเขตของนายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ บุตรชายบุญธรรมของนายสุเทพ นายบัญญัติกล่าวว่า เขตนั้นไม่มีคนมาแข่ง และไม่เกี่ยวข้องกับนายวัชระ เพชรทอง แต่อย่างใด เช่นเดียวกับกรณีของนางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ก็ต้องคุยอีกครั้งหนึ่ง
**“หมอผี” ขอลงเขต อ้างทำพื้นที่นาน
ด้าน นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีที่จะถูกดันให้ลงสมัครเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากจ.นครศรีธรรมราชเขตลดลงจาก 10 เขตเหลือ 9 เขต ว่า ตนได้แจ้งความจำนงค์ต่อพรรคว่าขอลงสมัครในเขต 1 จ.นครศรีธรรมราช เพราะถนัดในระบบเขตมากกว่า และที่ผ่านมาตนได้ทำงานในนามพรรคที่จ.นครศรีธรรมราชมานานร่วม 30 ปี มีส่วนช่วยสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นปึกแผ่นที่จ.นครศรีธรรมราชโดยร่วมมือกับทุกฝ่าย และเหตุผลสำคัญที่ตนขอลงสมัครในระบบเขตก็เนื่องจากเขตพื้นที่เลือกตั้งเดิมของตนยังเป็นพื้นที่เดิมทุกอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน โดยไม่มีการแบ่งเขตใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนพรรคจะว่าอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ต้องรับฟังเหตุผลของผู้สมัครด้วย
**ธานินทร์สะกิดเพื่อนย้ายซบ“เติ้ง”
อย่างไรก็ตามมีรายงานแจ้งด้วยว่า ในส่วนของสนามเลือกตั้งในโซน3 จังหวัดภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องสู้ศึกหนัก เพราะคนเก่าแก่ของพรรคได้ตัดสินใจย้ายออกจากพรรคไปสวมเสื้อพรรคการเมืองอื่นแทน เช่น นายธานินทร์ ใจสมุทร อดีตส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกศาลให้ใบแดงจนต้องเว้นวรรคทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นเวลา5 ปี ซึ่งขณะนี้ได้หลุดพ้นโทษดังกล่าวแล้ว แต่ได้ตัดสินใจย้ายไปสมัครเลือกตั้งส.ส. ในนามพรรคชาติไทยพัฒน พร้อมทั้งยังได้ชักชวนนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีตส.ส.นราธิวาส ไปร่วมด้วย
ทั้งนี้นายธานินทร์ กล่าวยอมรับว่ามีความคิดที่จะย้ายพรรคอยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้ติดสินใจอะไร เพราะต้องรอดูว่าจะมีการยุบสภาจริงหรือไม่ ส่วนที่จะมีส.ส.ภาคใต้ติดตามตนไปด้วยหรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
**เสรีเปิดที่ทำการพรรคประชาสันติ
วันเดียวกันนายเสรี สุวรรณภานนท์ หัวหน้าพรรคประชาสันติ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคได้จัดพิธีทำบุญ พร้อมเปิดที่ทำการพรรคประชาสันติ (ปชส.) ถ.อำนวยสงคราม กทม.โดยมีอดีตนักการเมือง ส.ว.ปี 43 นักธุรกิจ และกลุ่มมวลชน มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง โดยมีสโลแกนของพรรคว่า “คิดได้ ทำได้ ลงมือเร็ว”
ขณะที่มีแนวนโยบาย เช่น ต้องเลิกการเมืองที่แสวงประโยชน์ ผลักดันให้มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ จะผลักดันให้ตั้งธนาคารพุทธ เสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
**บิ๊กบัง โวมาตุภูมิกวาด 8ที่นั่ง3 จ.ใต้
ด้านพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ได้เดินทางมาเปิดศูนย์ประสานงานพรรคมาตุภูมิ เขต 4 ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยมีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเชื่อว่าจะกวาดที่นั่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ 8 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 3 ที่นั่ง จะให้พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยแข่งขันกันเอง
**นักวิชาการ เปิดเว็บสแกนกรรม ส.ส.
ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายจรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ “เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย” WWW.TPD.IN.TH โดยระบุว่าเว็บไซต์ดังกล่าวรวบรวมข้อมูล สถิติ ของนักการเมือง พรรคการเมือง อย่างรอบด้าน จะมีทั้งผลงานของส.ส. สถิติการเข้าประชุม เป็นต้นเหตุทำให้ประชุมล่มหรือไม่ โหวตกี่ครั้ง โหวตเพื่อใคร เคยพูดอะไรไว้แล้วทำได้หรือไม่ มีที่ดิน ทรัพย์สินเท่าไหร่ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าจะทุจริตหรือไม่
รวมทั้งมีการจัดเรตติ้งนักการเมืองโดยให้ประชาชนเข้าไปโหวตว่าพอใจกับผลงานของใคร และผิดหวังส.ส.คนไหนมากที่สุด นอกจากนี้จะมีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทมูลค่ากว่า 100 ล้าน ประมาณ 3,000 แห่ง ที่ทำการค้ากับรัฐบาล และภายใน 1 ปี
**มาร์คบอกทูตสหรัฐได้รัฐบาลใหม่ส.ค.
นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบและหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่า จะมีการยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม และจะมีการเลือกตั้งภาย 45-60 วัน และจะมีรัฐบาลชุดใหม่ในเดือนสิงหาคม
**สนธยารับตั้ง "พลังชล"ดันเมียลงเขต
นายสนธยา คุณปลื้ม ในฐานะที่ปรึกษาพรรคพลังชลนำคณะนักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าเยี่ยมคารวะพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ทำเนียบรัฐบาล ยอมรับว่า ได้ตั้งพรรคพลังชลมีนาย เชาว์ มณีวงศ์ อดีต ส.ว.ชลบรี และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนตน คงจะนั่ง เป็นที่ปรึกษา โดยจะส่งผู้สมัครครบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ที่ยังไม่มี โดยคาดจะได้ 12 ที่นั่ง
ขณะที่การทำงานการเมืองกับทางพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในครอบครัวตนก็จะมีนางสุกุมล (เบียร์) ภรรยา ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตที่ จ.ชลบุรีด้วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.มีมติเห็นชอบตามที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับจดแจ้งจัดตั้งพรรคพลังชล ที่มีนายเชาวน์ มณีวงษ์ เป็นหัวหน้าพรรค และนายปิลันธน์ดิล จิตรธรรม เลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 8 คน
พรรคพลังชลมีนางสติล คุณปลื้ม มารดานายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชลเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในลำดับที่ 1
**กกต.เสนอร่างเลือกตั้งใหม่ 2 เขต
นายประพันธ์ นัยโวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งเปิดเผยว่าที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาและมีมติเสนอให้ครม.ทูลเกล้าฯ เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ 2 เขต แทนตำแหน่งของ นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร และร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรีพรรคเพื่อไทย โดย เสนอให้มีการจัดกาเลือกตั้งในวันที่ 5 มิ.ย. และจะเปิดรับสมัครวันที่ 16-20 พ.ค. ทั้งนี้ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการยุบสภาแต่หากนายกรัฐมนตรียุบสภาในช่วงเวลาที่กำหนดระบุไว้ว่าจะต้องจัดการเลือกตั้ง ก็สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งไปพร้อมกันทั้วประเทศได้
**กกต.เปลี่ยนระเบียบหาเสียง“สถาบัน”
ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีมติให้นำประเด็นที่เพิ่มเติม ในร่างระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า ด้วยการหาเสียงและการดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ... ที่คณะทำงานแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมจัดทำร่างระเบียบฯ โดยได้มีการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการหาเสียงข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.และการดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือตั้ง พ.ศ.2550 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )พ.ศ.2550 และประกาศกกต. เรื่องหลักเกณฑ์การดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แืทนราษฎร พ.ศ.2550 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2 )พ.ศ.2550 ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการหาเสียงเลือกตั้งและหลักเกณฑ์การดำเนินการของนรัฐให้การสนับสนุนการเลือกตั้งส.ส.ให้เป็นไปโดยความเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม
ซึ่งมีอยู่เดิม2 ฉบับนำให้มารวมเข้าด้วยกันเป็นฉบับเดียว ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระคงเหมือนเดิม เพียงแต่มีการเพิ่มเติมในประเด็น 3 ประเด็น คือ ประเด็นในเรื่องของสถาบัน ที่กกต.ได้นำมาเขียนอยู่ในหมวดที่ 2 ข้อควรปฏิบัติในการเลือกตั้ง ซึ่งระบะว่า มิบังควรนำพระมหากษัตริย์ ราชินี ราชวงค์ รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการ มาใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง หลังจากที่มีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย จึงมีการเปลี่ยมให้มาอยู่ในข้อควรปฏิบัติจะดีกว่าให้ไปกำหนดให้ในหมวดที่ 3 ซึ่งเป็นหมวดข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นคำนิยาม ของเว็บไซต์ พวกสื่ออิเล็คทรอนิค หรือสื่ออื่น ที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ได้จัดทำขึ้น เพืีอโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นใด เช่นพวกไฮไฟร์ ทวิตเตอร์ รวมทั้งจะมีประเด็นในเรื่องของการลดสถานที่การหาเสียงหรือเวทีกลาง ที่กกต.ต้องจัดให้ผู้สมัครพรรคการเมือง มีอย่างน้อยอำเภอละ 2 แห่ง ยกเว้นกทม. ให้อยู่ในดุลยพินิจกกต.กทม. เพราะกกต.จัดแต่ละครั้งให้ก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจ ทั้งนี้หากพรรคการเมืองต่างๆยอมรับ ก็จะนำเสนอต่อกกต.เพื่อออกประกาศได้ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะมีการปรับเพื่อความเหมาะสมก่อน
**“มาร์ค” จี้กกต.ออกกฎการเลือกตั้ง
ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. นี้ ตนไปพบกกต.ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ากกต.จะให้หารือในแง่ของรัฐบาลด้วยก็จะดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่จะไปเสนอกับทางกกต. คืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องข้อเสนอ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อหารือ เพราะว่ายังมีหลายอย่าง ซึ่งทางรัฐมนตรีเองก็ยังไม่มั่นใจว่ากฎหมาย กฎระเบียบว่าอย่างไร และกกต.จะมีข้อแนะนำอะไรในเรื่องการปฏิบัติ แต่หลักๆ ได้เริ่มทยอยรวบรวม ยกตัวอย่างเช่น ที่เราคุยกันไปเมื่อวันอังคาร (26 เม.ย.) ก็ชัดเจนว่าการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐที่ยังมีรูปนักการเมืองอะไรอยู่ ก็จะต้องหยุด
เมื่อถามว่า กฏกติกาของทางกกต. ควรจะเร่งออกมาให้เร็วกว่านี้เพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติของแต่ละพรรคการเมือง หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี แต่ว่าทางกกต. คงเปิดโอกาสให้กับทุกพรรคการเมือง ได้ไปแสดงความคิดเห็นกันในวันที่ 2 พ.ค. นี้ ซึ่งหลังจากวันที่ 2 พ.ค. ตนเชื่อว่าทางกกต.คงที่จะเร่งออก เพราะเขาทราบอยู่แล้วว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า.
วานนี้ (28 เม.ย.) นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ได้ส่งให้ศาลวินิจฉัยพิจารณาแล้วว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ผ่านสภาไปแล้ว นอกจากศาลจะวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ต้องส่งกลับมา ถ้าสภาหมดวาระกฎหมายฉบับนี้ก็ระงับ และรัฐบาลชุดใหม่ก็ต้องมีการเสนอกฎหมายใหม่อีกครั้ง แต่ส่วนตัวคิดว่ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับคงไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
“ไม่มีปัญหาเพราะหลังยุบสภาภายใน 60 วัน ก็เลือกตั้งหากศาลยังพิจารณากฎหมายลูกยังไม่เสร็จก็ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบการเลือกตั้ง”
**ศาลรธน.เตรียมพิจารณา 2พ.ค.
ขณะที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องที่ทางรัฐสภาได้ส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ นำเสนอให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค.นี้เพื่อจะพิจารณาว่ารับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ อีกทั้งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงต้องนำเข้าพิจารณาโดยเร็ว โดยจะต้องพิจารณาภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 ส่วนจะพิจารณาเสร็จก่อนมีการยุบสภาในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้หรือไม่เป็นดุลพินิจของคณะตุลาการที่จะวินิจฉัย
**เผาไทยพร้อมปล่อย “มิ่ง”ตามทาง
ความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยที่ถูกมองว่าเตรียมย้ายสังกัดออกจากพรรค ได้กลับรายงานตัวทุกคนแล้ว ยกเว้นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยที่ยังไม่พบการปรากฎตัวแต่อย่างใด ขณะที่พวกตนได้โทรศัพท์ไปหา แต่นายมิ่งขวัญปิดเครื่อง จึงไม่ทราบว่าต้องติดต่อในวิธีใด ซึ่งหากนายมิ่งขวัญมารายงานตัวไม่ทัน ก็ไม่สามารถช่วยดำเนินการใดๆได้แล้ว
**กลุ่มมิ่งขอ 2 อาทิตย์ตัดสินใจ
มีรายงานจากส.ส.กลุ่มนายมิ่งขวัญที่กำลังถูกจับตามองว่าหลังการยุบสภาอาจจะย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยว่า ล่าสุดส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทยกลุ่มมิ่งขวัญ ได้มีการนัดหารือกันเป็นการภายในเมื่อวันอังคารที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยผลการพูดคุยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเรื่องอนาคตการเมืองจะมีการนัดหารือกันอีกครั้งในสองสัปดาห์หลังจากนี้ เพื่อดูว่าจะอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือจะย้ายไปกับนายมิ่งขวัญหรือจะไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น เช่น รวมชาติพัฒนา เพื่อแผ่นดิน
**ปชป.หนุนเจ๊มิ่งตั้งพรรคใหม่
นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายมิ่งขวัญ เตรียมแยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมือง ว่าเชื่อว่านายมิ่งขวัญไม่สามารถอยู่ที่พรรคเพื่อไทยได้ต่อไป เพราะหากลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อก็อาจไม่อยู่ในอันดับ 1 - 10 หากตั้งพรรคขนาดกลาง อาจได้ส.ส. 20-30 คน อย่างไรก็ตามหากให้ฟันธง ตนเชื่อว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นอันดับ 1 ในบัญชีรายชื่อของพรรค เพราะสามารถเคลียร์กันได้ง่าย
** ชวนปัดส.ส.ปชป.ขัดแย้งกัน
ความเคลื่อนไหวพรรปคระชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบถึงกรณีความไม่พอใจของ สส.ระบบเขต พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ลงสมัครระบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า แต่เบื้องต้นเห็นว่าควรให้สิทธิ์ สส.ในพื้นที่ในการลงสมัครระบบเขตก่อน และมั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะสามารถหาข้อสรุปได้
**เทือกฉุนวงวิเคาะห์ได้ส.สแค่ 160
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายงานข่าวจากกรรมการสภาที่ปรึกษาอาวุโสของพรรคได้วิเคราะห์ ประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ที่นั่งรวมส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเพียง 150-160 ที่นั่งเท่านั้น โดยนายสุเทพ ย้อนถามทันทีว่า “ ผู้ใด สภาที่ปรึกษาอาวุโสผู้ใด ชื่ออะไร” เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า มีการอ้างแหล่งเป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาอาวุโส แต่ไม่ระบุชื่อ นายสุเทพ จึงกล่าวด้วยสีหน้า เคร่งเครียด ว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ตอบ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด” จากนั้นจึงตัดบทเลิกให้สัมภาษณ์พร้อมกับเดินหนีสื่อเพื่อไปขึ้นรถทันที แต่สื่อยังคงสอบถามขณะเดินไปที่รถ ซึ่งนายสุเทพ กล่าวว่า “ก็คุณเอาคนที่ไม่มีชีวิตจริงมาถาม ผมจะตอบได้ยังไง”นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แต่ข้อมูลที่ออกมาเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่ท่านในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เคยวิเคาระห์เอาไว้เลย เพราะระบุว่าพรรคปชป.จะได้ส.ส.แค่ 160 ที่นั่ง ซึ่งห่างไกลจากที่ท่านเคยประเมินไว้ว่าจะได้มากกว่า 200 ที่นั่ง นายสุเทพ กล่าวว่า “ ถ้าเขาบอกท่าน บอกว่าท่านเซ็นชื่อไว้เลยครับ แล้วพอวันที่ประกาศผลมา ท่านค่อยเอาปี๊บคลุมหัวท่านคนนั้น” ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ท่านได้นั่งนับอยู่ทุกวัน ตัวเลขส.ส.ที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ส.ส.กว่า 200 ที่นั่งแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นับทุกวันตนมั่นใจได้แน่นอน
เมื่อถามต่อว่า แล้วตอนนี้ที่พรรคมีปัญหาการที่ผู้สมัครส.ส.เขต ต่างหนีไม่อยากที่จะขึ้นไปลงสมัครในระบบบบัญชีรายชื่อ เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้เป็นส.ส.จริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด
**บัญญัติ ยอมรับปชป.ยังจัดทัพไม่ลงตัว
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจัดตัวผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลถึงแรงกระเพื่อมภายในพรรคว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาของช่วงใกล้เลือกตั้ง ที่มีส.ส.หรือว่าที่ผู้สมัครจะออกมาเคลื่อนไหว แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยดี เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีขั้นตอน กระบวนการในการคัดเลือกตามระบบ ทุกอย่างจะออกมาในรูปของมติที่ผ่านการกลั่นกรองตามระเบียบพรรค คือ แต่ละภาคจะมีคณะทำงานสรรหาผู้สมัครในนามพรรค โดยมีผอ.การเลือกตั้งภาคต่างๆทำบัญชีรายชื่อของว่าที่ผู้สมัคร หรือผู้ที่เสนอตัวมา หากเขตไหนมีว่าที่ผู้สมัคร 2 คน ก็ใส่มาทั้ง 2 คน พร้อมความเห็นว่าจะเลือกใคร จากนั้นจึงนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครที่ตนเป็นประธานเพื่อพิจารณาคุณสมบัติในเรื่องต่างๆ และเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งจึงได้ข้อสรุปว่าจะเอาใครลงเขตไหน ดังนั้นระหว่างนี้รายชื่อที่เป็นข่าวต่างๆก็อาจเปลี่ยนแปลงได้
ส่วนที่มีข่าวว่านายวัชระ เพชรทอง นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ และนายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กทม.เดิมจะถูกดันขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ นายบัญญัติ กล่าวว่า ก็เป็นแค่ข่าว และในบางเขตที่มีชื่อก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาลงแทน ซึ่งชื่อต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงได้จนถึงชั้นการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบ่ายวันนี้ ( 28 เม.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดที่ตนเป็นประธานในส่วนของรายชื่อผู้สมัคร กทม. และภาคอีสานบางส่วน
**อรอนงค์น้อยใจพรรคดันปาร์ตี้ลิสต์
ด้าน นางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวความไม่พอใจต่อการจัดสรรตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นหัวหอก โดยนางอรอนงค์ออกมาระบุว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวดังกล่าวก็มีผู้ใหญ่ในพรรคเรียกตนไปพูดคุย และบอกว่าขณะนี้กระบวนการ ขั้นตอนการสรรหายังไม่เสร็จสิ้น รายชื่อต่างๆ ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค ก็ขอให้รอดูจนถึงวันสุดท้าย แต่ยอมรับว่าอาจจะมีอาการน้อยใจบ้างหากไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 2 ที่มีข่าวว่าม.ล.อภิมงคล โสณกุล จะได้ลงสมัครในเขตนี้แทน แต่ก็ยังเชื่อว่าพรรคจะเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดว่าใครควรจะลงในระบบเขตหรือบัญชีรายชื่อ
**ปูดเทพเทือกเอาใจแต่กลุ่มทุน
ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่า การที่นายสุเทพ ได้จัดให้ตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาลงในบัญชีรายชื่อผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวนมากนั้น สอดคล้องกับคำพูดของนายสุเทพ ที่เคยกล่าวในงานปฐมนิเทศ “รุ่นใหม่อนาคตไทย” ว่า ต้องการหาสมาชิกแบบวีไอพี จำนวน 3,000 คน ทั่วประเทศ เพื่อช่วยสนับสนุนพรรคด้านเงินทุนคนละ 1 ล้านบาท โดยสามารถผ่อนได้ 4 ปี หรือเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท รวมทั้งเตรียมก่อตั้งมูลนิธิรักประชาธิปัตย์ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปจัดทำสถานสีฟ้า แข่งกับทีวีเสื้อแดง เสื้อเหลือง
**“บัญญัติ” เผยโผเสร็จ80เปอร์เซนต์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา13.00น. ได้มีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคส.ส.ของประชาธิปัตย์ ที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาเป็นประธาน โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงอาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายเทอดพงศ์ ไชยนันท์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายวิทูรย์ นามบุตร เพื่อพิจารณารายชื่อของผู้สมัครส.ส.ระบบเขต ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับภาคและคณะทำงานได้จัดเตรียมว่าที่ผู้สมัคร โดยการพิจารณาเป็นไปอย่างเคร่งเครียดท่ามกลางความกดดันจากส.ส.หลายคนที่มีกระแสข่าวว่าจะไม่ได้รับการคัดเลือกให้ลงเลือกตั้งที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตามแม้ที่ประชุมจะยังไม่สามารถมีผลสรุปออกมาในครั้งนี้ได้
ทั้งนี้ นายบัญญัติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้มีการหารือกับกรรมการภาคที่เสนอรายชื่อมา โดยได้พิจารณาเหตุผลร่วมกันว่าเพราะเหตุใดถึงเสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าว ขณะนี้พรรคมีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครเขตทั่วประเทศเสร็จเพียง70-80% ซึ่งจำนวนนี้จะส่งไปให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสม เพราะขณะนี้ตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเองก็ติดภารกิจมาก อย่างไรก็ตามคาดว่าการพิจารณาน่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
** เผยลูกเทพลงคนละเขตกับ“แจ็ค”
สำหรับส่วนที่ยังเป็นปัญหาที่เหลือคือ 1.ส่วนที่ไม่ใช่พื้นที่ส.ส.เดิมและมีความทับซ้อนกันคือมีผู้แสดงความจำนงค์สมัครตั้งแต่2คนขึ้นไปก็จะแก้ปัญหาโดยให้มีการแขวนกันไว้ก่อน จากนั้นเมื่อยังมีเวลาก็จะทำโพลสำรวจ หรืออาจใช้แนวทางสลับกันลงซึ่งต้องคุยกับผู้สมัครแต่ละคนด้วย 2.มีผู้สมัครเหมาะสม แต่มีจำนวน2คนขึ้นไปก็ต้องมานั่งดูอีกครั้งส่วนพื้นที่กรุงเทพ ขณะนี้มี 2-3 เขตที่ยังไม่ได้สรุป เนื่องจากมีการประกาศลดพื้นที่ลง ซึ่งก็ต้องแขวนไว้ก่อน ยังไม่เคาะผู้สมัครเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นประเด็นปัญหากันมาก เพราะจากที่เคยแบ่งเขต3คน มีการลดจำนวนเหลือ1คน ดังนั้น สิทธิของส.ส.ใน3เขต จะเป็นอย่างไร ส่วนเขตที่ไม่ใช่พื้นที่เดิมของพรรค แต่มีผู้แสดงความจำนงค์มากกว่า2คนขึ้นไปก็ต้องพิจารณาเช่นกัน
เมื่อถามถึงเขตของนายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ บุตรชายบุญธรรมของนายสุเทพ นายบัญญัติกล่าวว่า เขตนั้นไม่มีคนมาแข่ง และไม่เกี่ยวข้องกับนายวัชระ เพชรทอง แต่อย่างใด เช่นเดียวกับกรณีของนางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ก็ต้องคุยอีกครั้งหนึ่ง
**“หมอผี” ขอลงเขต อ้างทำพื้นที่นาน
ด้าน นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีที่จะถูกดันให้ลงสมัครเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากจ.นครศรีธรรมราชเขตลดลงจาก 10 เขตเหลือ 9 เขต ว่า ตนได้แจ้งความจำนงค์ต่อพรรคว่าขอลงสมัครในเขต 1 จ.นครศรีธรรมราช เพราะถนัดในระบบเขตมากกว่า และที่ผ่านมาตนได้ทำงานในนามพรรคที่จ.นครศรีธรรมราชมานานร่วม 30 ปี มีส่วนช่วยสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นปึกแผ่นที่จ.นครศรีธรรมราชโดยร่วมมือกับทุกฝ่าย และเหตุผลสำคัญที่ตนขอลงสมัครในระบบเขตก็เนื่องจากเขตพื้นที่เลือกตั้งเดิมของตนยังเป็นพื้นที่เดิมทุกอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน โดยไม่มีการแบ่งเขตใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนพรรคจะว่าอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ต้องรับฟังเหตุผลของผู้สมัครด้วย
**ธานินทร์สะกิดเพื่อนย้ายซบ“เติ้ง”
อย่างไรก็ตามมีรายงานแจ้งด้วยว่า ในส่วนของสนามเลือกตั้งในโซน3 จังหวัดภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องสู้ศึกหนัก เพราะคนเก่าแก่ของพรรคได้ตัดสินใจย้ายออกจากพรรคไปสวมเสื้อพรรคการเมืองอื่นแทน เช่น นายธานินทร์ ใจสมุทร อดีตส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกศาลให้ใบแดงจนต้องเว้นวรรคทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 เป็นเวลา5 ปี ซึ่งขณะนี้ได้หลุดพ้นโทษดังกล่าวแล้ว แต่ได้ตัดสินใจย้ายไปสมัครเลือกตั้งส.ส. ในนามพรรคชาติไทยพัฒน พร้อมทั้งยังได้ชักชวนนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีตส.ส.นราธิวาส ไปร่วมด้วย
ทั้งนี้นายธานินทร์ กล่าวยอมรับว่ามีความคิดที่จะย้ายพรรคอยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้ติดสินใจอะไร เพราะต้องรอดูว่าจะมีการยุบสภาจริงหรือไม่ ส่วนที่จะมีส.ส.ภาคใต้ติดตามตนไปด้วยหรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
**เสรีเปิดที่ทำการพรรคประชาสันติ
วันเดียวกันนายเสรี สุวรรณภานนท์ หัวหน้าพรรคประชาสันติ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคได้จัดพิธีทำบุญ พร้อมเปิดที่ทำการพรรคประชาสันติ (ปชส.) ถ.อำนวยสงคราม กทม.โดยมีอดีตนักการเมือง ส.ว.ปี 43 นักธุรกิจ และกลุ่มมวลชน มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง โดยมีสโลแกนของพรรคว่า “คิดได้ ทำได้ ลงมือเร็ว”
ขณะที่มีแนวนโยบาย เช่น ต้องเลิกการเมืองที่แสวงประโยชน์ ผลักดันให้มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ จะผลักดันให้ตั้งธนาคารพุทธ เสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
**บิ๊กบัง โวมาตุภูมิกวาด 8ที่นั่ง3 จ.ใต้
ด้านพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ได้เดินทางมาเปิดศูนย์ประสานงานพรรคมาตุภูมิ เขต 4 ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยมีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเชื่อว่าจะกวาดที่นั่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ 8 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 3 ที่นั่ง จะให้พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยแข่งขันกันเอง
**นักวิชาการ เปิดเว็บสแกนกรรม ส.ส.
ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายจรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ “เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย” WWW.TPD.IN.TH โดยระบุว่าเว็บไซต์ดังกล่าวรวบรวมข้อมูล สถิติ ของนักการเมือง พรรคการเมือง อย่างรอบด้าน จะมีทั้งผลงานของส.ส. สถิติการเข้าประชุม เป็นต้นเหตุทำให้ประชุมล่มหรือไม่ โหวตกี่ครั้ง โหวตเพื่อใคร เคยพูดอะไรไว้แล้วทำได้หรือไม่ มีที่ดิน ทรัพย์สินเท่าไหร่ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าจะทุจริตหรือไม่
รวมทั้งมีการจัดเรตติ้งนักการเมืองโดยให้ประชาชนเข้าไปโหวตว่าพอใจกับผลงานของใคร และผิดหวังส.ส.คนไหนมากที่สุด นอกจากนี้จะมีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทมูลค่ากว่า 100 ล้าน ประมาณ 3,000 แห่ง ที่ทำการค้ากับรัฐบาล และภายใน 1 ปี
**มาร์คบอกทูตสหรัฐได้รัฐบาลใหม่ส.ค.
นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบและหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงสถานการณ์การเมืองไทยว่า จะมีการยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม และจะมีการเลือกตั้งภาย 45-60 วัน และจะมีรัฐบาลชุดใหม่ในเดือนสิงหาคม
**สนธยารับตั้ง "พลังชล"ดันเมียลงเขต
นายสนธยา คุณปลื้ม ในฐานะที่ปรึกษาพรรคพลังชลนำคณะนักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าเยี่ยมคารวะพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ทำเนียบรัฐบาล ยอมรับว่า ได้ตั้งพรรคพลังชลมีนาย เชาว์ มณีวงศ์ อดีต ส.ว.ชลบรี และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนตน คงจะนั่ง เป็นที่ปรึกษา โดยจะส่งผู้สมัครครบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ที่ยังไม่มี โดยคาดจะได้ 12 ที่นั่ง
ขณะที่การทำงานการเมืองกับทางพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในครอบครัวตนก็จะมีนางสุกุมล (เบียร์) ภรรยา ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตที่ จ.ชลบุรีด้วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.มีมติเห็นชอบตามที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองตอบรับจดแจ้งจัดตั้งพรรคพลังชล ที่มีนายเชาวน์ มณีวงษ์ เป็นหัวหน้าพรรค และนายปิลันธน์ดิล จิตรธรรม เลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 8 คน
พรรคพลังชลมีนางสติล คุณปลื้ม มารดานายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชลเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในลำดับที่ 1
**กกต.เสนอร่างเลือกตั้งใหม่ 2 เขต
นายประพันธ์ นัยโวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งเปิดเผยว่าที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาและมีมติเสนอให้ครม.ทูลเกล้าฯ เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ 2 เขต แทนตำแหน่งของ นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร และร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ส.ส.สระบุรีพรรคเพื่อไทย โดย เสนอให้มีการจัดกาเลือกตั้งในวันที่ 5 มิ.ย. และจะเปิดรับสมัครวันที่ 16-20 พ.ค. ทั้งนี้ กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการยุบสภาแต่หากนายกรัฐมนตรียุบสภาในช่วงเวลาที่กำหนดระบุไว้ว่าจะต้องจัดการเลือกตั้ง ก็สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งไปพร้อมกันทั้วประเทศได้
**กกต.เปลี่ยนระเบียบหาเสียง“สถาบัน”
ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีมติให้นำประเด็นที่เพิ่มเติม ในร่างระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า ด้วยการหาเสียงและการดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ... ที่คณะทำงานแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมจัดทำร่างระเบียบฯ โดยได้มีการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการหาเสียงข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.และการดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือตั้ง พ.ศ.2550 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )พ.ศ.2550 และประกาศกกต. เรื่องหลักเกณฑ์การดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แืทนราษฎร พ.ศ.2550 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2 )พ.ศ.2550 ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการหาเสียงเลือกตั้งและหลักเกณฑ์การดำเนินการของนรัฐให้การสนับสนุนการเลือกตั้งส.ส.ให้เป็นไปโดยความเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม
ซึ่งมีอยู่เดิม2 ฉบับนำให้มารวมเข้าด้วยกันเป็นฉบับเดียว ส่วนใหญ่เนื้อหาสาระคงเหมือนเดิม เพียงแต่มีการเพิ่มเติมในประเด็น 3 ประเด็น คือ ประเด็นในเรื่องของสถาบัน ที่กกต.ได้นำมาเขียนอยู่ในหมวดที่ 2 ข้อควรปฏิบัติในการเลือกตั้ง ซึ่งระบะว่า มิบังควรนำพระมหากษัตริย์ ราชินี ราชวงค์ รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการ มาใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง หลังจากที่มีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย จึงมีการเปลี่ยมให้มาอยู่ในข้อควรปฏิบัติจะดีกว่าให้ไปกำหนดให้ในหมวดที่ 3 ซึ่งเป็นหมวดข้อห้ามมิให้ปฏิบัติในการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นคำนิยาม ของเว็บไซต์ พวกสื่ออิเล็คทรอนิค หรือสื่ออื่น ที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ได้จัดทำขึ้น เพืีอโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นใด เช่นพวกไฮไฟร์ ทวิตเตอร์ รวมทั้งจะมีประเด็นในเรื่องของการลดสถานที่การหาเสียงหรือเวทีกลาง ที่กกต.ต้องจัดให้ผู้สมัครพรรคการเมือง มีอย่างน้อยอำเภอละ 2 แห่ง ยกเว้นกทม. ให้อยู่ในดุลยพินิจกกต.กทม. เพราะกกต.จัดแต่ละครั้งให้ก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจ ทั้งนี้หากพรรคการเมืองต่างๆยอมรับ ก็จะนำเสนอต่อกกต.เพื่อออกประกาศได้ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะมีการปรับเพื่อความเหมาะสมก่อน
**“มาร์ค” จี้กกต.ออกกฎการเลือกตั้ง
ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. นี้ ตนไปพบกกต.ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ากกต.จะให้หารือในแง่ของรัฐบาลด้วยก็จะดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่จะไปเสนอกับทางกกต. คืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องข้อเสนอ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อหารือ เพราะว่ายังมีหลายอย่าง ซึ่งทางรัฐมนตรีเองก็ยังไม่มั่นใจว่ากฎหมาย กฎระเบียบว่าอย่างไร และกกต.จะมีข้อแนะนำอะไรในเรื่องการปฏิบัติ แต่หลักๆ ได้เริ่มทยอยรวบรวม ยกตัวอย่างเช่น ที่เราคุยกันไปเมื่อวันอังคาร (26 เม.ย.) ก็ชัดเจนว่าการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐที่ยังมีรูปนักการเมืองอะไรอยู่ ก็จะต้องหยุด
เมื่อถามว่า กฏกติกาของทางกกต. ควรจะเร่งออกมาให้เร็วกว่านี้เพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติของแต่ละพรรคการเมือง หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยิ่งเร็วยิ่งดี แต่ว่าทางกกต. คงเปิดโอกาสให้กับทุกพรรคการเมือง ได้ไปแสดงความคิดเห็นกันในวันที่ 2 พ.ค. นี้ ซึ่งหลังจากวันที่ 2 พ.ค. ตนเชื่อว่าทางกกต.คงที่จะเร่งออก เพราะเขาทราบอยู่แล้วว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า.