xs
xsm
sm
md
lg

“เทือก”ไม่รัก“แจ๊ค” ปชป.กลัว“โหวตโน”เป็นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้(27 เม.ย.) ในการวางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ยังมีปัญหาผู้สมัครมีมากเกินกับจำนวนพื้นที่ ขณะที่การจัดสรรบัญชีรายชื่อผู้สมัครจะต้องได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะส่งให้คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน เพื่อทำการคัดเลือกและส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง
ล่าสุดส.ส.หลายคนที่ได้รับผลกระทบกับการจัดคนลงสมัครต่างจับกลุ่มวิพากษ์กันมาก หลังจากที่นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.ออกมาแถลงข่าววิจารณ์การจัดตัวผู้สมัครที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เช่นมีการนำลูกหลานคนรวยมาลงเลือกตั้ง
ขณะที่บางพื้นที่ยังคงมีปัญหาแย่งกันลงเลือกตั้งเช่น เขต2 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคได้เลือก ม.ล.อภิมงคล โสณกุล แทนนางอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เจ้าของพื้นที่เดิม พื้นที่เขต11 ยังมีปัญหาระหว่างนายบุญยอด สุขถิ่นไทย กับนายสกลธี ภัททิยกุล เนื่องจากนายบุญยอดได้ทำพื้นที่ไปแล้ว แต่นายสกลธีต้องการลงแทน เพราะเขตเดิมถูกนายธนา ธีรวนิช ยึดไปแล้ว ส่วนเขต13 ยังคงแย่งกันระหว่าง นายก้องศักดิ์ ยอดมณี กับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และเขต30 เป็นปัญหาระหว่างนายโกวิทย์ ธารณา กับนางอรอนงค์ คล้ายนก ที่ต่างเป็นส.ส.ในเขตแต่มีการลดจำนวนเหลือที่นั่งเดียว ขณะที่นายสุเทพสนับสนุนให้นางอรอนงค์ ลงเลือกตั้ง แต่นายบัญญัติ อยากให้นายโกวิทย์ลงเพราะแก่พรรษากว่า
แหล่งข่าวในพรรค เปิดเผยว่า ปัญหาสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีใครอยากขึ้นบัญชีรายชื่อ เพราะเท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าระบบนี้จะได้ไม่เกิน50ที่นั่ง ดังนั้นทุกคนต้องการจะอยู่ในลำดับต้นๆ แต่ปัญหาคือในลำดับดังกล่าวมีการจัดสรรไว้ให้กับกลุ่มนายทุน และแกนนำพรรคหมดแล้ว จึงมีแนวโน้มสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการไม่ได้รับเลือก
ล่าสุดมีการประเมินว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ “มีความยากว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชนะพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะส.ส.บัญชีรายชื่ออาจได้แค่ 42 ที่นั่ง หรือมากสุดไม่เกิน 45 ที่นั่ง ขณะที่ส.ส.เขตอาจต้องเสียเช่น ภาคใต้อย่างน้อย5 เสียง เพราะบางจังหวัดมีการลดเขตลง3 เขต ส่วนพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้จะหายไป1-2 ที่นั่ง ส่วนภาคกลางเช่น จ.ชลบุรีเชื่อว่าจะหายไปไม่น้อยกว่า 5 ที่นั่ง เพราะมีบางคนย้ายพรรค แต่ที่สำคัญพื้นที่กรุงเทพ ที่พรรคอาจจะต้องเสียที่นั่งอย่างน้อย15 ที่นั่ง ซึ่งรวมแล้วพรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่งน้อยกว่าเดิมอย่างแน่นอน ประมาณ 155 ถึง 160 ที่นั่ง ซึ่งคาดว่าจะน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยประมาณ 30 ที่นั่ง
แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรครายหนึ่ง กล่าวยอมรับว่า เท่าที่ดูการจัดสรรผู้สมัครส.ส.ของนายสุเทพ และ คณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์มีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะมีหลายพื้นที่วางตัวไม่เหมาะสม ไม่มีฐานเสียงที่แน่นพอ และที่สำคัญมีการจัดเอาส.ส.ที่แข็งในเขตไปใส่ไว้ในบัญชีรายชื่อ แล้วเอาผู้ที่ไม่มีชื่อเสียง หรือพวกมือใหม่ลงสมัครในเขตแทน
ที่สำคัญการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย รณรงค์ให้ประชาชนโหวตโน จะส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์พอสมควร โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ และคาดว่าทั่วประเทศจะมีคนโหวตโน ประมาณ 1 ล้านคน
“ยอมรับว่าโอกาสที่พรรคเราจะได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาลนั้นต้องเหนื่อยพอสมควร เพราะทุกวันนี้ยังไม่สามารถตอบคำถามกับประชาชนได้เลยในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะการบริหารประเทศ ยิ่งเราจะขายนโยบายต่างๆ เช่นการแก้ปัยหาภาคใต้ ปัญหาสินค้าแพง หรือชูนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ก็จะถูกย้อนถามกลับมาว่าแล้วที่ทำอยู่นี้มันสำเร็จแล้วหรือ ก็ไม่สามารถตอบคำถามกับสังคมได้” แหล่งข่าวระบุ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวัชระ ว่า เรื่องของพรรคมีกระบวนการและกลไก โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร คณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งและที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ทุกอย่างมีขั้นตอนอย่างรอบคอบ ดูว่าแต่ละพื้นที่บุคคลที่อาสาลงสมัครรับเลือกตั้ง ใครจะสามารถทำหน้าที่เป็นส.สได้เหมาะสมกว่ากันเป็นเกณฑ์
“ไม่มีความจำเป็นที่ต้องลงไปพูดเป็นรายคนหรือต้องเชิญใครมาคุยด้วย แต่พูดรวม ๆ กันพร้อมไปทีเดียว ส่วนที่มีข่าวว่าตนจะส่งลูกเลี้ยงไปลงสมัครแทนนายวัชระนั้นก็ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นข่าว”นายสุเทพกล่าว
ส่วนข่าวที่ออกมาเป็นภาพความขัดแย้งในพรรคหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่ตอบโต้กับลูกพรรคตน ให้พรรคเพื่อไทยเขาตะลุมบอนกันพรรคเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องลามไปหลายพรรค สำหรับการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรคก็จะเปิดไปเรื่อย ๆ
ส่วนในพื้นที่กทม.ที่มีกระแสพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเสนอเงินให้ถึง 50 ล้านบาท นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเพียงข่าวลือ พื้นที่กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรที่ปั่นป่วน ขณะนี้ในขั้นตอนการจัดผู้สมัครค่อนข้างลงตัวสมบูรณ์ 99 % เหลือ เพียงให้ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการเท่านั้น ยืนยันว่าจะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น
มีรายงานว่า นายนาราชา สุวิทย์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งแกนนำของพรรคและสมาชิกพรรคทุกคน ชี้แจงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคมีมติจะไม่ส่งลงเลือกตั้ง โดยสาระสำคัญของหนังสือดังกล่าวระบุว่า หากมติพรรคเป็นอย่างนั้นจริงก็ยอมรับผล และยังคงทำงานให้พรรคต่อไปอีก เพราะกระตูลของตนอยู่กับพรรคมาเป็นเวลานานถึง 20 ปี มีความจงรักภักดีต่อพรรคทั้งตระกูล และพ่อของตนคือ พ.ต.ท.วิจิตร สุวิทย์ เกิดทางการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกับตนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ได้มีแกนนำของพรรคในพื้นที่โทรศัพท์มาบอกว่า พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ได้ประกาศในพื้นที่ว่าลงสมัครส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน โดยที่แกนนำพรรคและสมาชิกในพื้นที่หลายคนส่วนใหญ่ไม่สามารถยอมรับพล.ต.ต.สุรินทร์ได้ เพราะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 พล.ต.ต.สุรินทร์ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งขณะนั้นแกนนำของพรรคได้มีการต่อสู้กับพล.ต.ต.สุรินทร์อย่างรุนแรงมาก
“หากพล.ต.ต.สุรินทร์ได้ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำของพรรคและสมาชิกพรรคจำนวนมากจะวางมือและหยุดการเคลื่อนไหว เพราะไม่สามารถเข้ากันได้กับพล.ต.ต.สุรินทร์ หากพรรคมีมติไม่ส่งตนลงเลือกตั้งจริง ก็อยากจะขอวิงวอนให้พิจารณาคนของพรรคจะเป็นใครก็ได้ที่ทำงานอยู่กับพรรค เพื่อที่แกนนำของพรรคและสมาชิกพรรคจะได้เกิดความสบายใจ ทำงานหาเสียงให้พรรคอย่างเต็มที่” นายนาราชาระบุในหนังสือดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น