xs
xsm
sm
md
lg

“เกรย์”ดึงมือดีเสริมทัพ ปรับทิศโหมลูกค้าโลคอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – พิษแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส “เกรย์” ปรับตัวใหม่ เพิ่มฐานลูกค้าในประเทศ กระจายความเสี่ยง บาลานซ์สัดส่วนที่ 50% เท่าๆกัน มองหากลุ่มลูกค้าใหม่ในกลุ่มบลูโอเชี่ยน เล็ง ผู้สูงอายุ การศึกษา เคเบิลทีวีและอุตสาหกรรม ดึงมือดีเสริมแกร่ง หวังดันผลประกอบการปีนี้เติบโต 20% หรือกว่า 600 ล้านบาท

นางภัทรพร วงศ์มีศักดิ์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร และผู้จัดการประจำ บริษัท เกรย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือ WPP ผู้ดำเนินธุรกิจด้านกลยุทธ์สร้างแบรนด์และการสื่อสารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้ ทางบริษัทจะเดินหน้าพัฒนาสร้างสรรค์ผลงานโฆษณาของลูกค้าให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมทีมครีเอทีฟ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ล่าสุดได้มือดีในวงการโฆษณาเข้ามาร่วมงานด้วย คือ นายสุวิทย์ จตุริยสัจจกุล และนายวิชิต เจียมศิริกาญจน์ ร่วมทำงานในตำแหน่ง Executive Creative Director รวมถึงให้ความสำคัญกับบริการด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง และขยายโอกาสทางธุรกิจสำหรับลูกค้ามากขึ้น

ที่สำคัญ บริษัท เดินหน้าเพิ่มฐานลูกค้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจาก 2-3 ปีก่อน ช่วงที่มีวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสเกิดขึ้น ซึ่งเวลานั้นลูกค้าหลักเป็นบริษัทต่างชาติ ได้ส่งผลให้ปีนั้นค่อนข้างแย่ แต่ก็ยังสามารถประคับประคองรายได้ให้ทรงตัวมาได้ หลังจากนั้นจึงหันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าในประเทศมากขึ้น โดยในปี 2552 มีสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 30% และต่างชาติ 70% ปีที่ผ่านมาลูกค้าในประเทศเพิ่มเป็น 40% และภายในปีนี้ เชื่อว่าจะสามารถสร้างสัดส่วนลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ที่ 50% เท่าๆกัน

“การที่เกรย์สามารถก้าวผ่านช่วงแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสมาได้นั้น เนื่องจากขนาดของบริษัทค่อนข้างเล็ก ถึงแม้จะเจอผลกระทบมากกว่าบริษัทใหญ่ๆ แต่ก็สามารถปรับตัวได้ดีกว่า รวมถึงก้าวผ่านช่วงเวลาดังกล่าวได้เร็วกว่าบริษัทใหญ่”

นางภัทรพร กล่าวต่อว่า อีกปัจจัยสำคัญที่หันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าในประเทศนั้น เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย รวมถึงอีกหลายๆประเทศในเอเชีย ทั้ง จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ถือเป็นกลุ่มประเทศที่กำลังมาแรง ในกลุ่มประเทศที่น่าลงทุน

อย่างไรก็ตามการเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศนั้น ยอมรับว่าในแวดวงเอเจนซี่ด้วยกันแล้ว ต่างก็หันมาโฟกัสลูกค้าโลคอลกันหมด ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นทางบริษัทจึงโฟกัสตลาดบลูโอเชี่ยนเป็นหลัก เล็งหาลูกค้าที่ยังไม่มีใครสนใจ และมองเห็นโอกาสในการเติบโต เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ การศึกษา โรงพยาบาล เคเบิลทีวี และวงการอุตสาหกรรม เป็นต้น เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีผลประกอบการเติบโตขึ้น 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท จากปีก่อน 500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 52 เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น