วานนี้(27 เม.ย.)พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า รมว.กลาโหมอนุมัติการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ไม่เป็นความจริง ในการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเพียงวาระการชี้แจงให้สภากลาโหมได้รับทราบ ซึ่งที่ประชุมกองทัพเรือเสนอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำด้วยงบประมารณ 7.5 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นเรือที่ยังใช้งานได้ 4 ลำ และเรือที่ปลดประจำการอีก 2 ลำ รวมไปถึงงบประมาณการปรับปรุงให้ทันสมัย เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศ และการสร้างอาคารซ่อม รวมถึงเครื่องช่วยฝึกจำลอง ซึ่งในที่ประชุมพล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุว่า หากมีการอนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำ จะรับผิดชอบเป็นผู้ชี้แจงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเองถึงความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ขณะนี้เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำยังไม่ผ่านขั้นตอนมาถึงรมว.กลาโหม และตนในฐานะเลขาฯยังไม่ได้รับเรื่องนี้ ดังนั้นการบอกว่า มีการอนุมัติจัดซื้อไปแล้วไม่เป็นจริง
“การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทุกเรื่องต้องผ่านกองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ และกรมพระธรรมนูญ การจัดซื้อเรือดำน้ำต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ซึ่งเราเป็นห่วงเรื่องความโปร่งใส อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนเป็นเลขาฯรมว.กลาโหม ถ้าไม่โปร่งใสตนคงไม่ยอม แม้เรื่องอาจจะช้าหน่อย แต่ต้องรอบคอบ” เลขานุการรมว.กลาโหมกล่าว
พล.อ.นพดล กล่าวอีกว่า เรื่องที่รมว.กลาโหมจะต้องพิจารณา คือ จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำหรือไม่ และหากจะต้องมี ต้องใช้งบประมาณมากหรือไม่ จะจัดซื้อของใหม่หรือเก่า ต้องช่วยกันคิดอีกนาน ซึ่งไม่น่าจะทันในการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ เพราะขณะนี้เหลือการประชุมครม.อีกเพียงครั้งเดียว และขณะนี้รมว.กลาโหมยังติดภารกิจเยือนประเทศจีน เดินทางกลับมาวันที่ 28 เม.ย.นี้ การที่รมว.กลาโหมจะนำเรื่องเข้าบรรจุในวาระครม.สัปดาห์หน้า เป็นเรื่องยาก การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพไม่ได้ซื้อง่ายๆ ต้องผ่านขั้นตอนมาก มาบอกว่า อนุมัติซื้อเพื่อให้ทันก่อนที่จะมีการยุบสภาเป็นไปไม่ได้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า รมว.กลาโหมจะซื้อเรือดำน้ำจากประเทศเกาหลีนั้น ยืนยันว่า ไม่มีความต้องการและไม่เป็นความจริง การเดินทางไปเกาหลีเพียงดูการผลิตอาวุธ ไปดูเรือดำน้ำ เรือผิวน้ำ อาวุธปืนเล็ก และปืนใหญ่ เพื่อนำมาพัฒนาสถาบันป้องกันประเทศของไทย ทั้งนี้การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในสมัยที่พล.อ.ประวิตร เป็นรมว.กลาโหม ไม่เคยมีการสั่งให้ซื้อ แต่เป็นความต้องการของแต่ละเหล่าทัพที่เสนอขึ้นมาก็ต้องเซ็นอนุมัติ ถ้าไม่อนุมัติจะมีความผิดในมาตรา 157 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
“การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทุกเรื่องต้องผ่านกองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ และกรมพระธรรมนูญ การจัดซื้อเรือดำน้ำต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ซึ่งเราเป็นห่วงเรื่องความโปร่งใส อย่างไรก็ตามในฐานะที่ตนเป็นเลขาฯรมว.กลาโหม ถ้าไม่โปร่งใสตนคงไม่ยอม แม้เรื่องอาจจะช้าหน่อย แต่ต้องรอบคอบ” เลขานุการรมว.กลาโหมกล่าว
พล.อ.นพดล กล่าวอีกว่า เรื่องที่รมว.กลาโหมจะต้องพิจารณา คือ จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำหรือไม่ และหากจะต้องมี ต้องใช้งบประมาณมากหรือไม่ จะจัดซื้อของใหม่หรือเก่า ต้องช่วยกันคิดอีกนาน ซึ่งไม่น่าจะทันในการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ เพราะขณะนี้เหลือการประชุมครม.อีกเพียงครั้งเดียว และขณะนี้รมว.กลาโหมยังติดภารกิจเยือนประเทศจีน เดินทางกลับมาวันที่ 28 เม.ย.นี้ การที่รมว.กลาโหมจะนำเรื่องเข้าบรรจุในวาระครม.สัปดาห์หน้า เป็นเรื่องยาก การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพไม่ได้ซื้อง่ายๆ ต้องผ่านขั้นตอนมาก มาบอกว่า อนุมัติซื้อเพื่อให้ทันก่อนที่จะมีการยุบสภาเป็นไปไม่ได้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า รมว.กลาโหมจะซื้อเรือดำน้ำจากประเทศเกาหลีนั้น ยืนยันว่า ไม่มีความต้องการและไม่เป็นความจริง การเดินทางไปเกาหลีเพียงดูการผลิตอาวุธ ไปดูเรือดำน้ำ เรือผิวน้ำ อาวุธปืนเล็ก และปืนใหญ่ เพื่อนำมาพัฒนาสถาบันป้องกันประเทศของไทย ทั้งนี้การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในสมัยที่พล.อ.ประวิตร เป็นรมว.กลาโหม ไม่เคยมีการสั่งให้ซื้อ แต่เป็นความต้องการของแต่ละเหล่าทัพที่เสนอขึ้นมาก็ต้องเซ็นอนุมัติ ถ้าไม่อนุมัติจะมีความผิดในมาตรา 157 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่