xs
xsm
sm
md
lg

ลามเขาวิหาร เขมรยิงBM-21ถล่มไทยหนัก ครม.หงอ!ยังไม่ปิดด่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน/ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-เขมรเหิมยิงจรวด BM-21 และปืนใหญ่ถล่มหมู่บ้านคนไทย บ้านเรือนเสียหายหลายหลัง ชาวบ้านเสียชีวิต 1 บาดเจ็บพร้อมทหารอีกหลายคน พร้อมเปิดแนวรบไปทางด้านชายแดนเขาพระวิหาร-ภูมะเขืออีก หวังสอย F-16 ไทยให้ร่วง ขณะที่ทหารไทยบุกยึดอาวุธเขมรได้เพียบเก็บไว้เป็นหลักฐานมัด"ฮุน เซน" ด้านครม.มีมติให้ทุกกระทรวงทบทวนนโยบายความร่วมมือกับเขมร แต่ยังไม่ปิดด่าน ไม่เพิ่มกำลังทหาร "มาร์ค"ดีใจเก้อ หลังเขมรติดต่อขอเจรจา แต่ล่าสุดได้มีการยกเลิกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปะทะกันอย่างดุเดือดของทหารไทยและทหารกัมพูชา ตลอดแนวชายแดนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว และมีแนวโน้มที่จะขยายวงกว้างออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

**เขมรยิงBM21คนไทยเจ็บ3ดับ1

เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นต้นมา ได้มีการเปิดฉากการยิงปะทะกันที่หนักที่สุดในหลายรอบๆ ที่ผ่านมา โดยทางกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธหนัก เช่น ได้ระดมยิงจรวดติดรถยนต์แบบ BM-21 ขนาด 40 ลำกล้องเข้ามาตกในหมู่บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านหนองคันนา และบ้านตาเมียง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ 2 ลูก ทำให้ชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ 3 คน คือ นายสนั่น เติมประโคน ถูกสะเก็ดระเบิดเบ็ดเจ็บอาการสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมานายสวัสดิ์ หาญเชี่ยว ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขา และอีก 1 คนไม่ทราบชื่อ

ส่วนที่บ้านหนองคันนา และบ้านตาเมียง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ทหารเขมรได้ยิงกระสุนจรวด BM-21 เข้ามาตกและเกิดระเบิดขึ้นภายในบริเวณหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายอัมพร วงศ์ชาดา และบ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง

นอกจากนั้น กระสุนปืนใหญ่ของทหารกัมพูชา ยิงเข้ามาตกที่บริเวณทิศตะวันออกของบ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได ใกล้กับปราสาทตาควายอีก 5 ลูก แต่ไม่มีผู้ได้รับอันตราย และมีกระสุนจรวด BM-21 มาตกในหมู่บ้านอุโลก ต.บักได อ.พนมดงรัก ทำให้บ้านเรือนราษฏรไทยเสียหาย 1 หลัง วัวตาย 1 ตัว รถยนต์เสียหาย 1 คัน

มีรายงานข่าวด่วยว่า การปะทะกันครั้งนี้มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ พลทหารบรรเจิด วงศ์ประมวล สังกัดกรมทหารราบที่ 2341, ทหารพรานภาคภูมิ แรงล้อม สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 2607 และ ส.อ.พงษ์เทพ นรารัตน์ สังกัดทหารปืนใหญ่ 623 จนเวลา 17.30 น.เสียงปืนจากการปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ฝ่ายกัมพูชาลดการยิงจรวด BM-21 ทั้งนี้ คาดว่าการยิงจรวด BM-21 ของทหารเขมรเข้ามายังฝั่งไทยในครั้งนี้น่าจะเป็นการยิงเพื่อปรับปืนของทหารกัมพูชา ทำให้เชื่อว่านับจากนี้ไปการปะทะจะรุนแรงมากขึ้น

**ปะทะที่กาบเชิงชาวบ้านหนีตายวุ่นเจ็บ2

ต่อมาเวลาประมาณ 18.30 น.ทหารกัมพูชา ได้ยิงปืนจรวดติดรถยนต์แบบ BM -21 ขนาด 40 ลำกล้อง จากบริเวณช่องปลดต่าง ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากด่านผ่านแดนถวารไทย-กัมพูชาช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง ไปทางด้านทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร เข้ามายังฝั่งไทย 2 ชุดๆ ละ 10 นัด ทำให้ลูกจรวดเข้ามาตกภายในหมู่บ้านน้อยร่มเย็น บ้านเขื่อนแก้ว ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง ลึกเข้ามาจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชากว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอกาบเชิงแค่ 2-3 กิโลเมตร หลายลูกสร้างความเสียหายเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่ทหารไทยได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ตอบโต้กลับไป 2 นัดทำให้เสียงปืนของฝ่ายกัมพูชาได้ยุติลง

หลังเสียงปืนสงบลงจากการตรวจสอบ พบว่ามีลูกจรวด BM -21 ตกลงกลางบ้านของนายพรชัย จงกรต ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง ซึ่งเป็นบ้านไม้ขนาด 2 ชั้นเสียหายทั้งหลัง ทำให้ น.ส.จีระนันท์ จงกรต ลูกสาวอายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (ม.4) ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่กับแม่ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดบริเวณข้อศอก และนายวีระยุทธ์ คำปาน ชาวศรีสะเกษมารับจ้างทำนาปรัง อยู่ข้างบ้านนายพรชัย ถูกสะเก็ดเข้าบริเวณลำตัวและศีรษะอาการสาหัสเป็นตายเท่ากันทั้ง 2 รายถูกนำส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลปราสาท

นอกจากนี้ ลูกจรวด BM -21 ยังตกใส่คลองส่งน้ำ ระบบสายส่งไฟฟ้าได้รับความเสีย ต้นไม้ขนาดใหญ่ข้างถนนสายหลักมุ่งสู่ด่านช่องจอม โค่นล้ม กระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง มีวัวถูกสะเก็ดระเบิดตายและบาดเจ็บอีกหลายตัว ทางอำเภอกาบเชิง ได้สั่งให้อพยพประชาชนหมู่บ้านชายแดนเขต ต.โคตะเคียน ,ต.ด่าน และ ต.กาบเชิง ในรัศมีการยิงของทหารเขมรออกจากพื้นที่ รวมทั้งได้อพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมดในโรงพยาบาลกาบเชิง อ.กาบเชิง ไปยัง โรงพยาบาลปราสาท อ.ปราสาท

**โฆษกทภ.2อัดเขมรยิงก่อนทุกครั้ง

พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 แถลงว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ ได้เกิดการปะทะระหว่างทหารฝ่ายกัมพูชากับทหารไทยขึ้นที่พื้นที่ใกล้เคียงกับปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ซึ่งการปะทะครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงเข้ามาในฝั่งไทยก่อน โดยทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธบีเอ็ม 21 ยิงเข้ามาในพื้นที่ของไทยตั้งแต่ประสาทตาควาย จนถึงปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ซึ่งทหารไทยได้ทำการตอบโต้ไปด้วยอาวุธปืนใหญ่อย่างสมเหตุสมผล

ส่วนประเด็นของการเจราจรนั้นก่อนหน้านี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้พยายามที่จะเจรจาในทุกระดับ แต่ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีเพียงนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งยืนยันว่าทางฝ่ายไทยพร้อมที่จะเจรจาเพื่อยุติปัญหาทุกเมื่อแต่ขึ้นอยู่กับผู้นำประเทศของกัมพูชาว่าจะตัดสินใจอย่างไร

พ.อ.ประวิทย์กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.จนถึงวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดการปะทะกันขึ้นที่บริเวณปราสาทตาควาย โดยหลังการปะทะสงบลงทางทหารของไทยได้เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณการสู้รบ สามารถยึดอาวุธสงครามของทหารฝ่ายกัมพูชาที่ทิ้งเอาไว้ในพื้นที่ ประกอบด้วยปืนคอร์ 60 หรือ เครื่องยิงระเบิด 60 จำนวน 1 เครื่อง พร้อมกระสุน 10 ลูก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2 กระบอก พร้อมลูกกระสุน 4 ลูกและกระสุนเอ็ม 80 อีก 100 นัด

"อาวุธที่สามารถยึดได้นั้นเป็นหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เป็นผู้เริ่มลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ของไทยและเปิดฉากโจมตีไทยก่อน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ทำให้ทหารไทยจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังตอบโต้อย่างสาสม"

**เผยปะทะคืน25ทหารไทยเจ็บ11

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการสู้รบตลอดทั้งคืนวันที่ 25 จนถึงเช้าวันที่ 26 เม.ย.นั้น ทหารไทยกับทหารกัมพูชาได้เปิดฉากปะทะกันเป็นระลอกตลอดทั้งคืน ที่บริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได และปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก หลังจากได้เปิดฉากยิงต่อสู้กันด้วยอาวุธเบา และอาวุธหนักนานาชนิดทั้งปืนอาก้า ปืนเอ็ม 16 ปืนกลและปืน ค.ในช่วงค่ำเวลา 18.05 น.วันที่ 25 เม.ย. จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ตอบโต้กันด้วยปืนใหญ่และหยุดยิงปืนใหญ่เข้าใส่กันในเวลาประมาณ 20.30 น.ก่อนมีการเปิดปะทะกันด้วยอาวุธปืนเล็กเป็นระยะๆ ตลอดทั้งคืน และเสียงปืนการยิงต่อสู้กันได้เงียบลงเมื่อเวลา 05.00 น.เช้าวานนี้ (26 เม.ย.)

ผลการปะทะกันดังกล่าวทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจำนวน 11 นาย ส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย ถูกส่งต่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ทั้งหมดอาการปลอดภัย

**ปีนใหญ่เขมรตกใส่บ้านไทย7-8ลูก

นอกจากนี้ จากการสูรบเมื่อช่วงคืนวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ยังพบกระสุนปืนไร้แสงสะท้อนของฝ่ายทหารเขมร ยิงเข้ามาตกในหมู่บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก 7-8 ลูกยังไม่ระเบิด 3 ลูกและมีรายงานกระสุนปืนใหญ่ทหารเขมรยิงเข้าไปตกในหมู่บ้านหนองจูบ ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก อีกราว 4 ลูก ยังไม่ระเบิด 2 ลูก แต่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บเนื่องจากทางการไทยได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดนทั้งหมดแล้ว โดยกระจายไปพักอาศัยอยู่ตามศูนย์อพยพชั่วคราวๆ ต่าง

**ทหารไทยยึดอาวุธทหารเขมรได้อื้อ

ขณะที่ พ.อ.ปรีดา บุตราช ผู้อำนวยการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 (ส่วนหน้า) ได้แถลงข่าวการยึดอาวุธของทหารกัมพูชาหลังจากเกิดการปะทะกับทหารไทยที่บริเวณปราสาทตาเมือน เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะที่กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 962 วางกำลังประจำที่มั่นบริเวณด้านทิศตะวันออกปราสาทตาเมือนธม ทหารกัมพูชา ได้เคลื่อนที่เข้าสู่ที่มั่นฝ่ายไทย รุกล้ำเข้ามาบริเวณเส้นเขตแดนไทย ห่างประมาณ 50 เมตร และได้ปะทะกับฝ่ายทหารไทยนานประมาณ 15 นาที

หลังการปะทะทหารไทยได้จัดกำลังเข้าพิสูจน์ทราบบริเวณดังกล่าว สามารถทำการยึดอาวุธโธปกรณ์ของทหารกัมพูชาได้ 5 รายการ ประกอบด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มิลลิเมตร 1 กระบอก พร้อมลูกระเบิดยิง 10 นัด เครื่องยิงจรวด RPG-2 จำนวน 1 กระบอกพร้อมลูกระเบิดยิงอีก 5 นัด นอกจากนี้ ยังมีกระสุนปืนกล M-80 อีก 100 นัด และจากการเกิดการยิงปะทะของทหารไทยกับทหารกัมพูชาอีกระลอกช่วงค่ำวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมาทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 7 นาย

**พระเทพฯพระราชทานสิ่งของนักรบไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.30 น.วานนี้ นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สุรินทร์ 3 นาย ซึ่งขณะนี้ทหารทุกนายปลอดภัย จากนั้นได้เดินทางไปยังศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเองปราสาท อ.ปราสาท เพื่อมอบสิ่งของพระราชทานแก่ผู้อพยพกรณีเหตุฉุกเฉินการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดน จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยโดยมีนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้รับมอบสิ่งของ ต่อมาช่วงบ่ายได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจทหาร พร้อมมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์

**ทูลกระหม่อมฯมอบทรัพย์ส่วนพระองค์

ต่อมาเวลา 11.00 น.นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เดินทางไปยังศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนบ้านโคกกลาง อ.พนมดงรัก เพื่อมอบอาหารพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พร้อมเวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภคและหนังสือไปแจกให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนที่ประสบภัยจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ตามโครงการ "หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย" จากนั้น ผู้แทนพระองค์ฯได้เดินทางไปยัง รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ เพื่อเข้าเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บและมอบพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สิ่งของพระราชทานแก่ทหารที่ด้วย

**3บิ๊กทหารลงเยี่ยมประชาชน-ทหารเจ็บ

ต่อมาเวลา 14.40 น.พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รมว.ลาโหม พร้อม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.และ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และคณะนายทหารจากกองทัพบกได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.สุรินทร์ และ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ จากนั้นได้เดินทางไปรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การสู้รบที่กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 โดยมี พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร มทภ.2 พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนที่ศูนย์อพยพชั่วโรงเรียนบ้านโคกสะอาด ต.โคกสะอาด อ.พนมดงรัก

**อนุมัติสร้างหลุมหลบภัย169 แห่ง

ขณะที่นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ มท 0617/3654 ลงวันที่ 26 เม.ย.2554 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ แจ้งว่า กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้ จ.สุรินทร์ ดำเนินการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่ อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก 169 แห่งๆ ละ 109,000 บาท เป็นเงิน 18,421,000 บาทแยกเป็น อ.กาบเชิง 131 แห่ง ,อ.พนมดงรัก 31 แห่ง และนายอำเภอท้องที่อนุมัติ 7 แห่ง และให้จัดซื้อเครื่องเตือนภัยมือหมุนให้ อ.พนมดงรัก 16 อันๆ ละ
10,165 บาท เป็นเงิน 162,240 บาท รวม 2 โครงการเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 18,583,640 บาท ซึ่ง จ.สุรินทร์ จะได้ดำเนินการตามที่ได้รับอนุมัติโดยเร่งด่วนต่อไป

**ลาม"ภูมะเขือ"ปะทะเดือด30นาที

ส่วนสถานการณ์ด้าน จ.ศรีสะเกษ เวลา 13.45 น.ขณะที่เครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทย 2 ลำกำลังบินลาดตระเวนในเขตแดนไทยใกล้กับเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ปรากฏว่า ขณะที่กำลังบินตรวจการอยู่นั้นทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เครื่องบิน F-16 จำนวน 3 นัด เสียงดังสนั่นหวั่นไหวบริเวณภูมะเขือ ซึ่งทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้กับฝ่ายกัมพูชา และเกิดการปะทะกันดุเดือดนาน 30 นาที เสียงปืนจึงได้สงบลงเมื่อเวลาประมาณ 14.15 นาที

**"ภูมิซรอล"กระเจิงหนีเข้าหลบหลุบภัย

จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณภูมะเขือในครั้งนี้ ทำให้บรรดาประชาชนไทยตามหมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ เช่น บ้านภูมิซรอล บ้านโศกขามป้อม ต.เสาธงชัย บ้านบ้านซำเม็ง และบ้านโดนอาว พากันหอบลูกจูงหลานถือกระเป๋าสัมภาระข้าวของวิ่งขึ้นรถทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถไถนาเดินตาม รถจักรยานยนต์ รวมทั้งรถยนต์ที่ทางราชการจัดไว้ให้บริการช่วยเหลือพากันอพยพเข้าไปอยู่ที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ กันอย่างโกลาหล

ขณะที่ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ส่วนหนึ่งได้พากันวิ่งเข้าไปหลบภัยอยู่ในหลุมหลบภัยที่ทางราชการได้สร้างขึ้นไว้ในเขตหมู่บ้านภูมิซรอลหลายสิบแห่ง หลังจากสิ้นเสียงปืนแล้วชาวบ้านได้พากันอุ้มลูกจูงหลานออกมาจากหลุมหลบภัยมานั่งพักอยู่บริเวณหน้าบ้านเรือนของตัวเอง แต่ยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมทั้งตำรวจ และทหารได้ออกลาดตระเวนภายในหมู่บ้านทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอ.กันทรลักษ์ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านอย่างเต็มที่

**ปืนใหญ่เขมรตกหมู่บ้าน7ลูกพัง2หลัง

นายณัฐ ชาติวัฒนศิริ นายอำเภอบ้านกรวด เผยว่า เวลา 16.00 น.ได้มีลูกกระสุนปืนใหญ่จากการปะทะของกองกำลังทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา ที่บริเวณชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เข้ามาที่บริเวณถนนในหมู่บ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดปะทะฝั่งชายแดน อ.พนมดงรัก เพียง 4-5 กิโลเมตร 7 ลูกทำให้สะเก็ดระเบิดจากลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ตกกระทบกับพื้นถนน เกิดเปลวไฟลุกไหม้หญ้าริมถนน และไฟได้ลุกลามไปไหม้บ้านเรือนของราษฎรที่อยู่ใกล้เคียง 2 หลัง ซึ่งหลังได้รับรายงานทางเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้ระดมรถบรรทุกน้ำเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างเร่งด่วนแล้ว

"จากการตรวจสอบเหตุลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ตกเข้ามาในพื้นที่นั้นมีเพียงบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 2 หลัง แต่ไม่พบชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด"

**"มาร์ค"สั่งทบทวนร่วมมือกับกัมพูชา

วันเดียวกันนี้ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้หารือถึงปัญหาเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทุกกระทรวง ทบทวนกลไกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น ด้านการค้า ด้านวัฒธรรม และด้านการข่าว โดยให้แต่ละกระทรวงที่มีความเกี่ยวข้อง ประสานงานโดยตรงกับกระทรวงต่างประเทศ แต่ยังไม่มีมาตรการปิดด่านชายแดน หรือเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่อื่นๆ แต่จะเน้นการตรวจตราประชาชนที่เดินทางระหว่างประเทศทั้งสอง ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หากกระทรวงใดไม่สามารถดำเนินการได้ตามมติดังกล่าว จะต้องขออนุมัติจากที่ประชุม ครม.ก่อนโดยมาตรการแก้ปัญหาในขณะนี้จะยึด 3 แนวทาง คือ การตอบโต้ทางการทหารและผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ มาตรการทางการทูต เพื่อให้กัมพูชากลับมาสู่การเจรจาระดับทวิภาคีและการปรับมาตรการการทำงาน และกลไกของกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา

"รัฐบาลมีหลักฐานสำคัญที่จะนำมาใช้ในการเจรจาเพื่อให้เหตุปะทะยุติลง เพราะในระหว่างที่ทหารไทยเจรจาอยู่กับทหารกัมพูชา กลับมีการโจมตีจากทางฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจะนำหลักฐานนี้ไปประกอบกับการชี้แจงต่อนานาชาติด้วย" นายปณิธานกล่าว

นายปณิธาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้นานาชาติต้องการให้กัมพูชากลับมาสู่การเจรจา และเชื่อว่าการที่ผู้นำสองประเทศจะได้พบปะในการประชุมอาเซียนสัปดาห์หน้า ที่ประเทศอินโดนีเซียจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ขณะที่กรอบของอาเซียนนั้น ทางไทยได้ส่งหนังสือถึงประธานอาเซียนและนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้นัดประชุมกับประธานอาเซียน ในวันที่ 28 เม.ย.นี้

"รัฐบาลจะเน้นมาตรการรักษาความปลอดภัยของประชาชนและดูแลไม่ให้เหตุปะทะขยายวงออกไป เพราะทางกัมพูชาพยายามจะยกระดับ แต่ทางไทยสามารถควบคุมได้ โดยพล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ทางกองทัพเตรียมพร้อมตลอดเวลา พร้อมกันนี้ขอยืนยันว่า แนวนโยบายของรัฐบาล และกองทัพ ตรงกันไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน และแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็สามารถดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ได้ ไม่มีปัญหา"

ทั้งนี้ เชื่อว่า สถานการณ์โดยรวมในขณะนี้เริ่มคลายตัว แต่เหตุปะทะที่เกิดขึ้นอาจยังต้องใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์ แต่ทางรัฐบาลและกองทัพ จะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการยกระดับรุนแรงมากยิ่งขึ้น

**ทหารลุยได้เลยไม่ต้องรอคำสั่งรัฐบาล

นายปณิธานกล่าวจุดยืนของรัฐบาลต่อท่าทีของกองทัพที่ระบุว่าพร้อมรบแล้ว เหลือเพียงรอคำสั่งจากรัฐบาลเท่านั้น ว่า ในการประชุมครม. นายกฯ ให้ความเห็นชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาล มีจุดยืนเดียวกัน โดยนโยบายของรัฐบาล คือป้องกัน 2 พื้นที่ไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไรเพิ่ม เพราะเป็นหน้าที่ของกองทัพอยู่แล้ว ในการป้องกัน ดูแลที่มีกรอบกติกาในการใช้กำลังที่ทำได้เลย แต่ยังไม่มีนโยบายเพิ่มเติมในการไปดำเนินการในพื้นที่อื่น หากกองทัพจะดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ รัฐบาลต้องอนุมัติ ซึ่งเป็นเรื่องทั่วไป ที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการใช้กำลัง กองทัพต้องกลับมาขออนุมัติกับรัฐบาล ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบาย และเป็นจุดยืนที่เราจะไม่เปิดพื้นที่อื่น ที่นอกเหนือจากตาเมือนธม และตาควาย แต่ในพื้นที่ที่มีการรุกเข้ามา เป็นเรื่องที่กองทัพทำงานได้เลย แม้เป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นหน้าที่ของกองทัพ

**เตรียมส่งหลักฐานเขมรยิงก่อน ให้ UNSC

นายปณิธาน กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุม ครม. ทางรมว.กลาโหมได้ระบุว่า ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่มีการพูดคุยกันตั้งแต่วันแรกๆ แต่ปรากฏว่า ระหว่างพูดคุยเขาก็เปิดฉากโจมตีทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องรายงานต่อนานาชาติไปเรื่อยๆ ว่า นี่เป็นการโจมตีก่อนในลักษณะที่ไม่ได้ตั้งตัว และผิดหลัก และหลังจากโจมตีก็ไม่ยอมมีการพูดคุยอะไร และโจมตีอย่างต่อเนื่อง

"ถ้ากระทรวงการต่างประเทศ เสนอหลักฐานตรงนี้ได้ชัดเจน ปัญหาใหญ่จะตกอยู่กับกัมพูชา โดยจะนำหลักฐานเข้าสู่ 3 จุดคืออาเซียน ยูเนสโก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่กรุงนิวยอร์ก ซึ่งจะทยอยส่งข้อมูลไป แต่ขณะนี้เราได้ข้อมูลชัดเจนเรื่องถูกโจมตีก่อน ทั้งแนวการยิงลักษณะของบาดแผล อาวุธที่ใช้ เราพร้อมที่จะส่งข้อมูลให้ และเริ่มดำเนินการกดดันให้กัมพูชา กลับเข้ามาในกรอบทวิภาคี" นายปณิธานกล่าว

**"มาร์ค"เผยกัมพูชาขอเจรจาแล้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า วันนี้ยังมีการปะทะกันอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ บางพื้นที่การปะทะ เกิดจากการความเข้าใจผิด และเป็นการสั่งการอะไรต่างๆ ที่เป็นปัญหาของฝ่ายกัมพูชา เช่น ที่บริเวณภูมะเขือ ที่อ้างว่ามีเครื่องบินอะไรต่างๆ แต่บางส่วนเห็นได้ชัดว่า เป็นความพยายามของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้วิธีการโจมตีเรา ทำให้เราต้องตอบโต้ เพราะเราไม่ยอมให้เข้ามายึดพื้นที่เด็ดขาด ตรงนี้ ครม.พูดกันชัดเจน และทางกองทัพ ก็ตอบโต้เต็มที่ และทำมาต่อเนื่องหลายวัน เราคิดว่าน่าจะทำให้หยุดหลายสิ่งหลายอย่างได้

"เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 เม.ย.) ก็มีการไปยึดอาวุธอะไรต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งเราทำเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนแนวโน้มขณะนี้อย่างน้อยที่สุดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะคุยกันและเข้าใจว่าล่าสุดทางกัมพูชาออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่าจะเชิญ รมว.กลาโหม เราไปคุย ซึ่งเรายินดีที่จะคุย"

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าว ล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ ทางกัมพูชาได้ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับไทยในวันนี้ (27 เม.ย.) แล้ว

**สุเทพลั่นถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ต้องเจรจา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่าทางกัมพูชาไม่พร้อมจะเจรจาด้วยว่า ถ้ายังไม่พร้อม จะเจรจา ก็ยังไม่เจรจา รอไปเมื่อไรพร้อมค่อยคุยกัน ค่อยๆ ว่าไป โดยจุดยืนของรัฐบาลไทย คือ 1.เราต้องให้ความเข้าใจ และเห็นใจพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ ที่อยู่ชายแดน ประชานเหล่านั้นถือเป็นญาติ เป็นพี่น้อง ไปมาหาสู่ค้าขายกัน ไม่ได้คิดจะสู้รบกันรัฐบาลพยายามดูแลไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตปกติของประชาชนบริเวณชายแดน 2.รัฐบาลไทยไม่ต้องการให้เป็นเรื่องขยายไปถึงประชาชนกับประชาชน ต้องไม่สร้างความรู้สึกที่ทำให้เห็นว่า แต่ละชาติเป็นศัตรูกัน3.ทั้งหมดเป็นเรื่องของรัฐบาล และผู้นำประเทศ ในขณะนี้เขายังไม่พร้อมที่จะเจรจา เราก็รอ ถึงอย่างไรก็ต้องลงเอยด้วยการเจรจา ทุกสนามรบ ต้องเป็นอย่างนี้

**แฉมะเร็งปอด เล่นงาน"ฮุน เซน"

แหล่งข่าวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด นอนรักษาตัวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า ไม่กล้ายืนยันในเรื่องนี้ แต่ก็สังเกตเห็นว่า ขณะนี้ไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวในเรื่องการปะทะ ระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่ จ.สุรินทร์ จากฮุนเซน เลย ซึ่งต่างจากกรณีปะทะที่บริเวณชายแดนด้านเขาพระวิหาร เมื่อต้นเดือน ก.พ.54 ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง

**แผนยึด"ตาควาย"ก่อนผู้สังเกตุการณ์มา

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนด้ายเขาพระวิหารยังคงปกติและยังมั่นใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่กล้าเปิดฉากปะทะกับไทยในจุดนี้ เพราะการเปิดศึกหลายด้านจะทำให้ฝ่ายกัมพูชา เพลี่ยงพล้ำอย่างหนักได้ และที่สำคัญ ชัยภูมิทางด้านนี้ฝ่ายไทยได้เปรียบมากกว่าทางจ.สุรินทร์ ดังนั้น พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ.ของกัมพูชา จึงพุ่งเป้าไปที่ปราสาทตาควาย เป็นหลักเนื่องจากบริเวณนั้น ยังไม่มีการปักปันเขตแดนที่ชัดเจน และเป็นชัยภูมิที่สูสีกับฝ่ายไทย ซึ่งทาง พล.ท.ฮุน มาเนต ต้องการจะยึดพื้นที่ปราสาทตาควายให้ได้ก่อน ที่จะมีผู้สังเกตการณ์จากประเทศที่ 3 เข้ามาแล้วประกาศเขตแดนว่า ปราสาทตาควาย เป็นของกัมพูชา

“ถ้าเขาทำสำเร็จแน่นอนว่า ก็จะได้ใจชาวกัมพูชาว่า มีศักยภาพพอที่จะสืบทอดอำนาจแทนสมเด็จฮุน เซน ผู้เป็นพ่อ ที่มีข่าวลือมาเป็นระยะว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด รักษาตัวอยู่ที่สิงคโปร์ ในขณะนี้ ได้อย่างไม่มีข้อกังขาอะไร” แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนกรณีที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร และบริเวณโดยรอบ ยังพบเห็นการเคลื่อนไหวของเด็กและผู้หญิงที่เป็นลูกเมียทหารกัมพูชานั้น แหล่งข่าววิเคราะห์ว่า อาจจะเป็นการทำสงครามจิตวิทยาเพื่อให้ฝ่ายไทยคิดว่าพื้นที่นี้ยังไม่มีการเตรียมความพร้อมในการรบ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นแผนการที่จะให้ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บนเขาพระวิหาร ชะล่าใจ ขาดการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ แล้วก็เปิดฉากปะทะ และการมีเด็กและผู้หญิงจะส่งผลให้ฝ่ายไทยตอบโต้ได้ลำบากมากขึ้น ซึ่งกัมพูชาไม่สมควรที่จะทำอย่างนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น