นายกฯ ประชุมทางไกลข้าราชการพื้นที่ปะทะเขมร มทภ.2 โวทหารพระยาละแวกเจ็บมากกว่าไทย คาด “ฮุนเซน” สั่งป่วนหวังดึงไตรภาคี ซัดขนอาวุธส่องในปราสาทพระวิหาร ปัดทหารอดอยากยันกินอิ่มสำราญ “ประวิตร” ยันใช้อาวุธไม่เกินกฎ UN “ประยุทธ์” ชมทหารทำตามนโยบาย “กษิต” เผยคุย ปธ.อาเซียนแล้ว เล็งพบ “นัมฮง” สัปดาห์นี้
วันนี้ (24 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปรับฟังสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กับหน่วยงานที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ หลังมีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมสนทนาอยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้าด้วย โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และช่อง11
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงาน เพราะผลกระทบเกิดขึ้นกับประชาชน 3 หมื่นคนที่ต้องอพยพ รวมทั้งมีการสูญเสียกำลังพล อย่างไรก็ตาม 3 วันที่ผ่านสถานการณ์คล้ายกับเมื่อมีการปะทะเมื่อ ก.พ. 2554 แต่ครั้งนั้นเกิดขึ้นที่ จ.ศรีสะเกษ แต่แนวทางเหมือนเดิม คือฝ่ายเราไม่ได้มีการรุกรานใครทั้งสิ้น แต่มีหน้าปกป้องอธิปไตย เมื่อมีการยิงเข้ามากระทบความเป็นอยู่ของประชาชน มีการละเมิดอธิปไตยก็ต้องตอบโต้โดยยึดถือหลักสากลมาโดยตลอดคือมีการตอบโต้ไป ยังเป้าหมายทางทหารตามความเหมาะสม ส่วนการดำเนินการด้านต่างประเทศก็ดำเนินการทุกทางเพื่อหาทางคลี่คลาย สถานการณ์ เพราะประชาชนเดือดร้อนที่สุด
“รัฐบาลห่วงใยประชาชน และกองทัพที่ดูแลตลอดแนวชายแดน ยืนยันว่าหากมีอะไรที่จะสนับสนุนทุกหน่วยงานเราทำอย่างเต็มที่และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน ในความเสียสละกล้าหาญ ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย โดยจะปกป้องอธิปไตยและจะทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติสุข” นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ จ.สุรินทร์ รายงานก่อน โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งไปอำนวยการดูแลศูนย์อพยพที่ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า มีการขยายศูนย์อพยพเพื่อไม่ให้แออัด โดยมีการตั้ง 22 ศูนย์ โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดูแล อบต. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร อสม ชรบ.ร่วมช่วยกันดูแลประชาชน ส่วนเรื่องงบประมาณในการสร้างหลุมหลบภัยที่ยังติดปัญหาเรื่องงบประมาณนั้น นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้แจ้งให้ปลัดกระทรวงการคลังประสานมายังตนแล้วว่า วันจันทร์กระทรวงการคลังจะติดตามเรื่องนี้ให้ และจะมีการยกเว้นระเบียบของกระทรวงคลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้
ด้าน นายเสิรม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่าไม่มีประชาชนเสียชีวิต ไม่มีบ้านเรือนเสียหาย ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตนั้นเป็นคนสูงอายุที่ป่วยอยู่แล้วแต่ขณะนี้ รักษาตัวที่ห้องไอซียูยังไม่มีเสียชีวิต ส่วนการช่วยเหลือของ 22 ศูนย์นั้นมีจำนวนผู้อพยพเข้ามาแล้ว 23,000 กว่าคน โดยใช้สถานที่ของโรงเรียน วัด เต็นท์ ส่วนการประกอบอาหารมีการตั้งโรงครัวโดยมีแม่ครัวจากคนในท้องถิ่นดูแลส่วน วัตถุดิบทางจังหวัดเป็นฝ่ายจัดหา แบ่งเป็นอาหารเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับน้ำดื่มมีรถน้ำจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมาดูแล 25 คัน รวมทั้งมีรถห้องน้ำห้องสุขาแล้ว ส่วนการสาธารณสุขมีการจัดแพทย์พยายามดูแลทุกศูนย์ มีรถฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ห่วงใยทรัพย์สินก็มีการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านโดยให้ชาวบ้านผู้ชายร่วมดูแลกับเจ้าหน้าที่ แต่หากสถานการณ์ไม่ปลอดภัยก็อยากให้อยู่ในปลอดภัยก่อน และการเดินทางกลับบ้านเมื่อสงบนั้นก็จะมีการจัดหายานพาหนะให้ อย่างไรก็ดี ขณะนี้งบประมาณในการดูแลประชาชนยังมีวงเงินเพียงพอ แต่ในส่วนของหลุมหลบภัยที่ขอไปนั้นหากได้รับการพิจารณางบฯ ก็จะดำเนินการทันที แต่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง
นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานสถานการณ์การปะทะที่บริเวณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่าเหตุการณ์ตั้งแต่เวลา 04.00 น.วันที่ 22 เม.ย. โดยกำนัน ต.สายตะกู ได้ยินเสียงปืน มีเหตุปะทะกันบริเวณบ้านน้อยลำชี ห่างจากจุดปะทะ 5 กิโลเมตร และต่อมาเวลา 09.20 น. มีกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกอยู่ในสวนยางพาราบ้านสายโทสิบสองใต้ หมู่ที่ 7 ต.สายตะกู ห่างจากพื้นที่สู้รบประมาณ 3 ก.ม. มีกระสุนปืนมาตก 4 นัด สร้างความเสียหายแก่สวนยางพาราเป็นบริเวณกว้าง แต่เนื่องจากกระสุนตกบริเวณแนวชายแดนที่เป็นพื้นที่ที่สูงกว่าทางกัมพูชา ไม่มีราษฎรได้รับอันตราย จากนั้นได้แจ้งให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านปฏิบัติตามแผน เคลื่อนย้ายประชากรของ ต.สายตะกู และ ต.จันนกเพชร เข้ามาอยู่บริเวณที่ว่าการอำเภอ และบริเวณโรงเรียนบ้านโนนเจริญพิทยาคม รวมทั้งสิ้นในวันแรกเปิดศูนย์ 5 ศูนย์ มีคนมาประมาณ 2,500 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรี เด็ก และคนชรา
ผวจ.บุรีรัมย์กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการลงทะเบียนจัดหาอาหารน้ำดื่มและถุงยังชีพของกาชาด จ.บุรีรัมย์ สถานีกาชาดสุรินทร์ และนครราชสีมา มาสมทบช่วยเหลือ จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ.บ้านกรวด และรพ.จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าไปตรวจรักษาสุขภาพ มีเจ้าหน้าที่ ตร., ทหาร, อส.เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเพื่อดูแลทรัพย์สินให้ราษฎรและต่อมาในวัน ที่ 23 เมษายน ได้มีเสียงปืนดังต่อเนื่องในภาคเช้าถึงเวลา 13.00 น.มีการอพยพประชาชนจากหมู่บ้านข้างเคียงอีกหลายหมู่บ้าน และจำเป็นต้องเปิดศูนย์เพิ่มทั้งหมด 6 ศูนย์ ราษฎร 1,509 หลังคาเรือน รวมเป็นประชาชนเฉพาะสตรี เด็ก และคนชรา 5,628 คนเข้าไปอยู่ในศูนย์หลบภัยการช่วยเหลือมีหลายหน่วยราชการไปสนับสนุน รวมทั้งภาคเอกชนที่จะเข้าไปสนับสนุนในเรื่องก๋วยเตี๋ยวและอาหารอื่นๆ และหากใครต้องการจะเข้าไปทางจังหวัดก็จะจัดสถานที่และอำนวยความสะดวกให้
ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์กล่าวต่อไปว่า มีคนเข้ารับการตรวจร่างกาย 639 ราย ต้องส่งต่อ 1 รายที่เป็นคนแก่มีไข้ขึ้นสูง อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนคนที่มีอาการท้องร่วงจากอาหาร 25 ราย อีสุกอีใส ตรวจพบ 5 ราย คัดแยกคนที่ท้องร่วงและคนที่เป็นอีสุกอีใสไปอยู่ในที่จำกัดแล้ว รวมทั้งส่งเจ่าหน้าที่ด้านสุขภาพจิตจากโรงพยาบาลบุรีรัมย์เข้าไปพูดคุยลดความเครียดแล้ว และพบว่าหากไม่มีการสู้รบชาวบ้านก็ขอจะกลับบ้าน แต่ทางจังหวัดพยายามที่จะประสานทางด้านข้อมูลจากทางฝ่ายให้แน่นอนก่อน เมื่อชัดเจนแล้วก็จะอนุญาต
“สิ่งที่ต้องการคือ การของบประมาณในการทำหลุมหลบภัยตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น แต่หากการสู้รบยุติลงโดยเร็วทางจังหวัดสามารถดูแลการอพยพได้” นายสามารถกล่าว
ด้าน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งนั่งประชุมอยู่ที่ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์การสู้รบนั้นสิ่งบอกเหตุต่างๆ ทางการทหารไม่ปรากฎอะไร เพราะอยู่ที่ทางกัมพูชาจะเริ่มยิงก่อนทุกครั้ง ไทยได้แต่เฝ้าระวัง แต่ทุกวันทางฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวตลอด ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูลและที่หมายทางทหารมาโดยตลอดเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้มีการตอบโต้ทางที่หมายทางการทหาร สำหรับสภาพทั่วไปทราบว่าทางกัมพูชาได้รับบาดเจ็บจำนวนมากกว่าฝ่ายไทย รวมทั้งยุทโธปกรณ์เสียหายจำนวนมาก
“ทั้งนี้ จากการติดต่อประสานทางโทรศัพท์กับฝ่ายกัมพูชา สามารถติดต่อได้แต่ทางกัมพูชาแจ้งว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ เนื่องจากอยู่ที่รัฐบาลกัมพูชา ซึ่งผมคาดว่าคงอยู่ที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายรัฐมนตรีกัมพูชาเพียงคนเดียว เพราะเขาอาจมีแนวคิดนำเรื่องปัญหาชายแดนไปหารือในไตรภาคี แต่เราต้องการทวิภาคี” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
พล.ท.ธวัชชัยกล่าวอีกว่า แต่เท่าที่ตรวจสอบไปยังปราสาทพระวิหาร ปัจจุบันมีการเปิดผ้าคลุมปืนใหญ่ ปืนบีเอ็น 21 กระสุน 40 ลำกล้อง ซึ่งมีสิ่งผิดปกติอยู่ โดยทางไทยได้เตือนไปแล้ว สำหรับกำลังพลของไทย ขณะนี้สามารถปกป้องอธิปไตยได้เพียงพอ ดังนั้น คิดว่าปัจจุบันยังสามารถรักษาสถานการณ์ได้ทุกครั้งที่ทางกัมพูชาจัดกำลังเคลื่อนที่มายังฝ่ายไทย และสามารถยับยั้งได้ตลอด
จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวชี้แจงกรณีที่สื่อไทยบางสำนักที่ระบุว่าทหารอดอยาก โดยยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ตนอยู่กับทหารอาหารการกินอิ่มหนำสำราญ ซึ่งทางกองทัพนำเครื่องอุปโภคบริโภคแจกให้ตลอด และมีการเก็บสะสมอาหารไว้ 5 วันทำการในทุกฐานปฏิบัติการ ถ้าเคลื่อนไหวไม่ได้มีอาหารเพียงพอ จึงไม่ทราบว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะการออกข่าวอย่างนี้เกรงจะเกิดความเสียหาย และเสียขวัญกำลังใจของทหาร
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ทางกระทรวงกลาโหมนั้นได้มีการชี้แจงไปกับทางทหารตลอดเวลาว่าการดำเนินการปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดนนั้น เราจะต้องดำเนินการและไม่ให้ใครมาละเมิดอธิปไตยทั้งทางพื้นดินและทางอาวุธ ทั้งนี้ การดำเนินการเมื่อมีการสู้รบแล้วนั้นตนดำเนินการสั่งการไปว่าให้นโยบายไปว่าเราต้องจำกัดพื้นที่ที่เกิดเหตุให้อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ไม่ให้ลุกลามหรือขยายออกไป เพราะอาวุธที่เราตอบโต้ไปนั้น ก็แล้วแต่เหตุผลว่าเขาใช้อาวุธอย่างไรก็ตอบโต้ไปในลักษณะอย่างนั้น ไม่ใช่อาวุธที่เกิดเลยจากกฎของสหประชาชาติ ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้มอบให้ทางกองทัพดำเนินการ และสิ่งสำคัญที่สุด ทางเหล่าทัพ จะต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน ร่วมกับข้าราชการพลเรือน ซึ่งได้มีการมอบหมายไปแล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานทั้ง 3 วันว่า เป็นไปตามนโยบายที่วางไว้ ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้อำนวยการร่วมกับทางผู้บังคับการสุรนารี ได้อย่างดีเยี่ยมในการป้องกันอธิปไตย ตอนนี้ตนเป็นห่วงเรื่องขวัญและกำลังใจ ซึ่งทางผู้คับบัญชาตามเหล่าชั้นก็ได้มอบความห่วงใยลงไป ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องความปลอดภัย ได้มีการเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง กำลังคนที่ปฏิบัติหน้าที่มี 2 ส่วน คือ ทหารหลัก และทหารพราน ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ตนขอฝากไปยังทางครอบครัวว่าให้ญาติจงมีความภาคภูมิใจที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยได้ ส่วนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ก็จะพิจารณาความดีความชอบให้เป็นกรณีพิเศษ
นายกษิต ภิรมย์ กล่าวว่า เมื่อเช้านี้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซีย ฐานะประธานอาเซียน เขาก็มีความห่วงใย อย่างกรณีเมื่อมีการปะทะกันในครั้งที่แล้ว ซึ่งเรื่องได้ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน ตนจะพยายามชี้แจงให้เขาทราบและยืนยันว่า หน้าที่ของเราคือการป้องกันตนเอง และเราพยายามที่จะให้มีการเจรจา 2 ฝ่าย เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) ตนก็ได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา และใน 4-5 วันนี้ก็จะได้พบกัน โดยระหว่างนี้เราได้มีจุดที่จะชี้แจงให้ทางประชาคมโลกทราบทั้งในกรุงปารีส ที่เป็นที่ตั้งของยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลกและแจ้งไปที่นครนิวยอร์ก ไปยังเมืองหลวงของประเทศสมาชิกที่อยู่ในความมั่นคง เพื่อให้ความมั่นใจว่าเป็นการป้องกันตนเอง
“ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็พร้อมที่จะเจรจาทุกเมื่อ และประเทศไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชา เพื่อให้ชีวิตของประชาชนกัมพูชาและไทยบริเวณแนวชายแดนเกิดความสงบสุข ผมขอวิงวอนผู้นำฝ่ายกัมพูชา มีความระมัดระวังและหันมาเจรจา” นายกษิตกล่าว