นายกฯ เสียใจทหารตายสมรภูมิตาควาย ชี้เหตุที่กันทรลักษ์ทำอพยพ 30,000 คนริมชายแดนได้เรียบร้อย นัดวิดีโอคอนเฟอเรนช์บ่ายนี้ ยันทหารขวัญกำลังใจดี ปัดกองทัพติดปัญหานโยบายทำรบไม่สะดวก ย้ำรัฐให้ปกป้องอธิปไตยเต็มที่ตามกรอบ กม.สากล ถล่มเฉพาะพื้นที่ทหาร ซัดเขมรป่วนหวังยกระดับขัดแย้ง สั่ง “กษิต” จี้ทูตแจงองค์กรนานาชาติ ลั่นไม่ตกหลุมพรางให้ประเทศอื่นจุ้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"
วันนี้ (24 เม.ย.) ที่เรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทย ที่ชายแดน จ.สุรินทร์ ว่าขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวบุคคลผู้กล้าหาญเหล่านี้ที่ได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย ตนขอเรียนว่าในการดำเนินการเพื่อรองรับเหตุที่จะเกิดขึ้นในขณะนี้ก็ได้มีการอพยพประชาชนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งหลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้มีการจัดวางระบบและซักซ้อมไว้ ทำให้การอพยพชั่วคราวกว่า 30,000 คน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม ในบ่ายวันนี้ (24 เม.ย.) ตนจะมีการประชุมทางไกลไปยังที่จุดอพยพเพื่อที่จะพูดคุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ตนได้มอบหมายให้เข้าไปดูแลในเรื่องนี้ ขณะที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันแรกก็ได้มีการเดินทางไปดูในพื้นที่ด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนปลอดภัยและได้รับการดูแล
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะที่ในส่วนของกองทัพนั้นได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งได้ให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่าเจ้าหน้าที่มีขวัญกำลังใจดี และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย ทั้งนี้ ตนขอย้ำว่านโยบายของรัฐบาลให้การสนับสนุนกองทัพในการปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ และการดำเนินการก็ชัดเจนว่าอยู่ภายใต้กรอบของกฏหมายระหว่างประเทศ การตอบโต้จะตอบโต้เฉพาะพื้นที่เป้าหมายทางการทหารเท่านั้น และจะตอบโต้ให้เหมาะสมกับการดำเนินการของฝ่ายกัมพูชา
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันทางด้านการต่างประเทศ ซึ่งได้วิเคราะห์อย่างชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะยกระดับความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศเข้าสู่เวทีสากล สังเกตได้จากเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า แต่ก็ได้มีการทำหนังสือไปที่สหประชาชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้เดินทางไปที่ยุโรป ซึ่งไทยก็ได้ให้ข้อเท็จจริงอย่างทันควัน โดยนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ทำหนังสือทั้งประท้วงกัมพูชาที่ได้ใช้กำลังก่อน และได้ทำหนังสือถึงประธานอาเซียน เพื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ตามความจริง และเน้นย้ำว่าปัญหาดังกล่าวจะต้องแก้ไขกันในระดับทวิภาคี หลังจากที่อินโดนีเซียได้อำนวยความสะดวกให้ 2 ชาติได้ประชุมเจบีซีไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยประเทศไทยก็พร้อมที่จะจัดประชุมความร่วมมือ 2 ฝ่ายเพื่อคลี่คลายปัญหา ทั้งจีบีซี และอาร์บีซี ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ หรือที่พนมเปญ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่ง รมว.ต่างประเทศ ให้ทูตในพื้นที่องค์กรระหว่างประเทศเร่งทำความเข้าใจและชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเป้าหมายของไทยต้องการให้เหตุการณ์สงบโดยเร็ว และประชาชนกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อีก และสามารถปกป้องอธิปไตยได้อย่างเต็มที่
“ผมให้ความมั่นใจว่าการดำเนินการของไทยขณะนี้มีเอกภาพและชัดเจน สอดคล้องกับหลักของสากล และไม่มีอะไรที่จะทำให้กองทัพไม่สามารถปกป้องอธิปไตยได้อย่างเต็มที่ ซึ่งผมไม่สบายใจที่มีการออกข่าวที่ว่ากองทัพติดปัญหานโยบาย กฎหมาย หรือข้อตกลง ยืนยันได้ว่าไม่มี ผมได้คุยกับทางกองทัพมาตลอดเวลา ผมทราบดีว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะปกป้องอธิปไตย แต่ต้องไม่ไปตกหลุมของทางฝ่ายกัมพูชาที่จะทำให้ภาพของความขัดแย้งขยายวง หรืออ้างว่าความสัมพันธ์เกินกว่าที่จะแก้ไขในทวิภาคี โดยหวังที่จะให้ประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซง ซึ่งไทยจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด” นายอภิสิทธิ์กล่าว