นราธิวาส- กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจสภ.อ.รือเสาะและดีเอสไอ บุกจับน้ำมันเถื่อนอีกแสนลิตร ที่อ.รือเสาะ นราธิวาส หลังขยายผลจาก การจับน้ำมันเถื่อน 2 แสนลิตร ก่อนหน้านี้ พบเอสารสัมพันธ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในชายแดนภาคใต้ แม่ทัพภาค4 ประกาศใช้กฎอัยการศึก ปราบขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เพื่อตัดเส้นทางเงินสนับสนุนการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่
พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รองผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า วานนี้ (26 เม.ย.54) กำลังทหารจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กำลังกรมทหารพรานที่ 46 พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชุดปราบปรามพิเศษศุลกากร ชุดนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจจากสภ.รือเสาะ โดยมี พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับการทหารพรานที่ 46 เป็นหัวหน้าชุด เข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งกักเก็บและค้าน้ำมันเถื่อน จำนวน 6 จุดพร้อมกัน ในอำเภอรือเสาะ และผลจากการตรวจค้น ได้พบว่า ที่โรงงานยางเก่า ตั้งอยู่ที่ ม. 1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ มีการเก็บซุกซ่อนน้ำมันเถื่อน ในรถแท้งก์น้ำมันจำนวน 3 คัน ซึ่งเป็นรถแท้งก็น้ำมันที่มีตรายี่ห้อของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่รายหนึ่ง และยังพบน้ำมันในรถบรรทุกเทลเลอร์ อีก 4 คัน ปริมาณน้ำมันรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 แสนลิตร และพบสารโซลเว้นท์ ซึ่งเป็นสารเคมี ซึ่งใช้ผสมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมัน อีกจำนวน 2,000 ลิตร จึงได้ยึดไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังได้พบผู้ต้องสงสัย 2 คน ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวจึงได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าควบคุมตัว มาสอบสวน จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า โรงงานยางแห่งนี้ เป็นของนายมนัส ตอเฮ แต่ขณะตรวจค้น นายมสัส ตอเฮไม่อยู่ และผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนสารภาพว่า น้ำมันที่ตรวจยึดได้วันนี้ เป็นน้ำมันเถื่อน จริง
รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยอีกว่า ผลจากการตรวจค้นและยึดน้ำมันเถื่อนได้จำนวน 1 แสนลิตร ครั้งนี้ นั้นเป็นการขยายผลต่อเนื่องจากที่ ได้มีการเข้าจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 2 แสนลิตร เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2554 ที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเป็นไปตามนโยบายของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผอ.รมน.ภาค 4 ที่สั่งให้มีการปราบปรามอย่างเฉียบขาดกับ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เพราะพบหลักฐานหลายอย่างที่ระบุว่า ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เป็นแหล่งเงินทุนแหล่งหนึ่งที่สำคัญ ในการสนับสนุน ขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรงในภาคใต้ เช่นเดียวกับขบวนการค้ายาเสพติด และได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก
เข้ามาจัดการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดและขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันเยาวชน บุตรหลานของประชาชน
“ขบวนการค้ายาเสพติด และขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ถือเป็นแหล่งเงินสนับสนุนขบวนการผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้นจึงต้องจัดการขบวนการเหล่านี้ตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง ของกลุ่มโจร ซึ่งบางครั้งกฎหมายปกติไม่สามารถจัดการได้ จึงจำเป็นต้องนำกฎอัยการศึก มาใช้ แต่ทั้งนี้จะเป็นการใช้ อย่างรัดกุม และมีขอบเขต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชนทั่วไป” พล.ต.อัคร กล่าว
พล.ต.อัคร กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ ยังพบหลักฐานเอกสาร ด้านการเงิน สัมพันธ์ กับกลุ่มโจร ที่ปล้นปืนฐานพระองค์ดำ ที่จังหวัดนราธิวาส ก่อนหน้านี้อีกด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะสืบสวนและขยายผล ต่อไป ส่วนกรณี นายมนัส ตอเฮ นั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังสืบสวน ว่าเกี่ยวพันกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน หรือไม่ อย่างไร ส่วนกลุ่มผู้ค้าน้ำมันที่ถูกกฎหมายในพื้นที่ กล่าวยกย่องชื่นชม การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน อย่างจริงจัง
พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รองผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า วานนี้ (26 เม.ย.54) กำลังทหารจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กำลังกรมทหารพรานที่ 46 พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชุดปราบปรามพิเศษศุลกากร ชุดนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจจากสภ.รือเสาะ โดยมี พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับการทหารพรานที่ 46 เป็นหัวหน้าชุด เข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งกักเก็บและค้าน้ำมันเถื่อน จำนวน 6 จุดพร้อมกัน ในอำเภอรือเสาะ และผลจากการตรวจค้น ได้พบว่า ที่โรงงานยางเก่า ตั้งอยู่ที่ ม. 1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ มีการเก็บซุกซ่อนน้ำมันเถื่อน ในรถแท้งก์น้ำมันจำนวน 3 คัน ซึ่งเป็นรถแท้งก็น้ำมันที่มีตรายี่ห้อของบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่รายหนึ่ง และยังพบน้ำมันในรถบรรทุกเทลเลอร์ อีก 4 คัน ปริมาณน้ำมันรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 แสนลิตร และพบสารโซลเว้นท์ ซึ่งเป็นสารเคมี ซึ่งใช้ผสมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมัน อีกจำนวน 2,000 ลิตร จึงได้ยึดไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังได้พบผู้ต้องสงสัย 2 คน ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวจึงได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าควบคุมตัว มาสอบสวน จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า โรงงานยางแห่งนี้ เป็นของนายมนัส ตอเฮ แต่ขณะตรวจค้น นายมสัส ตอเฮไม่อยู่ และผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนสารภาพว่า น้ำมันที่ตรวจยึดได้วันนี้ เป็นน้ำมันเถื่อน จริง
รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยอีกว่า ผลจากการตรวจค้นและยึดน้ำมันเถื่อนได้จำนวน 1 แสนลิตร ครั้งนี้ นั้นเป็นการขยายผลต่อเนื่องจากที่ ได้มีการเข้าจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 2 แสนลิตร เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2554 ที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเป็นไปตามนโยบายของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผอ.รมน.ภาค 4 ที่สั่งให้มีการปราบปรามอย่างเฉียบขาดกับ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เพราะพบหลักฐานหลายอย่างที่ระบุว่า ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เป็นแหล่งเงินทุนแหล่งหนึ่งที่สำคัญ ในการสนับสนุน ขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรงในภาคใต้ เช่นเดียวกับขบวนการค้ายาเสพติด และได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก
เข้ามาจัดการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดและขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันเยาวชน บุตรหลานของประชาชน
“ขบวนการค้ายาเสพติด และขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ถือเป็นแหล่งเงินสนับสนุนขบวนการผู้ก่อความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้นจึงต้องจัดการขบวนการเหล่านี้ตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง ของกลุ่มโจร ซึ่งบางครั้งกฎหมายปกติไม่สามารถจัดการได้ จึงจำเป็นต้องนำกฎอัยการศึก มาใช้ แต่ทั้งนี้จะเป็นการใช้ อย่างรัดกุม และมีขอบเขต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชนทั่วไป” พล.ต.อัคร กล่าว
พล.ต.อัคร กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ ยังพบหลักฐานเอกสาร ด้านการเงิน สัมพันธ์ กับกลุ่มโจร ที่ปล้นปืนฐานพระองค์ดำ ที่จังหวัดนราธิวาส ก่อนหน้านี้อีกด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะสืบสวนและขยายผล ต่อไป ส่วนกรณี นายมนัส ตอเฮ นั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังสืบสวน ว่าเกี่ยวพันกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน หรือไม่ อย่างไร ส่วนกลุ่มผู้ค้าน้ำมันที่ถูกกฎหมายในพื้นที่ กล่าวยกย่องชื่นชม การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน อย่างจริงจัง