นราธิวาส - ทหารพรานใช้กฎอัยการศึกตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดและจับกุมน้ำมันเถื่อนกว่า 50,000 ลิตรที่รือเสาะ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการลักลอบอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ระบุ 70% ผู้ค้าเถื่อนพัวพันเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนเกี่ยงโยงความมั่นคง
พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลังกับทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 30 อ.รือเสาะ 100 นายใช้กฎอัยการศึกตรวจค้นและจับกุมน้ำมันเถื่อนในพื้นที่อำเภอรือเสาะ ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ขยายผลทำให้เจ้าของผู้ประกอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ได้รับความเดือดร้อน บางรายได้รับผลกระทบจนต้องปิดการลงไปโดยปริยาย จากการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่คุ้มทุนตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรือเสาะเป็น 1 ใน 13 อำเภอ ที่กลุ่มพ่อค้าหัวใสได้ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ชนิดดีเชลและเบนซินมากที่สุดของจังหวัดนราธิวาส
การบุกตรวจค้นและจับกุมน้ำมันเถื่อนในครั้งนี้ เป้าหมายมี 3 จุด ซึ่งจุดแรกเป็นปั๊มจำหน่ายน้ำมัน ปตท. ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ โดยมีนายมนัส สารีคาร เป็นเจ้าของ จากการตรวจค้นไม่พบน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด
ส่วนจุดที่ 2 เป็นโรงงานรับซื้อยางพาราแผ่น P.C.รับเบอร์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดราษฎร์สโมสร เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ชนิดดีเซลและเบนซิน 91 ที่บรรจุอยู่ในถังขนาดใหญ่และบรรจุอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร ที่วางเกลื่อนอยู่ภายในโรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 44,000 ลิตร พร้อมด้วยปั๊มไฟฟ้าที่ใช้สำหรับสูบน้ำมันใส่ลงในภาชนะต่างๆ และเมื่อเจ้าหน้าที่ขอหลักฐานการซื้อขายผู้ดูแลไม่สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้
ส่วนจุดที่ 3 เป็นบริเวณหลังบ้านเลขที่ 190/2 บ้านปาตี ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายอามา กาแม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ชนิดดีเซลและชนิดเบนซิน 91 บรรจุอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร ทั้งที่ตั้งอยู่ที่บริเวณพื้นและบนรถยนต์กระบะ จำนวนทั้งสิ้น 6,400 ลิตร พร้อมทั้งปั๊มไฟฟ้าอีก จำนวน 1 เครื่อง และเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบหลักฐานต่างๆถึงที่มาที่ไป นายอามาก็ไม่สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้เช่นกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ยึดน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งชนิดดีเซลและเบนซิน 91 ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซียทั้งหมดจำนวนทั้งสิ้น 57,400 ลิตร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พร้อมรถยนต์กระบะอีก 3 คัน รวมทั้งปั๊มไฟฟ้า และเจ้าของรวมทั้งผู้ดูแล มาทำการสอบสวนที่ สภ.รือเสาะ เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับการบุกตรวจค้นจับกุมของ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 ในครั้งนี้ อันด้วยมาจากการสืบสวนสอบสวนในทางลับของเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคง พบว่า กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนร้อยละ 60-70 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้การสนับสนุนเงินทุนและรูเห็นพัวพันกับคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นที่มาที่ไปแห่งการตัดเงินทุนในการเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าหากทลายกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ เหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเบาบางลง
พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลังกับทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 30 อ.รือเสาะ 100 นายใช้กฎอัยการศึกตรวจค้นและจับกุมน้ำมันเถื่อนในพื้นที่อำเภอรือเสาะ ตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ขยายผลทำให้เจ้าของผู้ประกอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ได้รับความเดือดร้อน บางรายได้รับผลกระทบจนต้องปิดการลงไปโดยปริยาย จากการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่คุ้มทุนตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรือเสาะเป็น 1 ใน 13 อำเภอ ที่กลุ่มพ่อค้าหัวใสได้ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ชนิดดีเชลและเบนซินมากที่สุดของจังหวัดนราธิวาส
การบุกตรวจค้นและจับกุมน้ำมันเถื่อนในครั้งนี้ เป้าหมายมี 3 จุด ซึ่งจุดแรกเป็นปั๊มจำหน่ายน้ำมัน ปตท. ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเขตเทศบาลตำบลรือเสาะ โดยมีนายมนัส สารีคาร เป็นเจ้าของ จากการตรวจค้นไม่พบน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด
ส่วนจุดที่ 2 เป็นโรงงานรับซื้อยางพาราแผ่น P.C.รับเบอร์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดราษฎร์สโมสร เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ชนิดดีเซลและเบนซิน 91 ที่บรรจุอยู่ในถังขนาดใหญ่และบรรจุอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร ที่วางเกลื่อนอยู่ภายในโรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 44,000 ลิตร พร้อมด้วยปั๊มไฟฟ้าที่ใช้สำหรับสูบน้ำมันใส่ลงในภาชนะต่างๆ และเมื่อเจ้าหน้าที่ขอหลักฐานการซื้อขายผู้ดูแลไม่สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้
ส่วนจุดที่ 3 เป็นบริเวณหลังบ้านเลขที่ 190/2 บ้านปาตี ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายอามา กาแม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ชนิดดีเซลและชนิดเบนซิน 91 บรรจุอยู่ในถังขนาด 200 ลิตร ทั้งที่ตั้งอยู่ที่บริเวณพื้นและบนรถยนต์กระบะ จำนวนทั้งสิ้น 6,400 ลิตร พร้อมทั้งปั๊มไฟฟ้าอีก จำนวน 1 เครื่อง และเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบหลักฐานต่างๆถึงที่มาที่ไป นายอามาก็ไม่สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้เช่นกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ยึดน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งชนิดดีเซลและเบนซิน 91 ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซียทั้งหมดจำนวนทั้งสิ้น 57,400 ลิตร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พร้อมรถยนต์กระบะอีก 3 คัน รวมทั้งปั๊มไฟฟ้า และเจ้าของรวมทั้งผู้ดูแล มาทำการสอบสวนที่ สภ.รือเสาะ เพื่อรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับการบุกตรวจค้นจับกุมของ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 ในครั้งนี้ อันด้วยมาจากการสืบสวนสอบสวนในทางลับของเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคง พบว่า กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อนร้อยละ 60-70 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้การสนับสนุนเงินทุนและรูเห็นพัวพันกับคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นที่มาที่ไปแห่งการตัดเงินทุนในการเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าหากทลายกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ เหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเบาบางลง