ASTVผู้จัดการรายวัน - ทิสโก้ฟุ้งไตรมาส 2 กำไรโตต่อเนื่อง เล็งปรับเป้าสินเชื่อเป็น 15-20% จาก 10-15% แต่รอดูสินเชื่อQ2ที่จะชะลอตัวลงบ้าง หลังญี่ปุ่นเลื่อนส่งชิ้นส่วนรถยนต์ พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้สิ้นปีวงเงินไม่เกินพันล้านรอทิศทางดอกเบี้ย ปัดไม่ร่วมวงซื้อ SICCO
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 2 ปีนี้ กำไรสุทธิจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และผลการดำเนินงานทั้งปีนี้น่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากในช่วงไตรมาส 1 ที่ทิสโก้มีกำไรจำนวน 828.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อรวมในปีนี้จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10-15%ได้อย่างแน่นอน และขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนการปรับเพิ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งน่าจะเป็น 15-20% จากไตรมาสแรกที่สินเชื่อเติบโตในระดับ 11%
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเป้าหมายใหม่จะเกิดจากการติดตามการปล่อยสินเชื่อไตรมาส 2 ด้วย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกสินเชื่อจะชะลอตัวลง โดยมีผลกระทบจากการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ใหม่ที่จะชะลอลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง หลังการส่งชิ้นส่วนรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นเกิดปัญหาขึ้น
นางอรนุชกล่าวอีกว่า จากปัญหาการส่งชิ้นส่วนรถยนต์ที่ล่าช้าออกไปนั้น ทางทิสโก้ได้วางกลยุทธ์รับมือปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวโดยการหันไปเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มรถยนต์ใช้แล้ว(USED CAR) และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ (TISCO AUTO CASH) เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสินเชื่อภาคธุรกิจที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้กว่า 100-150% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้สินเชื่อธุรกิจคงค้างจะเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อทั้งปีนี้คาดว่าจะขยายตัวมากกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 8% โดยในไตรมาสแรกขยายตัวแล้วกว่า 7% จึงอาจต้องทำการปรับเพิ่มเป้าหมายใหม่เช่นกัน
พร้อมกันนั้น ยังคงต้องติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมถึงผลการเลือกตั้งในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อความชัดเจนของการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจ และส่งผลต่อภาคธุรกิจต่างๆด้วย
ทั้งนี้ ไตรมาส 2 นี้จะยังคงรักษาส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ไม่ให้ต่ำกว่า 4% จากในไตรมาสแรกที่อยู่ที่ 4.3% ขณะที่ NPL จะพยายามรักษาให้อยู่ในช่วง 1-2% ซึ่งถือเป็นระดับปกติของการขยายตัวของสินเชื่อในปัจจุบัน โดยในไตรมาสแรก NPL อยู่ที่ 1.5% โดยมองว่าการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ NPL ในช่วงเป้าหมายดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความน่ากังวล เนื่องจากการเคลื่อนไหวจะขึ้นอยู่กับการขยายตัวของสินเชื่อในแต่ละช่วง
นอกจากนี้ ทิสโก้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท ซึ่งระยะเวลาการออกคาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี หรือขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น อาจทำให้ผู้ลงทุนยังไม่ต้องการลงทุนในการฝากเงินระยะยาว
ยันไม่สนซื้อSICCO
จากที่มีกระแสข่าวว่าทางกลุ่มทิสโก้ได้เข้าไปเจรจาขอซื้อหุ้นบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) จากธนาคารไทยพาณิชย์นั้นนั้น นางอรนุชกล่าวว่า ไม่ทราบข่าวดังกล่าว และไม่ได้ติดตามการซื้อขายหุ้นดังกล่าว โดยซึ่งตั้งแต่ปี 2551 ธนาคารได้เคยมีการหารือกันเพื่อพิจารณาและศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ โดยพบว่าธุรกิจดังกล่าวไม่มีความต่อเนื่องเพียงพอ ประกอบกับในขณะนี้ราคาเสนอซื้อขายไม่เป็นที่น่าสนใจ จึงไม่ได้มีการติดต่อในเรื่องนี้กันอีก
ส่วนจะมีการพิจารณาเข้าซื้อธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ในภาวะเศรษฐกิจดีเช่นปัจจุบันอาจไม่มีผู้ที่ต้องการขายธุรกิจมากนัก ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้กลุ่มทิสโก้ จึงความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจของตนเองเป็นหลักมากกว่า
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในไตรมาส 2 ปีนี้ กำไรสุทธิจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และผลการดำเนินงานทั้งปีนี้น่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากในช่วงไตรมาส 1 ที่ทิสโก้มีกำไรจำนวน 828.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อรวมในปีนี้จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10-15%ได้อย่างแน่นอน และขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนการปรับเพิ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งน่าจะเป็น 15-20% จากไตรมาสแรกที่สินเชื่อเติบโตในระดับ 11%
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเป้าหมายใหม่จะเกิดจากการติดตามการปล่อยสินเชื่อไตรมาส 2 ด้วย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกสินเชื่อจะชะลอตัวลง โดยมีผลกระทบจากการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ใหม่ที่จะชะลอลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง หลังการส่งชิ้นส่วนรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นเกิดปัญหาขึ้น
นางอรนุชกล่าวอีกว่า จากปัญหาการส่งชิ้นส่วนรถยนต์ที่ล่าช้าออกไปนั้น ทางทิสโก้ได้วางกลยุทธ์รับมือปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวโดยการหันไปเพิ่มน้ำหนักในกลุ่มรถยนต์ใช้แล้ว(USED CAR) และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ (TISCO AUTO CASH) เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสินเชื่อภาคธุรกิจที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้กว่า 100-150% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้สินเชื่อธุรกิจคงค้างจะเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อทั้งปีนี้คาดว่าจะขยายตัวมากกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 8% โดยในไตรมาสแรกขยายตัวแล้วกว่า 7% จึงอาจต้องทำการปรับเพิ่มเป้าหมายใหม่เช่นกัน
พร้อมกันนั้น ยังคงต้องติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมถึงผลการเลือกตั้งในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อความชัดเจนของการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจ และส่งผลต่อภาคธุรกิจต่างๆด้วย
ทั้งนี้ ไตรมาส 2 นี้จะยังคงรักษาส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ไม่ให้ต่ำกว่า 4% จากในไตรมาสแรกที่อยู่ที่ 4.3% ขณะที่ NPL จะพยายามรักษาให้อยู่ในช่วง 1-2% ซึ่งถือเป็นระดับปกติของการขยายตัวของสินเชื่อในปัจจุบัน โดยในไตรมาสแรก NPL อยู่ที่ 1.5% โดยมองว่าการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ NPL ในช่วงเป้าหมายดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความน่ากังวล เนื่องจากการเคลื่อนไหวจะขึ้นอยู่กับการขยายตัวของสินเชื่อในแต่ละช่วง
นอกจากนี้ ทิสโก้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท ซึ่งระยะเวลาการออกคาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี หรือขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น อาจทำให้ผู้ลงทุนยังไม่ต้องการลงทุนในการฝากเงินระยะยาว
ยันไม่สนซื้อSICCO
จากที่มีกระแสข่าวว่าทางกลุ่มทิสโก้ได้เข้าไปเจรจาขอซื้อหุ้นบริษัทเงินทุนสินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SICCO) จากธนาคารไทยพาณิชย์นั้นนั้น นางอรนุชกล่าวว่า ไม่ทราบข่าวดังกล่าว และไม่ได้ติดตามการซื้อขายหุ้นดังกล่าว โดยซึ่งตั้งแต่ปี 2551 ธนาคารได้เคยมีการหารือกันเพื่อพิจารณาและศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ โดยพบว่าธุรกิจดังกล่าวไม่มีความต่อเนื่องเพียงพอ ประกอบกับในขณะนี้ราคาเสนอซื้อขายไม่เป็นที่น่าสนใจ จึงไม่ได้มีการติดต่อในเรื่องนี้กันอีก
ส่วนจะมีการพิจารณาเข้าซื้อธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ในภาวะเศรษฐกิจดีเช่นปัจจุบันอาจไม่มีผู้ที่ต้องการขายธุรกิจมากนัก ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้กลุ่มทิสโก้ จึงความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจของตนเองเป็นหลักมากกว่า