xs
xsm
sm
md
lg

ปรับอัตรามรณะใหม่เบี้ยถูกลง คปภ.มั่นใจธุรกิจประกันโตตามเป้า15%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คปภ.เชื่อธุรกิจประกันโตตามเป้า 15% เหตุแค่ไตรมาสเดียวโตแล้กว่า 13.52% ทำเบี้ยรับรวมไปกว่า 1.11 แสนล้านบาท ระบุปัจจัยหนุนเพียบทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ และการคิดอัตรามรณะใหม่ ส่งผลให้เบี้ยประกันแบบสะสมทรัพย์ถูกลง

นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจประกันภัยหลงจากนี้คงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าเบี้ยประกันรับรวมของธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 13-15% แม้ว่าตัวเลขไตรมาสแรก ทั้งระบบประกันมีอัตราการเติบโต 13.52% คิดเป็นมูลค่ารวม 111,783 ล้านบาทแล้วก็ตาม

สำหรับ การเติบโตในไตรมาสที่ผ่านมา แบ่งเป็น เบี้ยประกันจากประกันชีวิต 76,567 ล้านบาท เติบโต 12.45% เบี้ยประกันวินาศภัย 35,216 ล้านบาทเติบโต 15.91%

ทั้งนี้ สาเหตุที่การประกันวินาศภัยเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา เพราะการบริโภคในประเทศมีมากขึ้น ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นกับประกันเพิ่ม ประกอบกับในเดือนมี.ค.ยอดขายรถยนต์ใหม่เพิ่ม 80% มอเตอร์ไซด์เพิ่ม 14% ยอดส่งออกเพิ่ม 28.73% ปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีผลต่อการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งตัวเลขประกันวินาศภัยเติบโต 110% ในขณะที่ประกันอัคคีภัยในไตรมาสแรกเติบโตถึง 179% แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสำคัญกับประกันภัยเพิ่ม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพิ่มถึง 158%

นางจันทรา กล่าวอีกว่า นอกจากการเติบทางเศรษฐกิจแล้วปัจจัยที่สนับสนุนภาคธุรกิจประกันภัยจะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง เพราะประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ในขณะที่ระบบการจ่ายสินไหม รวดเร็วขึ้น มีระบบสินไหมทดแทนอัตโนมัติ หรือ E-claim เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้เต็มวงเงินคุ้มครอง โดยไม่ต้องพิสูจน์ความถูกผิด

นอกจากนี้ คปภ.ได้ปรับอัตรามรณะใหม่ เพราะเดิมมีการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยและมูลค่าต่างๆ ของบริษัทประกันชีวิตนั้นจะใช้อัตรามรณะไทย ปี 2540 ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อให้ภาคธุรกิจประกันชีวิตใช้ตารางมารณะสำหรับการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน คปภ.จึงได้กำหนดให้ใช้ตารางมรณะไทยปี 2551 ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 15/2554 โดยกำหนดให้ใช้ตารางมรณะไทยใหม่ ด้วยการแยกเพศ ในการคำนวณ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ส.ค.2554 เป็นต้นไป จากเดิมกำหนดเอาไว้ 1 ก.ค.2554 ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทประกันชีวิต มีระยะเวลาเพียงพอสำหรับการยื่นขอเปลี่ยนอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่ต่อนายทะเบียน และเตรียมความพร้อมด้านระบบการดำเนินงานภายใน รวมถึงระบบการขายผ่านช่องทางต่างๆ

“การนำตารางมรณะไทยใหม่มาใช้ จะทำให้อัตราเบี้ยประกันแบบตลอดชีพ แบบชั่วระยะเวลา และแบบสะสมทรัพย์ มีราคาถูกลง แต่แบบสะสมทรัพย์จะลดแบบไม่เห็นชัด เหมือนกับแบบตลอดชีพ เพราะแบบสะสมทรัพย์เน้นการออม ในขณะที่แบบตลอดชีพเน้นการคุ้มครอง ทำให้เบี้ยลดลงได้อย่างเห็นเด่นชัด”

นางจันทรา กล่าวอีกว่า นอกจากการปรับปรุงเกณฑ์ต่างๆ แล้ว คปภ.ยังได้ร่วมได้ร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยเพื่อสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ของผู้ประกันภัย โดยมีการปรับเพิ่มค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพจากอุบัติเหตุรถยนต์เพิ่มจาก 100,000 บาท เป็น 300,000 บาท เมื่อรวมกับการประกันภัยพ.ร.บ.บริษัทปรกันภัยต้องใชดใช้ความเสียหายต่อชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรขั้นต่ำรายละ 500,000 บาท ส่วนเบี้ยประกันนั้นกำหนดเอาไว้เท่าเดิมไม่มีการปรับเพิ่ม โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.2554 เป็นต้นไป

นอกจากนี้คปภ.ได้ร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย ในการปรับสิทธิประโยชน์ของการประกันภัยรถภาคสมัครใจ ซึ่งได้เพิ่มค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพจากอุบัติเหตุรถยนต์เพิ่มจาก 100,000 บาท เป็น 300,000 บาท เมื่อรวมกับการประกันภัยพ.ร.บ.บริษัทปรกันภัยต้องใชดใช้ความเสียหายต่อชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรขั้นต่ำรายละ 500,000 บาท ส่วนเบี้ยประกันนั้นกำหนดเอาไว้เท่าเดิมไม่มีการปรับเพิ่ม โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.2554 เป็นต้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น