ค่าย “ฮอนด้า” ประกาศหยุดรับจองเก๋งเล็กรุ่นใหม่ “บริโอ้” ชั่วคราว หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น อันส่งผลกระทบต่อการผลิตและจัดส่งชิ้นส่วน โดยประธาน “อาซึชิ ฟูจิโมโตะ” ออกมาขอโทษลูกค้า แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาส่งมอบรถและช่วงเวลาเปิดรับจองอีกครั้งได้ ขณะที่ “ดีลเลอร์ ฮอนด้า” มืดแปดด้าน เพราะรถรุ่นอื่นๆ แทบไม่มีส่งให้ลูกค้าเช่นกัน ขณะที่โบรก ปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มยานยนต์จากเท่าตลาดเป็นน้อยกว่าตลาด พร้อมคาดหุ้นกลุ่มยานต์กำไรไตรมาส 2/54 ลดลง 15-20%
นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้ประเมินผลกระทบล่าสุดของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นต่อการจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์ จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหยุดรับจอง “ฮอนด้า บริโอ้” ชั่วคราว
โดยสืบเนื่องจากการที่บริษัทได้ทำการเปิดตัวฮอนด้า บริโอ้ เป็นครั้งแรกของโลกในประเทศไทย ไปตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สถานการณ์การจัดส่งชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นในขณะนี้ยังคงไม่แน่นอน ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อการผลิตฮอนด้า บริโอ้ มีไม่เพียงต่อความต้องการของลูกค้า บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องหยุดรับจองฮอนด้า บริโอ้ เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“เราจะติดต่อลูกค้าที่ได้จองฮอนด้า บริโอ้ ไปก่อนหน้านี้ ผ่านทางผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์และกำหนดการรับรถเป็นระยะๆ ซึ่งเราจะเปิดรับจอง บริโอ้ อีกครั้งทันทีที่การผลิตและจัดส่งชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นกลับมาอยู่ในระดับปกติ เราเสียใจที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกต่อลูกค้า” นายฟูจิโมโตะ กล่าว
สำหรับ “ฮอนด้า บริโอ้” เป็นรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการอีโคคาร์ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 90 แรงม้า สนนราคา 399,900-508,500 บาท โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน “บางกอกมอเตอร์โชว์ 2011” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกวาดยอดจองภายในงานไปกว่า 2,000 คัน ในจำนวนนี้ไม่นับรวมยอดจากดีลเลอร์ทั่วประเทศอีกประมาณ 3,000-4,000 คัน ซึ่งเดิมมีกำหนดส่งมอบรถตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่หลังจากประสบปัญหาดังกล่าว อาจต้องชะลอการส่งมอบรถไปอย่างน้อย 2-3 เดือน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังสอบถามไปยัง ดีลเลอร์ฮอนด้าในกรุงเทพฯ ซึ่งแจ้งลูกค้าในรูปแบบเดียวกัน คือ งดรับจอง “บริโอ้” ชั่วคราว ส่วนรถยนต์รุ่นอื่นๆ ทั้ง แจ๊ซ ซิตี้ ซีวิค ยังพอมีรถเหลืออยู่ในสต๊อกบ้างแต่ก็น้อยเต็มที สร้างความเดือดร้อนให้ฝ่ายขายหรือเซลล์ประจำโชว์รูมเป็นอย่างมาก เพราะช่วง 1-2 เดือนนี้แทบไม่มีรถส่งให้ตามความต้องการของลูกค้า
**โบรกฯลดน้ำหนักหุ้นยานยนต์***
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ได้มีการปรับลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์จากเท่าตลาดเป็นน้อยกว่าตลาด เนื่องจากการลงทุนในกลุ่มยานยนต์มีความเสี่ยงสูง จากการที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ปรับลดปริมาณการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่ง ได้ แก่ โรงงานสำโรง โรรงงานเกตเวย์ และโรงงานบ้านโพธิ์ เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณชิ้นส่วนที่มีจำกัด ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนถึง 4 มิถุนายน 2554 โดยหยุดผลิตในวันจันทร์ และวันศุกร์ ส่วนการผลิตระหว่างวันอังคาร ถึงพฤหัสบดี จะเป็นการผลิตในสัดส่วน 50% ของประมารการผลิตปกติต่อวัน ส่วนแผนผลติในวันที่ 4 มิถุนายน จะประเมินสถานการณ์และพิจารณาผลกระทบอีก
ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบชิงลบอย่างแรงต่อกลุ่มยานยนต์ เพราะ โตโยต้า ถือเป็นผู้นำตลาดของกลุ่มทั้งการผลิต ตลาดส่งออก และตลาดรถยนต์ในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถือ 40% ของแต่ละประเภท โดยในปีที่ผ่านมา โตโยต้าสามารถผลิตรถยนต์ได้ 6.24 แสนค้น ขณะที่ทั้ง 3 โรงงานของโตโยต้า มีกำลังการผลิตรวม 5.5 แสนคันต่อปี แบ่งเป็น โรงงานสำโรงผลิตปิดอัด 2.5 คัน โรงงานเกตเวย์ผลิตรถเก๋ง 2 แสนคัน และโรงงานบ้านโพธิ์ผลิตปิกอัพและรถอเนกประสงค์ 1 แสนคัน ดังกลั้นการลดกำลังผลิตรถยนต์ของทุกโรงงานดังกล่าวข้างต้น คาดทำให้โตโยต้าสูญเสียการผลิตรถยนต์ 7-8 หมื่นคัน และมีโอกาสที่เพิ่มากกว่านี้ หากปัญหาขาดแคบนชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นยังไม่คลี่คลายได้ทันในเดือนมิ.ย.นี้ จากที่ทางโตโยต้าญี่ปุ่น (บริษัทแม่) ประเมินการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าทั่วโลก จะกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งใน พ.ย.-ธ.ค.2554
สำหรับการปรับลดการผลิตของโตโยต้า และอีกหลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งจะประกาศลดกำลังการผลิตตามออกมาอีกในไม่ช้าย่อมส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/54 ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงอุตสาหกรรมคาดการผลิตรถยนต์จะลดลง 1.5 แสนคันในช่วงดังกล่าว และทำให้การผลิตรถยนต์ปี 2554 มีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมาย 1.8 แสนคัน และจากการที่ทิศทางการผลิตรถยนต์ที่ลดลงตั้งแต่ ไตรมาส 2/54 จะมีผลประทบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทชิ้นส่วนทั้งในด้านยอดขายและกำไร ทำให้ บล.เอเซียพลัส เตรียมจะปรับลดประกาศการณ์ผลประกอบการกลุ่มรถยนต์ในเร็วๆ นี้
ด้าน บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บริษัทคาดยอดผลิตรถยนต์ในไตรมาส 2/54 จะปรับลดลงเหลือ 2.9 แสนคัน หรือลดลง 38% จากไตรมาสก่อน และคาดว่ายอดขายของกลุ่มยานยนต์ที่บริษัทศึกษาจะถูกกระทบในไตรมาส2/54 คือ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT จะลดลง 15% บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)หรือ STANLY คาดยอดขายไตรมาส2ลดลงประมาณ 15% บริษัท ไทยสตีลเคเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ TSC คาดยอดขายลดลงประมาณ 15-20% บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH คาดยอดขายลดลง 15% โดยบริษัทได้ลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์จากซื้อ เป็น ถือในหุ้น AH SAT STANLY และ TSC เพื่อรอดูสถานการณ์
นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้ประเมินผลกระทบล่าสุดของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นต่อการจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์ จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหยุดรับจอง “ฮอนด้า บริโอ้” ชั่วคราว
โดยสืบเนื่องจากการที่บริษัทได้ทำการเปิดตัวฮอนด้า บริโอ้ เป็นครั้งแรกของโลกในประเทศไทย ไปตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สถานการณ์การจัดส่งชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นในขณะนี้ยังคงไม่แน่นอน ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อการผลิตฮอนด้า บริโอ้ มีไม่เพียงต่อความต้องการของลูกค้า บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องหยุดรับจองฮอนด้า บริโอ้ เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“เราจะติดต่อลูกค้าที่ได้จองฮอนด้า บริโอ้ ไปก่อนหน้านี้ ผ่านทางผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์และกำหนดการรับรถเป็นระยะๆ ซึ่งเราจะเปิดรับจอง บริโอ้ อีกครั้งทันทีที่การผลิตและจัดส่งชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นกลับมาอยู่ในระดับปกติ เราเสียใจที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกต่อลูกค้า” นายฟูจิโมโตะ กล่าว
สำหรับ “ฮอนด้า บริโอ้” เป็นรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการอีโคคาร์ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร 90 แรงม้า สนนราคา 399,900-508,500 บาท โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน “บางกอกมอเตอร์โชว์ 2011” เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกวาดยอดจองภายในงานไปกว่า 2,000 คัน ในจำนวนนี้ไม่นับรวมยอดจากดีลเลอร์ทั่วประเทศอีกประมาณ 3,000-4,000 คัน ซึ่งเดิมมีกำหนดส่งมอบรถตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่หลังจากประสบปัญหาดังกล่าว อาจต้องชะลอการส่งมอบรถไปอย่างน้อย 2-3 เดือน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังสอบถามไปยัง ดีลเลอร์ฮอนด้าในกรุงเทพฯ ซึ่งแจ้งลูกค้าในรูปแบบเดียวกัน คือ งดรับจอง “บริโอ้” ชั่วคราว ส่วนรถยนต์รุ่นอื่นๆ ทั้ง แจ๊ซ ซิตี้ ซีวิค ยังพอมีรถเหลืออยู่ในสต๊อกบ้างแต่ก็น้อยเต็มที สร้างความเดือดร้อนให้ฝ่ายขายหรือเซลล์ประจำโชว์รูมเป็นอย่างมาก เพราะช่วง 1-2 เดือนนี้แทบไม่มีรถส่งให้ตามความต้องการของลูกค้า
**โบรกฯลดน้ำหนักหุ้นยานยนต์***
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ได้มีการปรับลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์จากเท่าตลาดเป็นน้อยกว่าตลาด เนื่องจากการลงทุนในกลุ่มยานยนต์มีความเสี่ยงสูง จากการที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ปรับลดปริมาณการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ 3 แห่ง ได้ แก่ โรงงานสำโรง โรรงงานเกตเวย์ และโรงงานบ้านโพธิ์ เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณชิ้นส่วนที่มีจำกัด ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนถึง 4 มิถุนายน 2554 โดยหยุดผลิตในวันจันทร์ และวันศุกร์ ส่วนการผลิตระหว่างวันอังคาร ถึงพฤหัสบดี จะเป็นการผลิตในสัดส่วน 50% ของประมารการผลิตปกติต่อวัน ส่วนแผนผลติในวันที่ 4 มิถุนายน จะประเมินสถานการณ์และพิจารณาผลกระทบอีก
ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบชิงลบอย่างแรงต่อกลุ่มยานยนต์ เพราะ โตโยต้า ถือเป็นผู้นำตลาดของกลุ่มทั้งการผลิต ตลาดส่งออก และตลาดรถยนต์ในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถือ 40% ของแต่ละประเภท โดยในปีที่ผ่านมา โตโยต้าสามารถผลิตรถยนต์ได้ 6.24 แสนค้น ขณะที่ทั้ง 3 โรงงานของโตโยต้า มีกำลังการผลิตรวม 5.5 แสนคันต่อปี แบ่งเป็น โรงงานสำโรงผลิตปิดอัด 2.5 คัน โรงงานเกตเวย์ผลิตรถเก๋ง 2 แสนคัน และโรงงานบ้านโพธิ์ผลิตปิกอัพและรถอเนกประสงค์ 1 แสนคัน ดังกลั้นการลดกำลังผลิตรถยนต์ของทุกโรงงานดังกล่าวข้างต้น คาดทำให้โตโยต้าสูญเสียการผลิตรถยนต์ 7-8 หมื่นคัน และมีโอกาสที่เพิ่มากกว่านี้ หากปัญหาขาดแคบนชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นยังไม่คลี่คลายได้ทันในเดือนมิ.ย.นี้ จากที่ทางโตโยต้าญี่ปุ่น (บริษัทแม่) ประเมินการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าทั่วโลก จะกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งใน พ.ย.-ธ.ค.2554
สำหรับการปรับลดการผลิตของโตโยต้า และอีกหลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งจะประกาศลดกำลังการผลิตตามออกมาอีกในไม่ช้าย่อมส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/54 ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงอุตสาหกรรมคาดการผลิตรถยนต์จะลดลง 1.5 แสนคันในช่วงดังกล่าว และทำให้การผลิตรถยนต์ปี 2554 มีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมาย 1.8 แสนคัน และจากการที่ทิศทางการผลิตรถยนต์ที่ลดลงตั้งแต่ ไตรมาส 2/54 จะมีผลประทบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทชิ้นส่วนทั้งในด้านยอดขายและกำไร ทำให้ บล.เอเซียพลัส เตรียมจะปรับลดประกาศการณ์ผลประกอบการกลุ่มรถยนต์ในเร็วๆ นี้
ด้าน บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บริษัทคาดยอดผลิตรถยนต์ในไตรมาส 2/54 จะปรับลดลงเหลือ 2.9 แสนคัน หรือลดลง 38% จากไตรมาสก่อน และคาดว่ายอดขายของกลุ่มยานยนต์ที่บริษัทศึกษาจะถูกกระทบในไตรมาส2/54 คือ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT จะลดลง 15% บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)หรือ STANLY คาดยอดขายไตรมาส2ลดลงประมาณ 15% บริษัท ไทยสตีลเคเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ TSC คาดยอดขายลดลงประมาณ 15-20% บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH คาดยอดขายลดลง 15% โดยบริษัทได้ลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มยานยนต์จากซื้อ เป็น ถือในหุ้น AH SAT STANLY และ TSC เพื่อรอดูสถานการณ์