xs
xsm
sm
md
lg

รุกเปิดเสรีบริการอาเซียน-จีนชุด2 ธุรกิจไทยสบช่องลุยตลาดมังกร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - รัฐสภาไฟเขียวไทยเซ็นลงนามเปิดเสรีบริการกรอบอาเซียน- จีนชุดที่ 2 คาดบังคับใช้ 1 ม.ค.ปีหน้า ธุรกิจไทยสบช่องบุกตลาดจีนเพิ่มขึ้น ทั้งวิชาชีพ กฎหมาย บัญชี ธุรกิจโทรคมนาคม ก่อสร้าง การศึกษา การเงิน ประกันภัย ท่องเที่ยว และขนส่ง ส่วนไทยเปิดเสรีเต็มที่ไม่เกิน 49% พร้อมให้ไทย-อินโดนีเซียทำความตกลงการค้าสองฝ่ายไฟเขียวลงนามรับรอง ถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 2 ของความตกลงว่าด้วยการค้าบริการภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-จีน โดยจะมีการลงนามในพิธีสารดังกล่าวภายในปี 2554 นี้ และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ธุรกิจบริการของไทยรุกเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่จีนได้มีการขยายการเปิดเสรีมากกว่าความตกลงในชุดที่ 1 ที่ได้เปิดเสรีไปเมื่อเดือน ก.ค.2550

ทั้งนี้ จีนได้มีการเปิดตลาดธุรกิจบริการเพิ่มขึ้นในความตกลงชุดที่ 2 โดยครอบคลุมกิจกรรมบริการในสาขาวิชาชีพ ทั้งด้านกฎหมาย และการบัญชี สาขาโทรคมนาคม ก่อสร้าง การศึกษา การเงิน การธนาคาร รวมทั้งการประกันภัย การท่องเที่ยว และสาขาการขนส่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่จีนได้เปิดตลาดให้อาเซียน ได้แก่ การขนส่งสินค้าทางถนน การซ่อมบำรุงยานพาหนะ และตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า (Freight forwarder)

'การเปิดเสรีธุรกิจบริการที่เพิ่มขึ้นนี้ ไทยจะได้ประโยชน์ในการเข้าไปเปิดธุรกิจ บริการไทยเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่ และ เป็นตลาดที่มีศักยภาพ' นายอลงกรณ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทยได้มีการเปิดเสรีเพิ่มเติมจากข้อผูกพันเดิม ที่ครอบคลุมกิจกรรมบริการบางประเภทในสาขาวิชาชีพ การศึกษา การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้าทางเรือ โดยได้เพิ่มเติมการ เปิดเสรีกิจกรรมบริการบางประเภทในสาขา วิชาชีพ สาขาโทรคมนาคม การเงิน และการ ขนส่ง ทั้งทางเรือ ทางอากาศ และทางราง เป็นต้น ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้กรอบที่กฎหมายปัจจุบันอนุญาตให้ต่าง ชาติประกอบธุรกิจได้ คือ ผู้ให้บริการของ ประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนสามารถเข้า มาประกอบธุรกิจโดยถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 49 และมีเงื่อนไขอื่นตามกฎหมาย เฉพาะสาขา เช่น ในสาขาการเงินถือหุ้นได้ ไม่เกินร้อยละ 25 หรือในสาขาวิชาชีพต้อง เป็นไปตามที่สภาวิชาชีพกำหนด เป็นต้น

นายอลงกรณ์กล่าวว่า รัฐสภายังได้ผ่านความตกลงการค้าไทย-อินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศพัฒนาความร่วมมือทางการค้าระหว่างกันได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถใช้เวทีในการพัฒนาความร่วมมือทางการค้า และลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างภาครัฐกับเอกชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองประเทศ สามารถขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันในอนาคต เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะขยายการส่งออกไปสู่ตลาดอาเซียน และสอดคล้องกับเป้าหมายการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างสมบูรณ์ ในปี 2558

ขณะเดียวกัน ทั้งสองประเทศยังจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าระดับรัฐมนตรี (Joint Trade Committee: JTC) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย และรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียเป็นประธานร่วม เพื่อทบทวนพิจารณาการดำเนินการตามความตกลงทางการค้า การหามาตรการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามความตกลง และการหามาตรการในการขยายการค้าที่เป็นประโยชน์ แก่ทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ รัฐสภายังได้ผ่านระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของ ผู้ส่งออก (Self-Certification) ซึ่งจะทำ ให้ไทยสามารถเข้าร่วมโครงการนำร่องเพื่อ ทดลองระบบ หลังจากบรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ได้ทดลองใช้แล้ว โดยผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาตสามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ส่งออกได้ด้วยตนเอง ทำให้การส่งออกสินค้าไปอาเซียนทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาเซียนกำหนดให้นำระบบดังกล่าวมาใช้ปฏิบัติจริงในปี 2555 เป็นต้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น