ASTVผู้จัดการรายวัน- โรงงาน-ชาวไร่อ้อยยิ้มร่ารับรายได้เพิ่มส่งผลให้โรงงานส่วนใหญ่หลุดจากแผนฟื้นฟูกิจการ ขณะที่ชาวไร่ล้างหนี้สินได้ เหตุราคาน้ำตาลตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูง แถมปริมาณอ้อยฤดู2553/2554 พุ่งไม่หยุด ล่าสุดอยู่ที่ 85.8 ล้านตัน คาดปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 88 ล้านตันอ้อย
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอนอยู่ที่ระดับ 638.7 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 19.17 บาทต่อกิโลกรัมจึงทำให้โรงงานน้ำตาลทรายที่อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการสามารถชำระหนี้ได้เกือบหมดแล้ว ขณะเดียวกันชาวไร่อ้อยยังสามารถปลดหนี้สินเช่นเดียวกันเพราะมีกำไรจาการปลูกอ้อย 15% หรือ 2,000-3,000 บาทต่อไร่
นอกจากนี้ชาวไร่และโรงงานจะยังได้รับรายได้เพิ่มจากปริมาณอ้อยที่สูงขึ้นเกินเป้าหมาย โดยคาดว่าปริมาณผลผลิตอ้อยฤดูกาลผลิต2553/2554 นี้ จะสูงถึงระดับ 88-90 ล้านตันอ้อย โดยปริมาณการผลิตอ้อยล่าสุด(19 เม.ย.2554) สามารถทำได้แล้ว 85.8 ล้านตันอ้อย ที่ระดับความหวานเฉลี่ย 11.91 ซีซีเอส ทำให้มีปริมาณน้ำตาลทรายรวม 88.5 ล้านกระสอบ(กระสอบละ100 กิโลกรัม)หรือเฉลี่ย 103.12 กิโลกรัมต่อตัน
“ขณะนี้มีโรงงานน้ำตาลปิดหีบไปเพียงแค่ 10 โรงเท่านั้น ยังเหลืออีก 36 โรงที่ยังเปิดหีบอยู่ เนื่องจากยังมีปริมาณอ้อยเหลืออยู่อีกประมาณ 2-3 ตันอ้อย คาดว่าจะทยอยปิดหีบได้ครบภายในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งการันตีได้เลยว่าราคาอ้อยขั้นท้ายฤดูกาลผลิต2553/2554 จะสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิต2553/2554 ที่ระดับ 945 บาทต่อตันอ้อยแน่นอนเนื่องจากสามารถทำราคาขายน้ำตาลทรายล่วงหน้าได้ที่ระดับ 22-23 เซ็นต่อปอนด์ได้เกือบหมดแล้ว”นายประเสริฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม แสดงให้เห็นศักยภาพว่า อุตสาหกรรมอ้อยของไทยมีความท้าทายที่จะผลิตอ้อยได้สูงถึง 100 ตันอ้อย ซึ่งทำให้ไทยสามารถก้าวสู่การนำผลผลิตอ้อยมาทำเป็นพืชพลังงานได้เหมือนประเทศบราซิล ก่อนจะก้าวสู่การทำอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาซื้อขายน้ำตาลทรายขาวตลาดลอนดอนอยู่ที่ระดับ 638.7 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 19.17 บาทต่อกิโลกรัมจึงทำให้โรงงานน้ำตาลทรายที่อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการสามารถชำระหนี้ได้เกือบหมดแล้ว ขณะเดียวกันชาวไร่อ้อยยังสามารถปลดหนี้สินเช่นเดียวกันเพราะมีกำไรจาการปลูกอ้อย 15% หรือ 2,000-3,000 บาทต่อไร่
นอกจากนี้ชาวไร่และโรงงานจะยังได้รับรายได้เพิ่มจากปริมาณอ้อยที่สูงขึ้นเกินเป้าหมาย โดยคาดว่าปริมาณผลผลิตอ้อยฤดูกาลผลิต2553/2554 นี้ จะสูงถึงระดับ 88-90 ล้านตันอ้อย โดยปริมาณการผลิตอ้อยล่าสุด(19 เม.ย.2554) สามารถทำได้แล้ว 85.8 ล้านตันอ้อย ที่ระดับความหวานเฉลี่ย 11.91 ซีซีเอส ทำให้มีปริมาณน้ำตาลทรายรวม 88.5 ล้านกระสอบ(กระสอบละ100 กิโลกรัม)หรือเฉลี่ย 103.12 กิโลกรัมต่อตัน
“ขณะนี้มีโรงงานน้ำตาลปิดหีบไปเพียงแค่ 10 โรงเท่านั้น ยังเหลืออีก 36 โรงที่ยังเปิดหีบอยู่ เนื่องจากยังมีปริมาณอ้อยเหลืออยู่อีกประมาณ 2-3 ตันอ้อย คาดว่าจะทยอยปิดหีบได้ครบภายในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งการันตีได้เลยว่าราคาอ้อยขั้นท้ายฤดูกาลผลิต2553/2554 จะสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิต2553/2554 ที่ระดับ 945 บาทต่อตันอ้อยแน่นอนเนื่องจากสามารถทำราคาขายน้ำตาลทรายล่วงหน้าได้ที่ระดับ 22-23 เซ็นต่อปอนด์ได้เกือบหมดแล้ว”นายประเสริฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม แสดงให้เห็นศักยภาพว่า อุตสาหกรรมอ้อยของไทยมีความท้าทายที่จะผลิตอ้อยได้สูงถึง 100 ตันอ้อย ซึ่งทำให้ไทยสามารถก้าวสู่การนำผลผลิตอ้อยมาทำเป็นพืชพลังงานได้เหมือนประเทศบราซิล ก่อนจะก้าวสู่การทำอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ
