ปตท.เคมิคอลลั่น ตั้งโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพเป็นรายแรกในอาเซียนภายใน 5ปีข้างหน้า ใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เผยขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจเรื่องเทคโนโลยีและพันธมิตรทางธุรกิจ เชื่อมาร์จินเม็ดพลาสติกหดเหลือ 400 เหรียญ/ตันแค่ช่วงสั้น เหตุปรับราคาขึ้นไม่ทันน้ำมันดิบ ด้านบิ๊กปตท.ฟุ้งแผนควบรวมกิจการบ.ย่อยสรุปไตรมาส 1/54 และดำเนินการควบรวมกิจการโดยตั้งบริษัทใหม่ภายในส.ค.นี้
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพแห่งแรกในไทย และแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 5 ปีนี้ มีกำลังการผลิตกว่า 1 แสนตัน/ปี ใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการลงทุนว่าหาพันธมิตรหรือลงทุนเองทั้งหมด รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตด้วย
การตัดสินใจลงทุนโครงการผลิตพลาสติกชีวภาพนั้น เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแสดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม จากปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้เพียง 1%ของการใช้พลาสติกทั่วโลก ซึ่งในอนาคตการใช้จะเติบโตมากกว่า 10-20 % ขณะที่ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีพืชเหมาะสำหรับเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกชีวภาพ ได้แก่ น้ำตาลและมันสำปะหลัง ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาพันธุ์พืชให้เหมาะสมควบคู่กับการลงทุน ซึ่งการลงทุนผลิตพลาสติกชีวภาพเบื้องต้นจะลงทุนสร้างโรงงานต้นแบบขนาดกำลังการผลิต 3-5 พันตัน/ปี หากประสบความสำเร็จก็จะลงทุนสร้งโรงงานขนาดใหญ่
ทั้งนี้ ในปี 2554 บริษัทมีงบลงทุนตามปกติประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะกันงบลงทุนในการซื้อกิจการไว้ต่างหาก ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา เช่น โครงการอีเทนแครกเกอร์ 1 ล้านตัน ที่ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตแล้ว 70% หลังจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงที่ 6 ของ ปตท. เปิดเดินเครื่อง รวมทั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกหลายโรง
นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกกับวัตถุดิบ(แนฟธา)แคบลงเหลือเพียง 400กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าสเปรดในปี 53 ที่ตันละเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกHDPE ปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมันดิบที่ขยับสูงขึ้น แต่เชื่อว่ามาร์จินแคบนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ กำลังการผลิตปิโตรเคมีในตะวันออกกลางปีนี้ที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นตัวกดดันให้ราคาพลาสติกไม่ให้ขยับขึ้นมาก แม้ว่าความต้องการใช้ในภูมิภาคนี้จะยังสูงอยู่โดยเฉพาะจีน ดังนั้นปีนี้น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ราคาเม็ดพลาสติกต่ำ หลังจากนี้ไปน่าจะเข้าสู่วัฎจักรราคาขาขึ้น ปัจจุบันราคาเม็ดพลาสติกHDPEอยู่ที่ตันละ 1,300 เหรียญสหรัฐ ขณะที่แนฟธาตันละ 900 เหรียญสหรัฐ
วานนี้ (10 ม.ค.) หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) โครงการวิจัยการพัฒนาพลาสติกชีวภาพ เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืนระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กับบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินโครงการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพสำหรับการเพาะปลูกพืชผักและพืชเกษตรอื่นๆซึ่งเป็นโครงการต้นแบบที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อการเกษตร เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต และยกระดับสินค้าเกษตรของไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
****ควบรวมบ.ลูกปตท.เสร็จQ3นี้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการบริษัทย่อย 4 บริษัทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/2554 โดยกลุ่มแรกจะเป็นกิจการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ระยองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ บมจ.ปตท.เคมิคอล , บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น และ บมจ.ไออาร์พีซี โดยจะควบรวมกิจการเพียง 2 บริษัทก่อน ซึ่งกระบวนการควบรวมกิจการและจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่จะแล้วเสร็จภายในสิงหาคมนี้
"คาดว่าข้อสรุปว่าจะควบรวมบริษัทใดก่อนจะเสร็จภายในไตรมาส 1/54 เพราะเรามีการศึกษาอย่างจริงจัง มีการจัดตั้งที่ปรึกษาแล้ว คงจะควบรวมบริษัทในพื้นที่จังหวัดระยองก่อน คาดว่าจะใช้เวลา 7-8 เดือนนับตั้งแต่มกราคม เราน่าจะควบรวมแล้วเสร็จและจัดตั้งบริษัทใหม่ได้ "นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าปตท.เจรจาซื้อหุ้นไออาร์พีซีที่ธนาคารออมสินและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)นั้น บริษัทไม่มีแนวคิดที่จะซื้อหุ้นไออาร์พีซีต่อจากผู้ถือหุ้นทั้งสองราย เนื่องจากปัจจุบัน ปตท. ถือหุ้นไออาร์พีซีกว่า 30 % จึงไม่ต้องการให้ไออาร์พีซีกลายเป็นรัฐวิสาหกิจหากปตท.ถือหุ้นเกิน 50% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าหุ้นไอ อาร์พีซีเป็นหุ้นน่าสนใจและต้องการลงทุนเพิ่มเติมก็จะซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพแห่งแรกในไทย และแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 5 ปีนี้ มีกำลังการผลิตกว่า 1 แสนตัน/ปี ใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการลงทุนว่าหาพันธมิตรหรือลงทุนเองทั้งหมด รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตด้วย
การตัดสินใจลงทุนโครงการผลิตพลาสติกชีวภาพนั้น เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแสดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม จากปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้เพียง 1%ของการใช้พลาสติกทั่วโลก ซึ่งในอนาคตการใช้จะเติบโตมากกว่า 10-20 % ขณะที่ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีพืชเหมาะสำหรับเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกชีวภาพ ได้แก่ น้ำตาลและมันสำปะหลัง ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาพันธุ์พืชให้เหมาะสมควบคู่กับการลงทุน ซึ่งการลงทุนผลิตพลาสติกชีวภาพเบื้องต้นจะลงทุนสร้างโรงงานต้นแบบขนาดกำลังการผลิต 3-5 พันตัน/ปี หากประสบความสำเร็จก็จะลงทุนสร้งโรงงานขนาดใหญ่
ทั้งนี้ ในปี 2554 บริษัทมีงบลงทุนตามปกติประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะกันงบลงทุนในการซื้อกิจการไว้ต่างหาก ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา เช่น โครงการอีเทนแครกเกอร์ 1 ล้านตัน ที่ปัจจุบันเดินเครื่องผลิตแล้ว 70% หลังจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงที่ 6 ของ ปตท. เปิดเดินเครื่อง รวมทั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกหลายโรง
นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกกับวัตถุดิบ(แนฟธา)แคบลงเหลือเพียง 400กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน ต่ำกว่าสเปรดในปี 53 ที่ตันละเกือบ 500 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกHDPE ปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมันดิบที่ขยับสูงขึ้น แต่เชื่อว่ามาร์จินแคบนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ กำลังการผลิตปิโตรเคมีในตะวันออกกลางปีนี้ที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นตัวกดดันให้ราคาพลาสติกไม่ให้ขยับขึ้นมาก แม้ว่าความต้องการใช้ในภูมิภาคนี้จะยังสูงอยู่โดยเฉพาะจีน ดังนั้นปีนี้น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่ราคาเม็ดพลาสติกต่ำ หลังจากนี้ไปน่าจะเข้าสู่วัฎจักรราคาขาขึ้น ปัจจุบันราคาเม็ดพลาสติกHDPEอยู่ที่ตันละ 1,300 เหรียญสหรัฐ ขณะที่แนฟธาตันละ 900 เหรียญสหรัฐ
วานนี้ (10 ม.ค.) หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) โครงการวิจัยการพัฒนาพลาสติกชีวภาพ เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืนระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กับบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินโครงการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพสำหรับการเพาะปลูกพืชผักและพืชเกษตรอื่นๆซึ่งเป็นโครงการต้นแบบที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่อการเกษตร เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต และยกระดับสินค้าเกษตรของไทยให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
****ควบรวมบ.ลูกปตท.เสร็จQ3นี้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการบริษัทย่อย 4 บริษัทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/2554 โดยกลุ่มแรกจะเป็นกิจการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ระยองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ บมจ.ปตท.เคมิคอล , บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น และ บมจ.ไออาร์พีซี โดยจะควบรวมกิจการเพียง 2 บริษัทก่อน ซึ่งกระบวนการควบรวมกิจการและจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่จะแล้วเสร็จภายในสิงหาคมนี้
"คาดว่าข้อสรุปว่าจะควบรวมบริษัทใดก่อนจะเสร็จภายในไตรมาส 1/54 เพราะเรามีการศึกษาอย่างจริงจัง มีการจัดตั้งที่ปรึกษาแล้ว คงจะควบรวมบริษัทในพื้นที่จังหวัดระยองก่อน คาดว่าจะใช้เวลา 7-8 เดือนนับตั้งแต่มกราคม เราน่าจะควบรวมแล้วเสร็จและจัดตั้งบริษัทใหม่ได้ "นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าปตท.เจรจาซื้อหุ้นไออาร์พีซีที่ธนาคารออมสินและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)นั้น บริษัทไม่มีแนวคิดที่จะซื้อหุ้นไออาร์พีซีต่อจากผู้ถือหุ้นทั้งสองราย เนื่องจากปัจจุบัน ปตท. ถือหุ้นไออาร์พีซีกว่า 30 % จึงไม่ต้องการให้ไออาร์พีซีกลายเป็นรัฐวิสาหกิจหากปตท.ถือหุ้นเกิน 50% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าหุ้นไอ อาร์พีซีเป็นหุ้นน่าสนใจและต้องการลงทุนเพิ่มเติมก็จะซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์
