ASTVผู้จัดการรายวัน – ปตท.เตรียมยื่นหนังสือร้องก.พลังงานขอปรับขึ้นราคาขายNGV เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง 14-15 บาท/ก.ก.ในเดือนพ.ค. หวั่นบอร์ดฯถูกผู้ถือหุ้นฟ้องหากยังอุดหนุนNGVต่อไป คาดปีนี้แบกภาระขาดทุนจากการขายNGVอีก 1หมื่นล้านบาท การันตีปีนี้มีกำไรสูงกว่า 8.3 หมื่นล้านบาท
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.นี้ บริษัทฯจะทำหนังสือยื่นขอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับเพดานราคาขายปลีก NGVตามต้นทุนที่แท้จริง 14 -15 บาท/กิโลกรัม (ก.ก.) แต่ปตท.จำหน่ายอยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม ทำให้ปตท.ต้องรับภาระอุดหนุนจำหน่าย NGVมากกว่า 4.50 บาท/ก.ก.
และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนให้อีกก.ก.ละ 2 บาท ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาอุดหนุนในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งนับวันปริมาณการขายก๊าซNGVเพิ่มสูงขึ้น หากรัฐยังคงนโยบายไม่ให้มีการขยับขึ้นราคาขายปลีกNGV เชื่อว่าต้องแบกรับภาระขาดทุนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของปตท.ในอนาคต เนื่องจากบริษัทฯแบกภาระเกินตัว
“ในปี 2555-2557 ปริมาณการใช้ก๊าซNGV เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานก็สูงขึ้นไปพร้อมๆกับต้นทุนเนื้อก๊าซฯที่แพงขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ดังนั้นรัฐต้องมีทางออกเรื่องนี้ที่ชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่ได้รับการแก้ไขปัญหานี้ ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องร้องบอร์ดบริษัทฯที่ทำให้บริษัทเสียหายได้ ”
ทั้งนี้ ปตท.รับภาระขาดทุนสะสมจากการจำหน่าย NGVแล้ว 2.7 หมื่นล้านบาทในช่วง 4-5ปีที่ผ่านมา และปี 2554 รับภาระขาดทุน NGV อีก 7.3 พันล้านบาท คาดว่าปีนี้ปตท.จะแบกรับภาระขาดทุนจาก NGVเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปริมาณการใช้ NGVเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ความต้องการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG)เพิ่มสูงขึ้นทั้งในภาคครัวเรือน การขนส่งและอุตสาหกรรม ทำให้ปีที่แล้วปตท.ต้องอุดหนุนราคาLPG 2 หมื่นกว่าล้านบาท และปีนี้คาดว่าอุดหนุนไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรัฐคุมราคาขายในประเทศที่ 330 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 800-900 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ปตท.เสียโอกาสในการทำกำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของปตท.ในปีนี้จะดีกว่าปี2553 ที่มีกำไรสุทธิ 8.3 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการอุดหนุนNGV ก็ตาม เนื่องจากปริมาณการขายและราคาที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
“การทำธุรกิจต้องสะท้อนต้นทุนพลังงานที่แท้จริง เพื่อให้ผู้ใช้เป็นฝ่ายเลือกใช้พลังงาน หากโครงสร้างราคาพลังงานบิดเบือน จะทำให้มีการใช้พลังงานไม่ประหยัด สุดท้ายส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ เนื่องจากรัฐต้องเข้าไปอุดหนุนราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซฯและLPG”
นอกจากนั้น ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯมีมติอนุมัติให้ปตท.เข้าซื้อหุ้น บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) และบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)( PTTCH) จากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบรวมกิจการของ 2 บริษัทดังกล่าว คาดว่าบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือน ส.ค.2554
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ค.นี้ บริษัทฯจะทำหนังสือยื่นขอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับเพดานราคาขายปลีก NGVตามต้นทุนที่แท้จริง 14 -15 บาท/กิโลกรัม (ก.ก.) แต่ปตท.จำหน่ายอยู่ที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม ทำให้ปตท.ต้องรับภาระอุดหนุนจำหน่าย NGVมากกว่า 4.50 บาท/ก.ก.
และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนให้อีกก.ก.ละ 2 บาท ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาอุดหนุนในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งนับวันปริมาณการขายก๊าซNGVเพิ่มสูงขึ้น หากรัฐยังคงนโยบายไม่ให้มีการขยับขึ้นราคาขายปลีกNGV เชื่อว่าต้องแบกรับภาระขาดทุนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของปตท.ในอนาคต เนื่องจากบริษัทฯแบกภาระเกินตัว
“ในปี 2555-2557 ปริมาณการใช้ก๊าซNGV เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานก็สูงขึ้นไปพร้อมๆกับต้นทุนเนื้อก๊าซฯที่แพงขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ดังนั้นรัฐต้องมีทางออกเรื่องนี้ที่ชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่ได้รับการแก้ไขปัญหานี้ ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องร้องบอร์ดบริษัทฯที่ทำให้บริษัทเสียหายได้ ”
ทั้งนี้ ปตท.รับภาระขาดทุนสะสมจากการจำหน่าย NGVแล้ว 2.7 หมื่นล้านบาทในช่วง 4-5ปีที่ผ่านมา และปี 2554 รับภาระขาดทุน NGV อีก 7.3 พันล้านบาท คาดว่าปีนี้ปตท.จะแบกรับภาระขาดทุนจาก NGVเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปริมาณการใช้ NGVเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ความต้องการใช้ก๊าซหุงต้ม(LPG)เพิ่มสูงขึ้นทั้งในภาคครัวเรือน การขนส่งและอุตสาหกรรม ทำให้ปีที่แล้วปตท.ต้องอุดหนุนราคาLPG 2 หมื่นกว่าล้านบาท และปีนี้คาดว่าอุดหนุนไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรัฐคุมราคาขายในประเทศที่ 330 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 800-900 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ปตท.เสียโอกาสในการทำกำไรปีละหลายหมื่นล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของปตท.ในปีนี้จะดีกว่าปี2553 ที่มีกำไรสุทธิ 8.3 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการอุดหนุนNGV ก็ตาม เนื่องจากปริมาณการขายและราคาที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
“การทำธุรกิจต้องสะท้อนต้นทุนพลังงานที่แท้จริง เพื่อให้ผู้ใช้เป็นฝ่ายเลือกใช้พลังงาน หากโครงสร้างราคาพลังงานบิดเบือน จะทำให้มีการใช้พลังงานไม่ประหยัด สุดท้ายส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ เนื่องจากรัฐต้องเข้าไปอุดหนุนราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซฯและLPG”
นอกจากนั้น ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯมีมติอนุมัติให้ปตท.เข้าซื้อหุ้น บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) และบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)( PTTCH) จากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบรวมกิจการของ 2 บริษัทดังกล่าว คาดว่าบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือน ส.ค.2554
