ASTVผู้จัดการรายวัน – บอร์ดปตท.อนุมัติแผนควบรวมกิจการPTTCH-PTTAR แล้ว เตรียมเรียกประชุมผู้ถือหุ้น 3 บริษัทที่เกี่ยวข้องเห็นชอบภายในเม.ย.นี้ เชื่อการควบรวมกิจการไร้ปัญหา ชี้การควบรวมกิจการเป็นเทรนด์ของโลกหากไม่ทำจะตกขบวน ระบุผลดีการควบรวมกิจการทำกำไรจากSynergyระหว่างกันเพิ่มขึ้นปีละ 2-4 พันล้านบาท มั่นใจนำบริษัทใหม่เข้าเทรดซื้อขายหุ้นส.ค.นี้ มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 4 ของตลาดหุ้น มูลค่า 3แสนล้านบาท
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัทฯวานนี้(24 ก.พ.)ได้อนุมัติแผนการควบรวมกิจการบริษัทในเครือฯระหว่างบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTCH) กับบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) สร้างกำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มความแข็งแกร่งระหว่างกัน (Synergy)ปีละ 2-4 พันล้านบาท ส่งผลให้ปตท.รับรู้กำไรเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทใหม่ 40กว่า%
การควบรวมกิจการเป็นไปตามกระแสของโลกที่มีบริษัทปิโตรเคมีหลายรายได้มีการควบรวมกิจการระหว่างกันเพื่อให้บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้น ดึงดูดความสนใจของกองทุนต่างชาติ และช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรอง ซึ่งการควบรวมครั้งนี้จะทำให้เกิดSynergyจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการมาต่อยอดร่วมกัน จากเดิมที่ขายออกไป และลดภาษีจากการขายผลิตภัณฑ์ระหว่างกันในช่วงที่ผ่านมา
“การควบรวมกิจการระหว่างPTTCHกับ PTTAR เป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์ที่ต้องเป็นไปตามเทรนด์ของโลก จากการสอบถามนักลงทุนต่างประเทศก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ส่วนจุดมุ่งหมายเพื่อหวังลดต้นทุนนั้นเป็นปัจจัยรองลงมา หากไม่มีการควบรวม ก็จะตกขบวน ซึ่ง ปตท.ยืนยันว่าภายหลังการควบรวมจะไม่มีการปลดพนักงานอย่างแน่นอนแต่จะมีการโยกย้ายพนักงานบางส่วนไปทำงานในสายงานอื่นแทน”
สำหรับรูปแบบการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวข้างต้น จะดำเนินการจัดตั้งบริษัทใหม่ (AMALGAMATION) แล้วใช้วิธีการแลกหุ้น(สว็อปหุ้น) ก่อนนำบริษัทใหม่ไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากได้เพิกถอนบริษัทเดิมคือPTTCH และ PTTAR ออกจากตลาดฯแล้วเช่นเดียวกับการควบรวมกิจการของบมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง(RRC)กับบริษัท อะโรเมติกส์(ประเทศไทย )(ATC) แล้วตั้งเป็นบริษัทใหม่ คือ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR)
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมฯได้อนุมัติให้เร่งดำเนินการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นปตท.และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาอนุมัติการควบรวมกิจการดังกล่าวให้เสร็จภายในปลายเดือนเม.ย.นี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน โดยบริษัทใหม่จะมีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 4 ของตลาดหลักทรัพย์ไทย คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท คาดเทรดซื้อขายหุ้นได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงานในฐานะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กระบวนการควบรวมกิจการระหว่างPTTCH-PTTAR จะแล้วเสร็จในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งเชื่อว่าการควบรวมไม่มีปัญหา ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปตท.จะควบรวมกิจการระหว่างPTTARกับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC) แต่ต้องล้มไปเนื่องจากIRPCติดปัญหาคดีปปช.
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (24 ก.พ.)บอร์ดฯบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบอร์ดบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) ได้เห็นชอบแผนการควบรวมกิจการดังกล่าว และจะมีการชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการในวันนี้
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัทฯวานนี้(24 ก.พ.)ได้อนุมัติแผนการควบรวมกิจการบริษัทในเครือฯระหว่างบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTCH) กับบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) สร้างกำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มความแข็งแกร่งระหว่างกัน (Synergy)ปีละ 2-4 พันล้านบาท ส่งผลให้ปตท.รับรู้กำไรเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทใหม่ 40กว่า%
การควบรวมกิจการเป็นไปตามกระแสของโลกที่มีบริษัทปิโตรเคมีหลายรายได้มีการควบรวมกิจการระหว่างกันเพื่อให้บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้น ดึงดูดความสนใจของกองทุนต่างชาติ และช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรอง ซึ่งการควบรวมครั้งนี้จะทำให้เกิดSynergyจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการมาต่อยอดร่วมกัน จากเดิมที่ขายออกไป และลดภาษีจากการขายผลิตภัณฑ์ระหว่างกันในช่วงที่ผ่านมา
“การควบรวมกิจการระหว่างPTTCHกับ PTTAR เป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์ที่ต้องเป็นไปตามเทรนด์ของโลก จากการสอบถามนักลงทุนต่างประเทศก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ส่วนจุดมุ่งหมายเพื่อหวังลดต้นทุนนั้นเป็นปัจจัยรองลงมา หากไม่มีการควบรวม ก็จะตกขบวน ซึ่ง ปตท.ยืนยันว่าภายหลังการควบรวมจะไม่มีการปลดพนักงานอย่างแน่นอนแต่จะมีการโยกย้ายพนักงานบางส่วนไปทำงานในสายงานอื่นแทน”
สำหรับรูปแบบการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวข้างต้น จะดำเนินการจัดตั้งบริษัทใหม่ (AMALGAMATION) แล้วใช้วิธีการแลกหุ้น(สว็อปหุ้น) ก่อนนำบริษัทใหม่ไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากได้เพิกถอนบริษัทเดิมคือPTTCH และ PTTAR ออกจากตลาดฯแล้วเช่นเดียวกับการควบรวมกิจการของบมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง(RRC)กับบริษัท อะโรเมติกส์(ประเทศไทย )(ATC) แล้วตั้งเป็นบริษัทใหม่ คือ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR)
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมฯได้อนุมัติให้เร่งดำเนินการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นปตท.และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาอนุมัติการควบรวมกิจการดังกล่าวให้เสร็จภายในปลายเดือนเม.ย.นี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน โดยบริษัทใหม่จะมีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 4 ของตลาดหลักทรัพย์ไทย คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท คาดเทรดซื้อขายหุ้นได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงานในฐานะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กระบวนการควบรวมกิจการระหว่างPTTCH-PTTAR จะแล้วเสร็จในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งเชื่อว่าการควบรวมไม่มีปัญหา ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปตท.จะควบรวมกิจการระหว่างPTTARกับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(IRPC) แต่ต้องล้มไปเนื่องจากIRPCติดปัญหาคดีปปช.
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (24 ก.พ.)บอร์ดฯบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบอร์ดบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) ได้เห็นชอบแผนการควบรวมกิจการดังกล่าว และจะมีการชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการในวันนี้