ASTVผู้จัดการรายวัน – ปตท.เร่งศึกษาแผนการควบรวมธุรกิจไฟฟ้าในเครือฯภายใต้แผนยุทธศาสตร์ปตท. 10ปีคาดเห็นความชัดเจนในปีนี้หลังการควบรวมกิจการPTTAR-PTTCH แล้วเสร็จ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและขนาดธุรกิจไฟฟ้าให้ใหญ่พอที่จะสยายปีกลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)อยู่ระหว่างศึกษาการควบรวมบริษัทย่อยในเครือฯที่ทำธุรกิจไฟฟ้าเข้าด้วยกันภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 10ปีของปตท. คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด(มหาชน)(PTTCH) และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นจำกัด (มหาชน)(PTTAR)แล้วเสร็จ ซึ่งแนวทางการควบรวมกิจการธุรกิจไฟฟ้าเข้าด้วยกันเพื่อให้บริษัทฯมีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น พร้อมที่จะรุกธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ในฐานะที่ไทยออยล์มีบริษัทลูกที่ทำธุรกิจไฟฟ้าไอพีพีขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ และดำเนินธุรกิจนี้มานาน ก็คาดหวังว่าปตท.จะให้ไทยออยล์เป็นหัวหอกดูแลธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มปตท.ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มปตท.จำเป็นต้องชี้แจงให้ผู้ถือหุ้นในแต่ละบริษัทได้ทราบถึงเหตุผล ประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันปตท.ถือหุ้นในธุรกิจไฟฟ้า ประกอบด้วย บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ จำกัดในเครือไทยออยล์ 20% บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ 26% บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ 40% บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด 35% และบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด 15%
แหล่งข่าวจากปตท. กล่าวว่า แนวคิดการควบรวมกิจการไฟฟ้าของกลุ่มปตท.เพื่อต้องการสร้างความเข้มแข็งและมีขนาดใหญ่ในทางธุรกิจเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มปตท.ได้เข้าไปซื้อธุรกิจถ่านหินในต่างประเทศ พร้อมกับหาลู่ทางการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพื่อป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าประมาณ70%เป็นต้นทุนราคาเชื้อเพลิง
ส่วนรูปแบบการควบรวมกิจการนั้นยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นในรูปแบบใด อาจจะเป็นการตั้งบริษัทใหม่เข้ามาดูแล หรือการแลกหุ้น เนื่องจากบางบริษัทมีการถือหุ้นโดยต่างชาติ อาทิ เจ พาวเวอร์ ซึ่งมีการควบรวมกิจการแล้วจะเจ พาวเวอร์จะยังถือหุ้นต่อไปหรือไม่ หรือจะให้พีทีที ยูทิลิตี้ถือหุ้นในไอพีทีของท็อป เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท นที ซินเนอร์ยี่ จำกัด ในเครือปตท.ได้เข้าไปถือหุ้น 25%ในบริษัท ไซยบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,285เมกะวัตต์ คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบกฟผ.ในเดือนม.ค.2562
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)อยู่ระหว่างศึกษาการควบรวมบริษัทย่อยในเครือฯที่ทำธุรกิจไฟฟ้าเข้าด้วยกันภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 10ปีของปตท. คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด(มหาชน)(PTTCH) และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นจำกัด (มหาชน)(PTTAR)แล้วเสร็จ ซึ่งแนวทางการควบรวมกิจการธุรกิจไฟฟ้าเข้าด้วยกันเพื่อให้บริษัทฯมีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น พร้อมที่จะรุกธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ในฐานะที่ไทยออยล์มีบริษัทลูกที่ทำธุรกิจไฟฟ้าไอพีพีขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ และดำเนินธุรกิจนี้มานาน ก็คาดหวังว่าปตท.จะให้ไทยออยล์เป็นหัวหอกดูแลธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มปตท.ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มปตท.จำเป็นต้องชี้แจงให้ผู้ถือหุ้นในแต่ละบริษัทได้ทราบถึงเหตุผล ประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันปตท.ถือหุ้นในธุรกิจไฟฟ้า ประกอบด้วย บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ จำกัดในเครือไทยออยล์ 20% บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ 26% บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ 40% บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด 35% และบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด 15%
แหล่งข่าวจากปตท. กล่าวว่า แนวคิดการควบรวมกิจการไฟฟ้าของกลุ่มปตท.เพื่อต้องการสร้างความเข้มแข็งและมีขนาดใหญ่ในทางธุรกิจเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มปตท.ได้เข้าไปซื้อธุรกิจถ่านหินในต่างประเทศ พร้อมกับหาลู่ทางการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพื่อป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าประมาณ70%เป็นต้นทุนราคาเชื้อเพลิง
ส่วนรูปแบบการควบรวมกิจการนั้นยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นในรูปแบบใด อาจจะเป็นการตั้งบริษัทใหม่เข้ามาดูแล หรือการแลกหุ้น เนื่องจากบางบริษัทมีการถือหุ้นโดยต่างชาติ อาทิ เจ พาวเวอร์ ซึ่งมีการควบรวมกิจการแล้วจะเจ พาวเวอร์จะยังถือหุ้นต่อไปหรือไม่ หรือจะให้พีทีที ยูทิลิตี้ถือหุ้นในไอพีทีของท็อป เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท นที ซินเนอร์ยี่ จำกัด ในเครือปตท.ได้เข้าไปถือหุ้น 25%ในบริษัท ไซยบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,285เมกะวัตต์ คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบกฟผ.ในเดือนม.ค.2562