xs
xsm
sm
md
lg

ASPย้ำไม่หั่นค่าคอมฯเพื่อแข่งขัน ก้องเกียรติแนะจับตานำมัน-เงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"บล.เอเซียพลัส " มองหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้น 10 - 15% เช่นเดียวเป้าการเติบโตของรายได้บริษัท แนะนักลงทุนจับตาสถานการณ์ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่อาจมีผลต่อดัชนี ล่าสุดปรับเกม รุกลงทุนต่างแดน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น พร้อมลดน้ำหนักหุ้นไทย และตราสารหนี้ เชื่อปีหน้าสงครามแข่งลดค่าคอมมิชชั่นเกิดน้อย ยืนยันเจตนารมณ์ ควบคุมค่าคอมฯในระดับเดิม ใช้บทวิจัยคุณภาพ และงานบริการชนะใจลูกค้า

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยถึงแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มได้อีก 10 -15% จากฐานดัชนีที่ 1,000 จุด ขณะที่มุมองว่าดัชนีปรับตัวลดลงยังมีอยู่ ซึ่งจุดนี้ต้องขึ้นอยู่กลับ ราคาน้ำมันและอัตราการเติบโตของตัวเลขเงินฟ้อด้วย

โดยปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากปี 52 และมีกำไรเพิ่มขึ้น 66% สูงสุดตั้งแต่การควบรวมบริษัท และช่วง4ปีที่ผ่านมา รายได้จากค่านายหน้าของบริษัทลดลง โดยปีก่อนอยู่ที่ 54% ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัทที่ไม่มุ่งเน้นเพียงธุรกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงด้านเดียว แต่หันมาเพิ่มรายได้จากการลงทุนด้านอื่นๆด้วย ซึ่งในปี53 รายได้จากการลงทุนของบริษัทเติบโตถึง 32% จาก 26%ในปี52

นอกจากนี้ บริษัทพยายามควบคุมค่าคอมมิชั่นในการซื้อขายให้อยู่ในระดับ 0.19% โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับบทวิจัย และบริการที่มีคุณภาพต่อลูกค้าของบริษัท เพราะประเมินว่าแม้ในปี 55 จะมีการเปิดเสรีฯเต็มตัว แต่สงครามการแข่งขันปรับลดราคาค่าคอมมิชั่นของโบรกเกอร์จะเกิดขึ้นไม่มากนัก เพราะอดีตที่ผ่านพิสูจน์แล้วว่าการลดค่าคอมมิชั่น ไม่ได้ก่อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมและนักลงทุนเลย

ขณะเดียวปีนี้ บริษัทจะเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน เป็นการลงทุนที่ปรับตัวไปตามภาวะเงินเฟ้อ และลดการลงทุนในตราสารหนี้ รวมถึงลดการลงทุนในหุ้นไทยลงจากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 20-30% ของพอร์ตลงทุน โดยจะหันไปลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เพราะเห็นว่า ตลาดหุ้นในหลายประเทศขณะนี้ มีราคาถูกกว่าหุ้นไทย เช่นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทที่นิยมเข้าไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา, ฮ่องกง , จีน, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และ เกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามจำนวนลูกค้าที่ลงทุนในต่างประเทศยังมีไม่มาก เฉพาะของASP มีประมาณ 20 กว่าราย และทั้งอุตสาหกรรม น่าจะไม่เกิน 200 ราย

ทั้งนี้ บล.เอเชียพลัสคาดว่า รายได้ในปี 54 น่าจะเติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน ที่มีรายได้ประมาณ 2พันล้านบาท และจะรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 5.26% หรือเป็นอันดับ 3ของกลุ่มบล. ซึ่งปีนี้จะเป็นการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะงานด้านวาณิชธนกิจ(IB) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุด เพราะมีงานอยู่ถึง 23 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 8 ดีล,งานที่ปรึกษาการควบรวมกิจการ(M&A) จำนวน 6 ดีล และงานที่ปรึกษาเสนอขายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิม(PO)จำนวน 2 ดีล รวมทั้งานที่ปรึกษาทางการเงิน(FA) 7 ดีล

ถัดมาคือ ธุรกิจ Asset Management และ Wealth Plus ที่เพิ่งได้ไลเซนส์ ไพรเวตฟันด์จากสำนักงานก.ล.ต. , การออก DW อีก12 ตัว ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และการชักชวนลูกค้าไปลงทุนในต่างประเทศ ผ่านบริษัท หรือบลจ.แอสเซ็ทพลัส ที่จะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนหุ้นในต่างประเทศโดยเฉพาะ ออกเสนอขายนักลงทุนในสัปดาห์หน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น