xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"เรียกถกด่วน ลดภาษีตรึงดีเซล เคาะลิตรละ1.90บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิสิทธิ์" เรียกถกด่วนวันนี้ หารือปัญหาเร่งด่วน 3 เรื่องทั้งราคาน้ำมัน เศรษฐกิจและปัญหาค่าแรง คลังยอมแล้วลดภาษีสรรพสามิต 1.90 บาทต่อลิตร

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเหตุการณ์การสู้รบในลิเบีย ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินไว้ใช้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้สูงเกินลิตรละ 30 บาทได้แค่สิ้นเดือน เม.ย.เท่านั้น ซึ่งคงต้องหามาตรการด้านนโยบายเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปยังต้นทุนค่าขนส่งและราคาสินค้า

"ระดับเงินของกองทุนฯ ลดต่ำลงมาต่ำกว่า 1 หมื่นล้าน ลำพังกองทุนน้ำมันฯคงจะรับมือได้เพียงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น ในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) ผมจะได้นัดหมายพูดคุยกับทั้งรัฐมนตรีพลังงานและรัฐมนตรีคลัง" นายกรัฐมนตรีกล่าวและว่า มาตรการที่ออกมาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานะของกองทุนน้ำมันฯ และฐานะทางการเงินการคลังของประเทศ เพราะต้องคำนึงถึงประมาณการการขาดดุลต่างๆ ไม่ให้เสียวินัยทางการเงินการคลังไปพร้อมๆ กัน

"จะดูแลบนความเหมาะสม เราก็มีหน้าที่ดูแลไม่ให้เศรษฐกิจ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาสินค้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยจะเชิญ รมว.แรงงาน และผู้เกี่ยวข้อง มาหารือถึงปัญหาค่าแรงเพื่อช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพให้กับประชาชน เนื่องจากการปรับขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุน จึงจำเป็นต้องหาทางช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชนสู้กับปัญหาของแพงคือการเพิ่มรายได้"

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า จะหารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อหาแนวทางการดูแลราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินไป หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยแนวทางที่มีความเป็นไปได้ คือ การกลับไปใช้อัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเดิม ที่ระดับ 3 บาท 10 สตางค์ต่อลิตร จาก ปัจจุบันที่เก็บอยู่ที่ 5 บาทต่อลิตร

โดยอัตราภาษีดังกล่าวเป็นอัตราเดิมที่ประเทศไทยเคยใช้มาตรการภาษีในการดูแลราคาน้ำมันในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงจึงได้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีมาเป็น 5 บาทต่อลิตร เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นและนำมาใช้ในการดูแลประเทศ ดังนั้นหากจะกลับไปใช้อัตราเดิมก็น่าจะเป็นเรื่องที่สามารถอธิบายกับประชาชนได้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงในอัตราดังกล่าวนั้นจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็ถือเป็นรายได้หลักของรัฐบาล แต่จะสูญเสียรายได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเริ่มใช้ในเวลาใดและใช้เป็นระยะเวลายาวนานเพียงใดซึ่งก็คงจะต้องมีการประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันโลกด้วย

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้มีผลการศึกษาที่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันว่า หากลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 1 บาทต่อลิตร จะกระทบให้รายได้รัฐบาลลดลงราว 1 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นหากรัฐบาลพิจารณาใช้แนวทางนี้ก็อาจจะต้องปรับลดสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายลงด้วย เพื่อให้สมดุล และเป็นการรักษาวินัยทางทางการคลังในระยะยาว.
กำลังโหลดความคิดเห็น