ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กระแสข่าวการเดินทางไปเยี่ยม นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของแกนนำพรรคเพื่อไทยและเครือญาติตระกูลชินวัตร ประกอบด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายยงยุทธ ติยะไพรัช เพื่อหารือถึงการจัดวางรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย รวมถึงหารือแนวทางนโยบายที่พรรคจะใช้ในการเลือกตั้งหาเสียง ถือเป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับคนที่ติดตามการเมือง และที่สำคัญยังถือเป็นนัยทางการเมืองที่บ่งบอกได้ชัดเจนยิ่งถึงสภาพความไปได้ทั้งหมดได้อย่างดีของพรรคเพื่อไทย
สะท้อนสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคเพื่อไทย อย่างไรเสียต้องมี นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดทั้งปวง ทุกองคาพยพ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามของส.ส.พรรคเพื่อไทย ต้องได้รับประกาศิตจาก นช.ทักษิณเสียก่อน
ขณะเดียวกันหากถามว่าพรรคการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทย ในฐานะฝ่ายค้าน ที่ต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทำอะไรอยู่ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์ทำงานได้อย่างบกพร่องเหลือกำลังในช่วงที่ผ่านมา ก็คงต้องกล่าวว่า ห่วย แตกพอกัน
เพราะที่ผ่านมา ไม่เว้นแต่ละช่วงเวลาคนของเหล่าพรรคเพื่อไทย ก็มิได้หนีพ้นวังวนของการเอาใจ นช.ทักษิณ เริ่มตั้งแต่การแย่งชิงธงนำในการเป็นหัวหน้าพรรคระหว่างร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ร้อนระอุไปทั้งพรรค ต่างฝ่ายต่างรวบรวม ส.ส.ก๊กต่างๆ ในพรรคเพื่อสั่งสมกำลังต่อรองทางการเมือง ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในสภาวะไร้หัว
กล่าวสำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สู้อุตส่าห์ทุ่มหมดหน้าตัก ทั้งตัว ทั้งหัวใจ ให้กับ นช.ทักษิณ เรียกได้ว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเพื่อไทยไปหาเสียงที่ไหน ก็ต้องมี ร.ต.อ.เฉลิม ไปด้วยทุกครั้ง หรือจะเป็น การทำหน้าที่เป็นหัวหอกฝีปากกล้าในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็ดเหลิมก็ทุ่มเทสุดหัวใจเพื่อเอาชนะใจนายใหญ่ให้ได้ แต่สุดท้าย นช.ทักษิณ ก็เลือกให้ “เจ๊มิ่ง” มีชื่อนายกรัฐมนตรีแนบท้ายในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ต่างอะไรกับการถูกหลอกใช้ในระยะเวลาที่ผ่านมา
แต่สุดท้ายแล้ว ชะตากรรมของนายมิ่งขวัญก็มิได้แตกต่างจากเป็ดเหลิมเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากถูกหลอกใช้ให้ดีใจ โดยมีชื่อเขาเป็นนายกรัฐมนตรี ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และดูเหมือนจะเกิดอาการได้ใจเพราะเขายังอุตส่าห์ชูตัวบุคคล ชูแนวนโยบาย ชนิดชัดเจนแจ่มแจ๋ว เป็นทางเลือกอันข่มขืนให้กับประชาชนคนไทยด้วยการเสนอว่า จะเอาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือเอามิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงศึกอภิปรายที่ผ่านมา แต่ล่าสุดก็ได้มีสัญญาณจาก นช.ทักษิณว่า “หนังเรื่องนี้จบแล้ว” ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากการปิดประตูตอกฝาโรงเจ๊มิ่งผู้ฝันหวานจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเสียสนิท
กระนั้นก็ดี ศึกแย่งธงนำภายในพรรคเพื่อไทย เมื่อมาถึงตอนจบก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นพรรคเพื่อไทยเข้าไปยิ่งขึ้นอีก ซึ่งกล่าวได้ว่าอันที่จริงก็ไม่ต่างอะไรกับพรรคการเมืองเพื่อทักษิณนั่นเอง ซึ่งหากใครที่คิดจะเป็นอิสระจากการควบคุม บงการ ในทุกเม็ดทุกหน่วย หรือใฝ่ฝันที่จะไปถึงดวงดาวภายใต้เงาทะมึนของ นช.ทักษิณที่เป็นศูนย์กลางของพรรคอยู่ ล้วนมีสิทธิ์ตกม้าตายด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ต่างจากคำว่า “หมดนาฆ่าโคถึก หมดศึกฆ่าขุนพล”
ขณะเดียวกันสำหรับพรรคเพื่อไทยก็กล่าวได้เป็นศูนย์รวมของเก่าเก็บทางการเมือง ที่ไม่ได้เคยสร้างประโยชน์อันใดให้กับชาติบ้านเมืองก็คงไม่ผิดนัก จะเห็นก็แต่เข้ามาเกาะอาศัยบุญเก่าของ นช.ทักษิณ ในขณะที่ตัวเองนับวันจะหมดราคาลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองตัวเป้งเขี้ยวลากดิน อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มีดีกรีถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการทหารบก ก็เฉกเช่นเดียวกันถึงขนาดต้องยอมเสียราคา เดินตามคำสั่งของนายใหญ่ ชนิดที่เรียกว่าสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้เลยทีเดียว ทั้งที่รู้ดีว่า นช.ทักษิณใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือเพียงเพื่อจะให้สร้างภาพว่าพรรคเพื่อไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูง ในฐานะที่พล.อ.ชวลิต เคยเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่มาก่อน
หรือจะเป็นรายล่าสุด “นายเสนาะ เทียนทอง” ที่ถึงขั้นยอมกลืนน้ำลาย พลิกลิ้น หันลำกลับมาซบ พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง หลังจากที่ “ป๋าเหนาะ” เคยออกมาด่ากราด ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นคนโกงชาติโกงแผ่นดิน ร่ำรวยจากความเดือดร้อนของประชาชนสมัยลอยตัวค่าเงินบาทในรัฐบาลสมัย พล.อ.ชวลิต แต่สุดท้ายเมื่อตัวเองใกล้จะหมดราคาทางการเมือง ก็จึงต้องยอมให้ นช.ทักษิณ หลอกใช้โดยอาศัยให้เป็นฐานคะแนนเสียงเลือกตั้งในภาคอีสาน เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งที่จะต้องเผชิญหน้ากับ “เนวิน ชิดชอบ” ลูกน้องสุดที่รักในอดีต
และหากจะกล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของส.ส.พรรคเพื่อไทย ในการเป็นฝ่ายค้านของพรรคเพื่อไทย ฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องคอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาล และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ก็ยิ่งห่างไกลความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าจะไหลไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากใครติดตามการทำงานของบรรดาลิ่วล้อพรรคเพื่อไทย ในสภาก็จะเห็นเพียงภาพเชลียร์ นช.ทักษิณอยู่ทุกวาระที่มีการประชุมสภาอยู่ทุกครั้งคราไป ซ้ำร้ายยังเล่นเกมการเมืองแบบไม่ลืมหูลืมตา ด้วยการรวมตัวกันโดดร่ม ไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ จนสภาล่มไม่เป็นท่าหลายต่อหลายครั้งจนประชาชนคนไทยได้แต่เอือมระอา
ขณะเดียวกันเชื่อเหลือเกินว่า ประชาชนคนไทยคงจะจำเหตุการณ์วิปโยคเผาบ้านเผาเมืองช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม ปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีที่นายใหญ่แห่งดูไบบงการแกนนำเสื้อแดงให้ยุยงปลุกปั่น ให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม ทำบ้านเมืองให้เป็นทะเลเพลิง ไม่เลือกวิธีเพียงเพื่อหวังจะใช้ความรุนแรงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองอย่างฉับพลัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงหลอกหลอนประชาชนคนไทยอยู่จนทุกวันนี้ ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้พฤติกรรมชั่วร้ายของนายใหญ่แห่งดูไบรวมถึงแกนนำเสื้อแดง ยังคงเป็นตราบาปอย่างหนึ่งที่ประชาชนคนไทยไม่ควรลืมและจำเอาไว้เป็นบทเรียน
นายใหญ่ เพื่อไทย คนเสื้อแดง ล้วนแล้วแต่เป็นคนในครอกเดียวกันทั้งสิ้น
นอกจากเหตุการณ์สั่งเผาบ้านเมืองแล้ว อีกหนึ่งพฤติกรรมที่คนไทยมิควรลืมเลือนก็คือ ระบอบทักษิณยังพุ่งเป้ากระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยกดดันให้ลงมาเป็นคนกลางแก้ไขสถานการณ์ เหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ด้วยการให้ “พ่อใหญ่จิ๋ว” และ “น้องเขยฉึกๆ” รวมพลังแถลงข่าวพร้อมทั้งแสดงเจตนาอย่างเปิดเผยว่า ต้องการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ลงมายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง และจบท้ายด้วยว่า ถ้าไม่ทำตามอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้
และเมื่อไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย เหตุการณ์ก็ลุกลามและบานปลายใหญ่โตกลายเป็นการเผาบ้านเผาเมืองที่สร้างความพินาศฉิบหายให้กับประเทศไทยจนมิอาจประเมินค่าความเสียหายได้
หลักฐานที่มัดตัวได้อย่างดีที่สุดที่นายใหญ่แห่งดูไบมิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบและความเกี่ยวข้องได้ก็คือ การที่เขาเคยประกาศให้ได้ยินอย่างถ้วนหน้าว่า " ถ้าผมอยู่ไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะอยู่อย่างมีความสุข"
นี่จึงเป็นแผนชั่วร้ายของคนเพียงคนเดียวที่ต้องการเงินและอำนาจที่ฉ้อฉลกลับคืน และต้องการเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัฐไทยใหม่ ซึ่งมิใช่เรื่องเหนือจินตนาการแต่อย่างใด เพราะในช่วงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงยังพบแผ่นใบปลิวลักษณะจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอยู่อย่างดาษดื่นในสถานที่ชุมนุม อันเป็นหลักฐานชั้นดีที่คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม ถึงแนวคิดที่เป็นอันตรายต่อระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้นจนมาถึงขณะนี้ คงสะท้อนภาพได้อย่างดีถึงความเป็นไปของพรรคและบรรดาคนในพรรคเพื่อไทย ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นแหล่งรวมบรรดานักการเมืองพันธุ์เดียวกัน และนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองด้วยการร่วมกันเกาะกินผลประโยชน์ของนช.ทักษิณ เพียงเพื่อหวังตำแหน่งทางการเมืองหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และตลอดมาบรรดาลิ่วล้อส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ยังมีเป้าหมาย โดยทำทุกวิธีทางเพื่อสนองตัณหาของ นช.ทักษิณที่ต้องการกลับมาเหยียบประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่มีความผิดติดตัว
ทั้งนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานหลังรัฐบาลประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการ ทางพรรคเพื่อไทย โดย นช.ทักษิณก็คงจะขจัดปัญหาเรื้อรังภายในพรรค ด้วยการตัดสินใจเลือกหัวหน้าพรรคมาชูธงนำเพื่อเตรียมไว้ไปสู้ในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่ประชาชนคนไทยก็คงต้องฝันร้ายไม่เลิก เมื่อเหล่าแกนนำเสื้อแดงที่ยังมีตราบาปในข้อหาก่อการร้าย จะพาเหรดกันมาลงส.ส.บัญชีรายชื่ออีกต่างหาก
ขณะเดียวกันอย่างที่กล่าวมาข้างต้น บุคคลที่คาดว่าจะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก คนที่เขาหมายปองอยู่แล้ว คือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวแท้ๆ ของเขาเอง ก็ยิ่งตอกย้ำอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ว่าไม่เคยคิดสร้างสรรค์หานโยบาย แนวทางที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมเสนอสู่สาธารณะ นอกเสียจากประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัวเพียงถ่ายเดียว
ด้วยพฤติกรรมที่ผ่านมาทั้งปวงของพรรคเพื่อไทยที่ตลอดมาได้ชูธงว่าเป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชนและปกป้องประชาธิปไตย แต่ในการณ์กลับกันคำพูดสวยหรูก็ได้สวนทางกับการกระทำอย่างชัดเจนว่ายังวนเวียนอยู่กับคนเพียงคนเดียว เฉกเช่นนี้แล้วประชาชนก็ควรเดินเข้าคูหาเลือกตั้งกากบาทโหวตโน เพื่อเป็นการสั่งสอนลงโทษ พรรคเพื่อไทยและทักษิณ ชินวัตร ให้ได้รู้ว่าประเทศไทยไม่มีที่ว่างให้กับพรรคการเมืองที่สร้างมาเพื่อความร่ำรวย ผลประโยชน์ ของคนในวงศ์ตระกูลและครอบครัว