วานนี้(11 เม.ย.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้จัดพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในโอกาสครบรอบ 13 ปีของการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเข้าร่วมพิธีสงฆ์ตั้งแต่ช่วงเช้า เริ่มจากพิธีบวงสรวงพระบรมรูปทรงม้า(จำลอง) ก่อนถวายภัตราหารแด่พระสงฆ์ อย่างไรก็ตามการทำบุญวันนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะท่าทีของนายชัช ชลวร ประธานตุลการศาลรัฐธรรมนูญ และคณะตุลาการ หลังจากที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญขึ้นเวทีคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้ปราศรัยพาดพิงถึงการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตามคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่ออกเอกสารชี้แจง ระบุว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน ได้เข้าถวายสัตย์ฯ ก่อนเข้าทำหน้าที่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.51 จนถึง 11 เม.ย. 54 ได้มีคำวินิจฉัยและคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ 203 เรื่อง นับว่าเป็นอัตราเฉลี่ยที่มีประสิทธิภาพมากพอสมควร แต่ยังมีเรื่องค้างวินิจฉัยอยู่อีก 59 เรื่อง ประธานศาลรัฐธรรมนูญจึงได้มีนโยบายที่จะพัฒนาโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการให้มีขีดความสามารถในการอำนวยความยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้อย่างถูกต้อง รอบคอบ มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เอกสารชี้แจงยังระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยในระบบไต่สวน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกคนมีอิสระในการพิจารณาวินิจฉัยคดี โดยปราศจากการครอบงำใดๆ แม้แต่จากตุลาการด้วยกันเอง เพราะระบบการเลือกและการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการถ่วงดุลไว้ ตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใช้เสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ และตุลาการทุกคนจะต้องทำความเห็นในคำวินิจฉัยส่วนตนเพื่อแสดงเหตุผลอย่าง โปร่งใสด้วย โดยคำวินิจฉัยและความเห็นในการวินิจฉัยของตุลาการทุกคนให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายพสิษฐ์กำลังตกเป็นเหยื่ออันโอชะของแกนนำคนเสื้อแดง และก็ไม่กล้าเผชิญความจริง ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อบุคคลที่เป็นตัวละครของเรื่อง พยายามหลีกเลี่ยงอุปมา อุปไมยเป็นเรื่องของการแข่งขันฟุตบอล
“ หากนายพสิษฐ์มีข้อมูลจริงก็ควรจะเล่าอย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องให้นายจตุพร ขึ้นมาแปลความอีกทีหนึ่ง ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวถูกฟ้องร้อง เพราะมีคดีเกี่ยวกับคลิปศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว จึงอยากให้สังคมจับตาดูพฤจิกรรมนายพสิษฐ์ จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่”นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า จากการชุมนุมยังเห็นแกนนำของพรรคเพื่อไทยอยู่บนเวที โดยเป็นผู้จัดการการชุมนุม ดังนั้นพฤติกรรม ใดๆ ก็ตามที่มาจากคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยก็ต้องรับผิดชอบด้วย และการพยายามจะแยกพรรคเพื่อไทยออกจากกลุ่มคนเสื้อแดงก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้การปราศรัยบนเวทีเมื่อคืนได้หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบัน 2กรณี ได้แก่
1.การปราศรัยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงรายการ “วู๊ดดี้..เกิดมาคุย” โดยพยายามใช้วิธีการเหน็บแนมต่อว่าทำไม่ไม่ให้ตัวเองออกมาพูดความจริงเกี่ยวกับการชุมนุมบ้าง หลังจากก่อนหน้านี้รายการดังกล่าวได้ทูลสัมภาษณ์เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์มาก่อน ดังนั้นอยากถามนายจตุพรว่าสิ่งที่พูดถึงรายการวู๊ดดี้..เกิดมาคุยเป็นการกระทบกระแทกสถาบันเบื้องสูงหรือไม่
2.กรณีที่นายประแสง มงคลศิริ อดีตส.ส.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชนได้ขึ้นปราศรัยเกี่ยวกับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา112ที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ซึ่งเมื่อพูดถึงกฎหมายดังกล่าวนายประแสงพยายามแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยท่าทางเยาะเย้ยถากถางซึ่งเป็นการแสดงออกทางพฤติกรรมที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงหรือไม่
นายเทพไท กล่าวว่า การวีดีโอลิงค์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรียกร้องหาความเป็นธรรมและประชาธิปไตย แต่การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมีเป้าประสงค์เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียวนั้น คือการเอาเรื่องประชาธิปไตยบังหน้า อีกทั้งสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณกังวล เรื่องการเลือกตั้งว่าจะไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม และกลัวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะไม่มีความเป็นกลางนั้น ไม่อยากจะให้พ.ต.ท.ทักษิณวิตกจริตขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลุดนี้จะไม่แรกแซงหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น และกกต.ชุดนี้มีความเป็นกลาง ต่างกับกับกกต.ในยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณที่จัดการเลือกตั้ง ในลักษณะช่วยเหลือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนถูกฟ้องร้องและศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว
นอกจากนี้แกนนำนปช.ที่ได้รับการประกันตัวยังแสดงออกบนเวทีในลักษณะท้าทายเงื่อนไขการประกันตัวของศาลในหลายประเด็นจึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปดูเทปการชุมนุมและดูว่าถ้อยคำที่ปราศรัยนั้น ผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ หากเข้าข่ายก็จะต้องยื่นถอนประกันตัวหรือเพิ่มเงื่อนไขการประกันตัวให้เข้มข้นมากกว่านี้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่าเป็นแนวและทิศทางที่พรรคเพื่อไทยได้พูดมาตลอด ทั้งหมดนี้พรรคเพื่อไทยจะอ้างมือที่มองไม่เห็น มือพิเศษอะไรอยู่ตลอดเวลา ที่จริงที่เกิดเรื่องทั้งหลายเป็นเพราะมือของพรรคเพื่อไทยเองทั้งนั้นที่ทำ
อย่างไรก็ตามคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่ออกเอกสารชี้แจง ระบุว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน ได้เข้าถวายสัตย์ฯ ก่อนเข้าทำหน้าที่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.51 จนถึง 11 เม.ย. 54 ได้มีคำวินิจฉัยและคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ 203 เรื่อง นับว่าเป็นอัตราเฉลี่ยที่มีประสิทธิภาพมากพอสมควร แต่ยังมีเรื่องค้างวินิจฉัยอยู่อีก 59 เรื่อง ประธานศาลรัฐธรรมนูญจึงได้มีนโยบายที่จะพัฒนาโครงสร้างและระบบการบริหารจัดการให้มีขีดความสามารถในการอำนวยความยุติธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้อย่างถูกต้อง รอบคอบ มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เอกสารชี้แจงยังระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยในระบบไต่สวน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกคนมีอิสระในการพิจารณาวินิจฉัยคดี โดยปราศจากการครอบงำใดๆ แม้แต่จากตุลาการด้วยกันเอง เพราะระบบการเลือกและการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการถ่วงดุลไว้ ตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใช้เสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ และตุลาการทุกคนจะต้องทำความเห็นในคำวินิจฉัยส่วนตนเพื่อแสดงเหตุผลอย่าง โปร่งใสด้วย โดยคำวินิจฉัยและความเห็นในการวินิจฉัยของตุลาการทุกคนให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายพสิษฐ์กำลังตกเป็นเหยื่ออันโอชะของแกนนำคนเสื้อแดง และก็ไม่กล้าเผชิญความจริง ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อบุคคลที่เป็นตัวละครของเรื่อง พยายามหลีกเลี่ยงอุปมา อุปไมยเป็นเรื่องของการแข่งขันฟุตบอล
“ หากนายพสิษฐ์มีข้อมูลจริงก็ควรจะเล่าอย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องให้นายจตุพร ขึ้นมาแปลความอีกทีหนึ่ง ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวถูกฟ้องร้อง เพราะมีคดีเกี่ยวกับคลิปศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว จึงอยากให้สังคมจับตาดูพฤจิกรรมนายพสิษฐ์ จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่”นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท กล่าวว่า จากการชุมนุมยังเห็นแกนนำของพรรคเพื่อไทยอยู่บนเวที โดยเป็นผู้จัดการการชุมนุม ดังนั้นพฤติกรรม ใดๆ ก็ตามที่มาจากคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยก็ต้องรับผิดชอบด้วย และการพยายามจะแยกพรรคเพื่อไทยออกจากกลุ่มคนเสื้อแดงก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้การปราศรัยบนเวทีเมื่อคืนได้หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบัน 2กรณี ได้แก่
1.การปราศรัยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงรายการ “วู๊ดดี้..เกิดมาคุย” โดยพยายามใช้วิธีการเหน็บแนมต่อว่าทำไม่ไม่ให้ตัวเองออกมาพูดความจริงเกี่ยวกับการชุมนุมบ้าง หลังจากก่อนหน้านี้รายการดังกล่าวได้ทูลสัมภาษณ์เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์มาก่อน ดังนั้นอยากถามนายจตุพรว่าสิ่งที่พูดถึงรายการวู๊ดดี้..เกิดมาคุยเป็นการกระทบกระแทกสถาบันเบื้องสูงหรือไม่
2.กรณีที่นายประแสง มงคลศิริ อดีตส.ส.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชนได้ขึ้นปราศรัยเกี่ยวกับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา112ที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ซึ่งเมื่อพูดถึงกฎหมายดังกล่าวนายประแสงพยายามแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยท่าทางเยาะเย้ยถากถางซึ่งเป็นการแสดงออกทางพฤติกรรมที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงหรือไม่
นายเทพไท กล่าวว่า การวีดีโอลิงค์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรียกร้องหาความเป็นธรรมและประชาธิปไตย แต่การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมีเป้าประสงค์เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียวนั้น คือการเอาเรื่องประชาธิปไตยบังหน้า อีกทั้งสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณกังวล เรื่องการเลือกตั้งว่าจะไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม และกลัวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะไม่มีความเป็นกลางนั้น ไม่อยากจะให้พ.ต.ท.ทักษิณวิตกจริตขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลุดนี้จะไม่แรกแซงหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น และกกต.ชุดนี้มีความเป็นกลาง ต่างกับกับกกต.ในยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณที่จัดการเลือกตั้ง ในลักษณะช่วยเหลือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนถูกฟ้องร้องและศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว
นอกจากนี้แกนนำนปช.ที่ได้รับการประกันตัวยังแสดงออกบนเวทีในลักษณะท้าทายเงื่อนไขการประกันตัวของศาลในหลายประเด็นจึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปดูเทปการชุมนุมและดูว่าถ้อยคำที่ปราศรัยนั้น ผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ หากเข้าข่ายก็จะต้องยื่นถอนประกันตัวหรือเพิ่มเงื่อนไขการประกันตัวให้เข้มข้นมากกว่านี้
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่าเป็นแนวและทิศทางที่พรรคเพื่อไทยได้พูดมาตลอด ทั้งหมดนี้พรรคเพื่อไทยจะอ้างมือที่มองไม่เห็น มือพิเศษอะไรอยู่ตลอดเวลา ที่จริงที่เกิดเรื่องทั้งหลายเป็นเพราะมือของพรรคเพื่อไทยเองทั้งนั้นที่ทำ
