“วอลล์สตรีท” เปิดแผนปี 54 มุ่งเน้นเปิดสาขาชานเมืองนอกกรุงเทพฯ เป้าหมาย 3 สาขา งบรวม 100 ล้านบาท พร้อมผุดอีก 2 ศูนย์เทรนนิ่ง มั่นใจรายได้ทะลุ 700 ล้านบาท นักศึกษาใหม่ 10,000 คน
นายมิเชล เลอ เคอเลค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท ประเทศไทย กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในด้านการลงทุนปี 2554 นี้ ทางวอลล์สตรีทตั้งเป้าหมายที่จะลงทุนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 3 สาขา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อสาขา อีกทั้งวางแผนที่จะก่อสร้างศูนย์คอร์ปอเรท เทรนนิง เซ็นเตอร์ อีก 2 แห่ง รวมทั้งตั้งเป้าหมายที่จะมีนักศึกษาประมาณ 1,500 คนต่อสาขาต่อปี
ทั้งนี้ปีนี้ตั้งเป้ารับนักเรียนใหม่ที่ 10,000 คน และคาดหวังรายได้ที่ 700 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 40% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขา โดยปัจจุบัน
วอลล์สตรีทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% ในตลาดธุรกิจสอนภาษาอังกฤษ
กลยุทธ์การขยายสาขาปีนี้ จะมุ่งเน้นทำเลที่อยู่ชานเมืองหรือรอบนอกกรุงเทพฯเป็นหลัก เพื่อเป็นการขยายโอกาสและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยสาขาแรกที่เปิดดำเนินการในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ คือ สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา เป็นสาขาที่ 6 ซึ่งสามารถสร้างสถิติใหม่ให้กับวอลล์สตรีท ประเทศไทย ด้วยการมีนักเรียนใหม่สมัครเรียนรวมแล้วกว่า 300 คนในเวลาเพียง 2 เดือน
ล่าสุดได้เปิดสาขารังสิตเป็นสาขาที่ 7 เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน จากกลุ่มคนทำงาน นักเรียน และนักศึกษาในพื้นที่รังสิต ปทุมธานีและใกล้เคียง ซึ่งแผนการตลาดของการเปิดสาขาใหม่นี้ เฉพาะผู้สมัครเรียนที่สาขารังสิตในเดือนมีนาคมนี้ จะได้รับ English Camp ที่ประเทศฮ่องกง ฟรี ส่วนสาขาเป้าหมายต่อไป คือ พื้นที่ในเขตแจ้งวัฒนะ และพระราม 2
หลังจากที่ผ่านมาเกือบ 8 ปีของการดำเนินงานในไทย วอลล์สตรีทได้เปิดสาขาไปแล้วรวม 5 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และมีผู้ลงทะเบียนเรียนแล้วประมาณ 20,000 คน โดยกลุ่มนักเรียนของวอลล์สตรีท ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย นักศึกษามหาวิทยาลัย คนวัยทำงาน กลุ่มผู้บริหารระดับกลาง และเจ้าของธุรกิจ
“ผลตอบรับที่ดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดสถาบันสอนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกได้เป็นอย่างดี รวมถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์วอลล์สตรีทและเทคนิคการสอนแบบผสมผสานในแบบฉบับของวอลล์สตรีทที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทางภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง รวมถึงความพร้อมและมาตรฐานของบุคลากร สื่อการเรียนการสอน และกิจกรรมพิเศษ ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นของวอลล์สตรีท ที่มีกิจกรรมให้นักเรียนวอลล์สตรีทได้ทำกิจกรรมร่วมกันในหลายรูปแบบควบคู่ไปกับการใช้ภาษาอังกฤษ” นายมิเชล กล่าว
นายมิเชล เลอ เคอเลค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันสอนภาษาอังกฤษ วอลล์สตรีท ประเทศไทย กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในด้านการลงทุนปี 2554 นี้ ทางวอลล์สตรีทตั้งเป้าหมายที่จะลงทุนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 3 สาขา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อสาขา อีกทั้งวางแผนที่จะก่อสร้างศูนย์คอร์ปอเรท เทรนนิง เซ็นเตอร์ อีก 2 แห่ง รวมทั้งตั้งเป้าหมายที่จะมีนักศึกษาประมาณ 1,500 คนต่อสาขาต่อปี
ทั้งนี้ปีนี้ตั้งเป้ารับนักเรียนใหม่ที่ 10,000 คน และคาดหวังรายได้ที่ 700 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 40% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขา โดยปัจจุบัน
วอลล์สตรีทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 20% ในตลาดธุรกิจสอนภาษาอังกฤษ
กลยุทธ์การขยายสาขาปีนี้ จะมุ่งเน้นทำเลที่อยู่ชานเมืองหรือรอบนอกกรุงเทพฯเป็นหลัก เพื่อเป็นการขยายโอกาสและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยสาขาแรกที่เปิดดำเนินการในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ คือ สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา เป็นสาขาที่ 6 ซึ่งสามารถสร้างสถิติใหม่ให้กับวอลล์สตรีท ประเทศไทย ด้วยการมีนักเรียนใหม่สมัครเรียนรวมแล้วกว่า 300 คนในเวลาเพียง 2 เดือน
ล่าสุดได้เปิดสาขารังสิตเป็นสาขาที่ 7 เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน จากกลุ่มคนทำงาน นักเรียน และนักศึกษาในพื้นที่รังสิต ปทุมธานีและใกล้เคียง ซึ่งแผนการตลาดของการเปิดสาขาใหม่นี้ เฉพาะผู้สมัครเรียนที่สาขารังสิตในเดือนมีนาคมนี้ จะได้รับ English Camp ที่ประเทศฮ่องกง ฟรี ส่วนสาขาเป้าหมายต่อไป คือ พื้นที่ในเขตแจ้งวัฒนะ และพระราม 2
หลังจากที่ผ่านมาเกือบ 8 ปีของการดำเนินงานในไทย วอลล์สตรีทได้เปิดสาขาไปแล้วรวม 5 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และมีผู้ลงทะเบียนเรียนแล้วประมาณ 20,000 คน โดยกลุ่มนักเรียนของวอลล์สตรีท ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย นักศึกษามหาวิทยาลัย คนวัยทำงาน กลุ่มผู้บริหารระดับกลาง และเจ้าของธุรกิจ
“ผลตอบรับที่ดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดสถาบันสอนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกได้เป็นอย่างดี รวมถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์วอลล์สตรีทและเทคนิคการสอนแบบผสมผสานในแบบฉบับของวอลล์สตรีทที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาทางภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง รวมถึงความพร้อมและมาตรฐานของบุคลากร สื่อการเรียนการสอน และกิจกรรมพิเศษ ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นของวอลล์สตรีท ที่มีกิจกรรมให้นักเรียนวอลล์สตรีทได้ทำกิจกรรมร่วมกันในหลายรูปแบบควบคู่ไปกับการใช้ภาษาอังกฤษ” นายมิเชล กล่าว