xs
xsm
sm
md
lg

สบช่องคนไทยอ่อนอังกฤษ “ไอฟาสต์” ขยายธุรกิจรับเออีซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.วาทิน เฉลิมดำริชัย

ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปลุกตลาดสถาบันสอนภาษาคึกคัก คาดใน 3 ปีโตอีก 20-30% จาก 10,000 กว่าล้านบาท ล่าสุด “ไอฟาสต์” น้องใหม่มาแรงผุดสาขา 2 รับลูกค้าย่านสยามเซ็นเตอร์ พร้อมกางแผนลุยขยายครบ 5 สาขา พร้อมบุกหนักตลาดคอร์ปอเรต มั่นใจใน 3 ปีรายได้ทะลุระดับร้อยล้านขึ้นไป


ดร.วาทิน เฉลิมดำริชัย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาภาษาอังกฤษไอฟาสต์ (iFAST) เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยที่สามารถอ่านเขียนภาษาอังกฤษ และสนทนาได้นั้นยังมีจำนวนที่น้อยอยู่มาก โดยเฉพาะทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ไทยยังถือว่าทำได้ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศในแถบอาเซียน ที่ถึงแม้สำเนียงภาษาอังกฤษอาจจะไม่ดีนัก แต่ก็สามารถสนทนาสื่อสารได้ดีกว่า

ประกอบกับในปี 2558 ที่จะก้าวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับสถาบันสอนภาษามีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากจะมีจำนวนคนไทยที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษมากขึ้นตามไปด้วย โดยมั่นใจว่าใน 3 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดสถาบันสอนภาษาร่วม 10,000 ล้านบาทนั้นจะเติบโตขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 20-30%

ดังนั้น ไอฟาสต์จึงได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปิด AEC ในครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาเพิ่มแห่งที่ 2 ที่สยามเซ็นเตอร์ เป็นพื้นที่เช่า ใช้งบลงทุนกว่า 1 ล้านบาท คาดว่าใน 3 ปีจะคืนทุน คาดว่าจะมีผู้ที่สนใจเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา 60% และคนทำงาน 40% ซึ่งขณะนี้เริ่มเปิดให้บริการแล้ว ทั้งนี้ ตามแผนการขยายสาขา ตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีหลังจากนี้จะขยายครบ 5 สาขา

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมการจัดทีมเทรนเนอร์เพื่อจับกลุ่มลูกค้าองค์กรหรือคอร์ปอเรต ซึ่งมองว่าจะเป็นผู้เรียนกลุ่มใหญ่ในอนาคต คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้อย่างจริงจังในต้นปี 2556 ขณะที่ปัจจุบันเริ่มให้บริการบ้างแล้ว เช่น การเทรนภาษาอังกฤษให้กลุ่มโคคา, สตาฟวิศวะ ม.เกษตรศาสตร์ เป็นต้น เชื่อว่าใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จากกลุ่มคอร์ปอเรตจะมีสัดส่วนที่ 90% เทียบกับรายได้รวมทั้งหมดในขณะนั้นที่คาดว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ส่วนอีก 10% เป็นกลุ่มรีเทล จากการสอนให้นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ขณะที่ปัจจุบันรายได้หลักมาจากกลุ่มรีเทลเป็นหลัก ส่วนรายได้รวมยังอยู่ในระดับ 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ไอฟาสต์ถือเป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษน้องใหม่ในตลาด และเพิ่งดำเนินการมาได้เพียง 3 ปี กับสาขาแรกที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ชูจุดแข็งที่แตกต่างจากสถาบันสอนภาษาอังกฤษรายอื่นๆ คือ การดีไซน์หลักสูตรให้ตรงกับผู้เรียน รวมถึงการสอนจะมุ่งใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าแค่ทักษะพื้นฐาน แต่สามารถนำไปปรับใช้กับอาชีพ และด้านอื่นๆ ได้หลากหลาย

โดยปัจจุบันมีผู้เรียนร่วม 300 คน แบ่งเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา 50% และคนทำงาน 50% โดยจากจำนวนผู้เรียนทั้งหมดกว่า 50% ยังคงลงทะเบียนเรียนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่หลักสูตรการสอนมีอยู่ 4 หลักสูตรใหญ่ คือ หลักสูตรทั่วไป, หลักสูตรการเตรียมสอบ, หลักสูตรการสนทนา และหลักสูตรเฉพาะบุคคล ระดับราคาเริ่มตั้งแต่ระดับพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท แต่เมื่อเทียบเป็นรายชั่วโมงกับที่อื่นๆ แล้ว ถือว่าที่ไอฟาสต์ถูกกว่า

กำลังโหลดความคิดเห็น