กทม.ขานรับประชาคมอาเซียน จับครูในสังกัดฝึกฟุดฟิดฟอไฟกับสถาบันสอนภาษา พร้อมขยายโรงเรียนสองภาษาอีก 3 แห่ง เป็น 18 แห่งตั้งเป้าเปิดปี 2556
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.มีโครงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.2558 ตามนโยบายของรัฐบาล และ กทม.ในการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษจึงให้สำนักการศึกษาจัดการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ “Putting BMA on the Road to ASEAN 2015” ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียนที่รองรับประชาคมอาเซียนในกิจกรรม “Speaking English Day” สัปดาห์ละ 1 วัน โดยการดำเนินโครงการจะเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ ตั้งแต่พื้นฐานในการสนทนา การอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษให้กับครูและนักเรียน ร.ร.สังกัด กทม.436 แห่ง โดย กทม.จะใช้สถาบันสอนภาษาของนายแอนดรูว์ บิ๊ก เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีบุคลากรที่เป็นชาวต่างชาติ มาจัดอบรมครูระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-4 ก.ค.55 จำนวน 10 รุ่น รุุ่นละ 160 คน รวม 1,600 คน โดยห้ามใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร เพื่อติวเข้มให้ครูมีทักษะและเทคนิคในการสอนนักเรียน อย่างไรก็ตาม หลังจากอบรมเสร็จสิ้นจะมีการขยายผล โดยให้ครูนำความรู้ที่ได้จากการอบรมมาสอนนักเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องสามารถเข้าใจง่าย
นางทยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กทม.จะเปิดโรงเรียนสองภาษาเพิ่มขึ้นจาก 15 โรง เป็น 18 โรง โดยตั้งเป้าจะเปิด 3 โรง ในปี 2556 ได้แก่ โรงเรียนแจงร้อนวิทยา โรงเรียนวิชากร และโรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน โดยการคัดเลือกโรงเรียนสองภาษาที่จะเปิดเพิ่มนั้นจะดูความพร้อมของครู นักเรียน และผู้ปกครอง ความพร้อมของโรงเรียนว่ามีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกัน กทม.จะจัดทำคู่มือการเรียนการสอนและความรู้ความสำคัญเรื่องของอาเซียนแจกให้กับครู นักเรียน และผู้ปกครองด้วย เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจถึงบริบทในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยจะจัดทำเป็นหนังสือ 2 รูปแบบ คือ แบบสำหรับเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งในคู่มือดังกล่าวจะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วย นอกจากนี้ กทม.ยังร่วมกับองค์การสหประชาชาติ (UN) ในการนำนักเรียนสังกัดกทม.เข้าทัศนศึกษา เรียนรู้ด้านอาเซียนด้วย อย่างไรก็ตาม ร.ร.ในสังกัด กทม.จะจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาเซียนทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดหาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษให้นักเรียนได้ค้นคว้าศึกษาข้อมูลข่าวสารที่เป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนและฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษอีกด้วย
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.มีโครงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.2558 ตามนโยบายของรัฐบาล และ กทม.ในการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษจึงให้สำนักการศึกษาจัดการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ “Putting BMA on the Road to ASEAN 2015” ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียนที่รองรับประชาคมอาเซียนในกิจกรรม “Speaking English Day” สัปดาห์ละ 1 วัน โดยการดำเนินโครงการจะเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ ตั้งแต่พื้นฐานในการสนทนา การอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษให้กับครูและนักเรียน ร.ร.สังกัด กทม.436 แห่ง โดย กทม.จะใช้สถาบันสอนภาษาของนายแอนดรูว์ บิ๊ก เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีบุคลากรที่เป็นชาวต่างชาติ มาจัดอบรมครูระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-4 ก.ค.55 จำนวน 10 รุ่น รุุ่นละ 160 คน รวม 1,600 คน โดยห้ามใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร เพื่อติวเข้มให้ครูมีทักษะและเทคนิคในการสอนนักเรียน อย่างไรก็ตาม หลังจากอบรมเสร็จสิ้นจะมีการขยายผล โดยให้ครูนำความรู้ที่ได้จากการอบรมมาสอนนักเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องสามารถเข้าใจง่าย
นางทยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กทม.จะเปิดโรงเรียนสองภาษาเพิ่มขึ้นจาก 15 โรง เป็น 18 โรง โดยตั้งเป้าจะเปิด 3 โรง ในปี 2556 ได้แก่ โรงเรียนแจงร้อนวิทยา โรงเรียนวิชากร และโรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน โดยการคัดเลือกโรงเรียนสองภาษาที่จะเปิดเพิ่มนั้นจะดูความพร้อมของครู นักเรียน และผู้ปกครอง ความพร้อมของโรงเรียนว่ามีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกัน กทม.จะจัดทำคู่มือการเรียนการสอนและความรู้ความสำคัญเรื่องของอาเซียนแจกให้กับครู นักเรียน และผู้ปกครองด้วย เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจถึงบริบทในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยจะจัดทำเป็นหนังสือ 2 รูปแบบ คือ แบบสำหรับเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งในคู่มือดังกล่าวจะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วย นอกจากนี้ กทม.ยังร่วมกับองค์การสหประชาชาติ (UN) ในการนำนักเรียนสังกัดกทม.เข้าทัศนศึกษา เรียนรู้ด้านอาเซียนด้วย อย่างไรก็ตาม ร.ร.ในสังกัด กทม.จะจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาเซียนทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดหาหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษให้นักเรียนได้ค้นคว้าศึกษาข้อมูลข่าวสารที่เป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนและฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษอีกด้วย