ASTVผู้จัดการรายวัน - บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯชี้ Q2/54 ราคาทองคำอ่อนตัว หลังมหาอำนาจทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน และการประท้วงแถบตะวันออกกลางเริ่มนิ่ง คาดการณ์กรอบลงทุน 1,370-1,475 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนโลหะเงินแนะเก็งกำไร 20% ของพอร์ตการลงทุนทองคำ หวั่นราคาลงแรงจากก่อนหน้าปรับตัวมากเกินไป
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน)หรือ GBX กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำไตรมาส 2/2554 ว่า ในช่วงต้นไตรมาส 2 ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,450-1,475 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการเกิดเหตุการประท้วงขับไล่รัฐบาลในประเทศแถบตะวันออกกลางอย่างกว้างขวาง แต่ช่วงกลางถึงปลายไตรมาสควรระวังการอ่อนตัวลงจากสาเหตุชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 3 อันดับแรกของโลก ที่มีแนวโน้มยุติการดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายและเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินเชิงเข้มงวดเพื่อระงับการทะยานขึ้นของภาวะเงินเฟ้อมากขึ้น
โดยธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้งในปีนี้ ส่วนธนาคารกลางยูโรโซนมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีตั้งแต่ไตรมาส 2/2554 เป็นต้นไป ขณะที่ทางการสหรัฐฯอาจจะยุติการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 2 ไว้ที่วงเงิน 6 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
ดังนั้น หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางคลี่คลายลงเป็นลำดับ ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการเข้าเก็งกำไรในทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม โดยคาดการณ์กรอบการลงทุนในไตรมาส 2/2554 ที่ 1,370-1,475 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 19,600-21,000 บาท/บาททอง
" หากพิจารณาจากข้อมูลในอดีต 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ไตรมาส 2 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.20% ซึ่งต่ำกว่าไตรมาส 1, 3, และ 4 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.37%, 5.66%, และ 6.21% ตามลำดับ แต่ปัจจัยที่กระทบราคาทองคำในระยะนี้ถือว่าผิดแปลกแตกต่างไปจากช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี เพราะปกติช่วงนี้ของทุกปีถือเป็นช่วงที่ไม่ดีนักของราคาทองคำ ดังนั้น หากไม่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอื่นๆ ราคาทองคำควรจะอ่อนตัวลงตามปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง Low Season "นายณัฐพล กล่าว
เช่นเดียวกับ โลหะเงินที่มีความเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกัน ต่างเพียงภาวะการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมาก่อน โดยราคาอยู่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 เดือนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 30% จึงกระตุ้นให้นักลงทุนที่มีกำไรจากการถือครองโลหะเงินในช่วงก่อนหน้าเทขายทำกำไรเป็นระยะ โดยหากพิจารณาจากในอดีตที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ราคาจะทรุดตัวลงรุนแรงไม่น้อยกว่า 10% จากจุดสูงสุดในรอบนั้นเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนจึงควรเพิ่มความระวัดระวังในการลงทุนให้มาก และควรให้น้ำหนักการลงทุนเพียงแค่ระดับเก็งกำไรที่ประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุนในทองคำเท่านั้น ส่วนการเข้าซื้อเพื่อลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาวมองว่ายังไม่ใช่จังหวะเวลาที่ดีในการทยอยสะสม คาดการณ์กรอบการลงทุนในไตรมาส 2/2554 ที่ 30-40 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 900-1,200 บาท/ออนซ์
สำหรับภาพรวมตลาดทองคำในไตรมาส 1/2554 ที่ผ่านมา ราคาทองคำปิดที่ระดับ 1,430 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.55 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.49% (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบไตรมาสอยู่ที่ 1,308.00-1,447.40 ดอลลาร์) ขณะที่ราคาทองคำในประเทศปิดไปที่ 20,500 บาท/บาททอง เพิ่มขึ้น 350 บาท/บาททอง หรือ 0.74% (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบไตรมาสอยู่ที่ 19,400-20,700 บาท/บาททอง)
โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงแรง แต่การปรับตัวลงของราคาทองคำเป็นไปอย่างจำกัด และพลิกกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 100 ดอลลาร์/ออนซ์ ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 54 จนสิ้นสุดไตรมาส ซึ่งได้แรงหนุนสำคัญมาจากเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้างจนก่อตัวเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งประเทศที่เกิดการประท้วงเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน จึงไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ ราคาน้ำมันจึงปรับตัวเพิ่มขึ้นมายืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลได้อีกครั้ง และหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตามในฐานะที่สามารถใช้ป้องกันผลกระทบเชิงลบจากภาวะเงินเฟ้อได้ ซึ่งประเด็นนี้ยังหนุนให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแบบปรับตัวลงอยากจนมาถึงปัจจุบัน
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน)หรือ GBX กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำไตรมาส 2/2554 ว่า ในช่วงต้นไตรมาส 2 ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,450-1,475 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการเกิดเหตุการประท้วงขับไล่รัฐบาลในประเทศแถบตะวันออกกลางอย่างกว้างขวาง แต่ช่วงกลางถึงปลายไตรมาสควรระวังการอ่อนตัวลงจากสาเหตุชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 3 อันดับแรกของโลก ที่มีแนวโน้มยุติการดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายและเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินเชิงเข้มงวดเพื่อระงับการทะยานขึ้นของภาวะเงินเฟ้อมากขึ้น
โดยธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้งในปีนี้ ส่วนธนาคารกลางยูโรโซนมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีตั้งแต่ไตรมาส 2/2554 เป็นต้นไป ขณะที่ทางการสหรัฐฯอาจจะยุติการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 2 ไว้ที่วงเงิน 6 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
ดังนั้น หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางคลี่คลายลงเป็นลำดับ ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการเข้าเก็งกำไรในทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม โดยคาดการณ์กรอบการลงทุนในไตรมาส 2/2554 ที่ 1,370-1,475 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 19,600-21,000 บาท/บาททอง
" หากพิจารณาจากข้อมูลในอดีต 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ไตรมาส 2 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.20% ซึ่งต่ำกว่าไตรมาส 1, 3, และ 4 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.37%, 5.66%, และ 6.21% ตามลำดับ แต่ปัจจัยที่กระทบราคาทองคำในระยะนี้ถือว่าผิดแปลกแตกต่างไปจากช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี เพราะปกติช่วงนี้ของทุกปีถือเป็นช่วงที่ไม่ดีนักของราคาทองคำ ดังนั้น หากไม่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอื่นๆ ราคาทองคำควรจะอ่อนตัวลงตามปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง Low Season "นายณัฐพล กล่าว
เช่นเดียวกับ โลหะเงินที่มีความเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกัน ต่างเพียงภาวะการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมาก่อน โดยราคาอยู่สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 เดือนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 30% จึงกระตุ้นให้นักลงทุนที่มีกำไรจากการถือครองโลหะเงินในช่วงก่อนหน้าเทขายทำกำไรเป็นระยะ โดยหากพิจารณาจากในอดีตที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ราคาจะทรุดตัวลงรุนแรงไม่น้อยกว่า 10% จากจุดสูงสุดในรอบนั้นเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนจึงควรเพิ่มความระวัดระวังในการลงทุนให้มาก และควรให้น้ำหนักการลงทุนเพียงแค่ระดับเก็งกำไรที่ประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุนในทองคำเท่านั้น ส่วนการเข้าซื้อเพื่อลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาวมองว่ายังไม่ใช่จังหวะเวลาที่ดีในการทยอยสะสม คาดการณ์กรอบการลงทุนในไตรมาส 2/2554 ที่ 30-40 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 900-1,200 บาท/ออนซ์
สำหรับภาพรวมตลาดทองคำในไตรมาส 1/2554 ที่ผ่านมา ราคาทองคำปิดที่ระดับ 1,430 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.55 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.49% (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบไตรมาสอยู่ที่ 1,308.00-1,447.40 ดอลลาร์) ขณะที่ราคาทองคำในประเทศปิดไปที่ 20,500 บาท/บาททอง เพิ่มขึ้น 350 บาท/บาททอง หรือ 0.74% (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบไตรมาสอยู่ที่ 19,400-20,700 บาท/บาททอง)
โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงแรง แต่การปรับตัวลงของราคาทองคำเป็นไปอย่างจำกัด และพลิกกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 100 ดอลลาร์/ออนซ์ ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 54 จนสิ้นสุดไตรมาส ซึ่งได้แรงหนุนสำคัญมาจากเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้างจนก่อตัวเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งประเทศที่เกิดการประท้วงเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน จึงไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ ราคาน้ำมันจึงปรับตัวเพิ่มขึ้นมายืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลได้อีกครั้ง และหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตามในฐานะที่สามารถใช้ป้องกันผลกระทบเชิงลบจากภาวะเงินเฟ้อได้ ซึ่งประเด็นนี้ยังหนุนให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแบบปรับตัวลงอยากจนมาถึงปัจจุบัน