xs
xsm
sm
md
lg

UMSเน้นบริหารต้นทุนดันผลงาน คาดรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซสฯ คาดผลงานปีนี้เติบโตจากปี 53 ไม่ต่ำกว่า 20% หลังวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดและราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่ง เชื่อลูกค้าหันมาใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้น เผยปีนี้เน้นการบริหารต้นทุนและโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่การเจรจาเพื่อลงทุนในอินโดนีเซียไม่เร่ง รอจังหวะโอกาสและความเหมาะสม ส่วนเงินทุนมีเพียงพอต่อการขยายงาน

นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS เปิดเผยว่าปีนี้ เป็นปีที่บริษัทจะรับผลดีจากการลงทุนในการสร้างท่าเทียบเรือและการคลังสินค้าที่ลงทุนไปเมื่อเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงเชื่อว่าผลงานปีนี้น่าจะเติบโตจากปี 53 ที่บริษัททำรายได้ไว้ 798 ล้านบาท ซึ่งขยับเพิ่มจากปี 52 ที่ทำไว้ 645 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะตัวเลขกำไรขั้นต้นปี 53 ที่เพิ่มขึ้นจากปี 52 เกือบเท่าตัว

" ปีนี้เราก็ยังเดินตามแผนเดิมของเราและผมเชื่อว่าตลาดของการจำหน่ายถ่านหินก็ยังเติบโตและไปได้ด้วยดี และยิ่้งถ่านหินเป็นพลังงานที่มีต้นทุนต่ำ จะทำให้ความต้องการในตลาดมีเพิ่มมากขึ้น แต่การแข่งขันน่าจะรุนแรงขึ้นตาม หลังจากเกิดวิกฤตการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่งผลให้การหันมาใช้พลังงานจากถ่านหินสูงขึ้นบวกกับราคาน้ำมันก็ขยับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การใช้พลังงานทดแทนน่าจะมีมากขึ้นจากก่อนหน้านี้ และจะเป็นผลดีต่อการดำเนินงานของเรา ดังนั้นการเติบโตของรายได้น่าจะไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 53 "

โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดคือจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะมีกลุ่มผู้ขายก็เริ่มจะมีมากขึ้นเช่นกัน แต่ UMS เน้นที่การบริการหลังการขาย และการส่งสินค้าทันตามกำหนดเวลาเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้น การบริหารงานหลังการขายให้ลูกค้าพึงพอใจถือเป็นอีกหนึ่งความสำคัญ ขณะเดียวกัน UMS ก็จะเน้นที่การลดต้นทุนการดำเนินงาน หลังจากที่การก่อสร้างท่าเทียบเรือและให้บริการได้เต็มร้อย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งถือเป็นการบริหารงานด้านการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการที่มีคลังสินค้าเพื่อสต๊อกสินค้าถ่านหินมาพักไว้ก่อนจำหน่ายให้ลูกค้า ก็จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงด้วยเพราะไม่ต้องไปเช่าคลังสินค้าจากภายนอก

นายชัยวัฒน์กล่าวถึงการซื้อเหมืองในอินโดนีเซียนั้นอยู่ระหว่างการเจรจาและเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อนเท่าใดนัก และหลังจากที่ บริษัท โทรีเซนไทน์ เอเยนซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ส่งผลให้UMS ปรับไปจากแผนเดิมที่เราจะมุ่งไปทางสินค้าต้นน้ำ (UP STREAM) เข้าไปสู่ทางสินค้าปลายน้ำ (DOWN STREAM) มากขึ้น เช่นพวกพลังงานทดแทนหรือไบโอแมสต่าง ๆ พวกพลังงานทางเลือกมีอีกมากที่บริษัทสามารถเข้าทำได้และศึกษาไว้บ้างแล้ว ส่วนเม็ดเงินลงทุนนั้นไม่เป็นปัญหาเพราะจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

" เราคงไม่กู้เงินเพิ่มมากมายเพราะไม่ต้องการให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของเราขยับเพิ่มอีก เพราะต้องการรักษาอัตราส่วนนี้ไม่ให้เกิน 2 เท่า หรือไม่เต็มที่ก็ไม่ควรจะสูงเกินกว่า 2.5 เท่าครับ อีกอย่างเงินสดในมือที่เรามีอยู่พันกว่าล้านบาท น่าจะเพียงพอต่อการลงทุนใหม่ และยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิที่รอแปลงสภาพ ในยามที่เราจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อลงทุน ซึ่งแผนการลงทุนก็อยู่ที่จังหวะโอกาสความเหมาะสม "

โดยหลังจากที่ TTA เข้ามาถือหุ้นใหญ่ว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน หรือการตัดสินใจ เพราะผู้บริหารใน TTA ให้อิสระในการตัดสินใจและยังบริหารงาน ทำงานตามปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร และยังมีอิสระในการทำงานเหมือนเดิม ในทางตรงกันข้าม การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เข้ามานั้น จะมาช่วยหนุนให้บริษัทเติบโตและแข็งแรงมากขึ้น เพราะจะมาเกื้อหนุนต่อกัน เพราะ TTA ทำธุรกิจเดินเรือ และได้ลงทุนในเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะช่วยทำให้ลดต้นทุนการดำเนินงานในด้านการขนส่ง

นอกจากนี้ UMS ยังต้องหันไปบริหารถ่านหินในสต๊อกและกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลขาดทุนจากการสต๊อกสินค้าไว้มากเกินไปในยามที่เศรษฐกิจผันผวนเหมือนที่ช่วงปีเศษที่ผ่านมา และปัจจุบันลูกค้าของ UMS ขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 500 ราย และเชื่อว่าน่าจะเพิ่มขึ้นหลังทิศทางและแนวโน้มราคาน้ำมันยังมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่องเรื่อย ๆ จากก่อนหน้าที่ลูกค้าของบริษัททะยอยปรับเตาบอยเลอร์เพื่อมาใช้ถ่านหินแทนน้ำมัน ตั้งแต่น้ำมันราคาพุ่งต่อเนื่องมาเมื่้อปีก่อนแล้ว
“สแกน เพาเวอร์ พลัส”ส่ง “วีออส 1.5J CNG” ลงตลาด
“สแกน เพาเวอร์ พลัส”ส่ง “วีออส 1.5J CNG” ลงตลาด
ข่าวในปรเทศ- “สแกน อินเตอร์” ผู้นำด้านพลังงานก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ รุกหนักธุรกิจยานยนต์ติดตั้งระบบก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) ภายใต้แบรนด์ “สแกน เพาเวอร์ พลัส” (Scan Power Plus) เดินหน้าส่ง “วีออส 1.5J AUTO CNG” เข้าสู่ตลาดเป็นรุ่นที่ 3 หลังชิมลางกับ 2 รุ่นแรก ทั้งอัลติสและวีโก้จนประสบความสำเร็จอย่างสูง ชูจุดเด่นที่ความคล่องตัวและความคุ้มค่า ภายใต้มาตรฐานการติดตั้งระดับอินเตอร์ พร้อมกับการประหยัดค่าเชื้อเพลิง ได้ผลรับรองจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 35 สตางค์ต่อกิโลเมตรเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น