ASTVผู้จัดการรายวัน – “ไดนาสตี้”เดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตกระเบื้องขนาด16x16นิ้ว หลังพฤติกรรมความต้องการเบื้องเปลี่ยน ลูกค้าหันใช้กระเบื้องขนาดใหญ่เพิ่มตามกระแสของตลาดโลก ล่าสุดบอร์ดอนุมัติ 280ล้านบาทลงทุนเพิ่มเตาเผาใหม่ 2 เตา แจงเดินสายการผลิตแล้ว1เตาต้นปี คาดกลางปีเริ่มเตา 2 จ่อของบปลายปีกว่า 100 ล้านบาท ลงทุนเตาที่ 3 หวังเพิ่มกำลังผลิตรวมเป็น 61 ล้านตร.ม. ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่นกำลังผลิตกระเบื้อง16x16นิ้วเป็น 50%ภายใน 2 ปีข้างหน้า ตั้งเป้ายอดขายปี 54 โต10% หรือ 6,490ล้านบาท
นายสัญชัย เจนจรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC กล่าวว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)บริษัท ได้อนุมัติงบลงทุน 280 ล้านบาท ในการขยายเตาเผากระเบื้องจำนวน 2เตา เพื่อขยายกำลังการผลิตไลน์กระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนังเพิ่มขึ้น 4 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) โดยได้เดินสายการผลิตเตาแรกไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนเตาที่ 2 คาดว่าจะสามารถเดินสายการผลิตได้ในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้ภายในกลางปี 54 จะมีกำลังกาผลินรวมเพิ่มเป็น 58 ล้านตร.ม.จากเดิม 54 ล้านตร.ม.
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนขยายกำลังกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เตาในช่วงปลายปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 140 ล้านบาท โดยเตาใหม่ จะมีกำลังการผลิตรวม 3 ล้านตร.ม. ทำให้ภายในสิ้นปี บริษัทจะมีกำลังรวมเพิ่มเป็น 61 ล้านตร.ม.ต่อปี ในขณะเดียวกัน ระหว่างเดินสายการผลิตในเตาใหม่ จะทำการปิดปรับปรุงเตากระเบื้องในโรงงานเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน 20 เตา ซึ่งจะทยอยปรับปรุงปีละ 2-3 เตา
ทั้งนี้ เตาที่ต้องทำการปรับปรุงนั้น บริษัทได้มีการปรับให้สามารถผลิตกระเบื้องที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น จากเดิมขนาด 12x12 นิ้ว เป็นขนาด16x16นิ้ว เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ที่เป็นไปตามกระแสการใช้กระเบื้องในตลาดโลก
“ ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตกระเบื้องขนาด12x12นิ้วอยู่ 51% และมีกำลังการผลิต กระเบื้องขนาด 16x16อยู่ 32% โดยจากนี้ไป 2 ปี จะเพิ่มกระเบื้องขนาด16x16เป็น 50% ด้วยการปรับกำลังการผลิตในโรงงานเดิม”
นายสัญชัย กล่าวถึงภาพรวมตลาดกระเบื้องในปีที่ผ่านมาว่า ขยายตัวที่ดีต่อเนื่องแม้จะประสบปัจจัยลบด้านการเมือง วิกฤตเศษรฐกิจโลก โดยเฉพาะยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา เติบโตสูงถึง 20% ส่งผลดีต่อยอดขายรวมที่ทำได้ 5,900 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 995 ล้านบาท
โดยในปี 54 คาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น 10% หรือมียอดขายรวม 6,490ล้านบาท จากปัจจัยการขยายตัวของตลาดกระเบื้องตลาดระดับกลาง ที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ต่างจากตลาดกระเบื้องระดับบน ที่ปัจจุบันมีสินค้าล้นตลาดอยู่ ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตเข้ามาแข่งขันในตลาดดังกล่าวค่อนข้างสูง ใช้ราคาในการจูงใจผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทนั้นยังเน้นการแข่งขันด้านคุณภาพ จัดกิจกรรมการตลาดในการแข่งขั้น เนื่องจากในตลาดระดับกลางนั้น บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรวมสูงถึง 44% ของตลาดรวม
นายสัญชัย เจนจรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC กล่าวว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)บริษัท ได้อนุมัติงบลงทุน 280 ล้านบาท ในการขยายเตาเผากระเบื้องจำนวน 2เตา เพื่อขยายกำลังการผลิตไลน์กระเบื้องปูพื้นและกระเบื้องปูผนังเพิ่มขึ้น 4 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) โดยได้เดินสายการผลิตเตาแรกไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนเตาที่ 2 คาดว่าจะสามารถเดินสายการผลิตได้ในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้ภายในกลางปี 54 จะมีกำลังกาผลินรวมเพิ่มเป็น 58 ล้านตร.ม.จากเดิม 54 ล้านตร.ม.
นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนขยายกำลังกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เตาในช่วงปลายปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 140 ล้านบาท โดยเตาใหม่ จะมีกำลังการผลิตรวม 3 ล้านตร.ม. ทำให้ภายในสิ้นปี บริษัทจะมีกำลังรวมเพิ่มเป็น 61 ล้านตร.ม.ต่อปี ในขณะเดียวกัน ระหว่างเดินสายการผลิตในเตาใหม่ จะทำการปิดปรับปรุงเตากระเบื้องในโรงงานเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน 20 เตา ซึ่งจะทยอยปรับปรุงปีละ 2-3 เตา
ทั้งนี้ เตาที่ต้องทำการปรับปรุงนั้น บริษัทได้มีการปรับให้สามารถผลิตกระเบื้องที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น จากเดิมขนาด 12x12 นิ้ว เป็นขนาด16x16นิ้ว เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ที่เป็นไปตามกระแสการใช้กระเบื้องในตลาดโลก
“ ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตกระเบื้องขนาด12x12นิ้วอยู่ 51% และมีกำลังการผลิต กระเบื้องขนาด 16x16อยู่ 32% โดยจากนี้ไป 2 ปี จะเพิ่มกระเบื้องขนาด16x16เป็น 50% ด้วยการปรับกำลังการผลิตในโรงงานเดิม”
นายสัญชัย กล่าวถึงภาพรวมตลาดกระเบื้องในปีที่ผ่านมาว่า ขยายตัวที่ดีต่อเนื่องแม้จะประสบปัจจัยลบด้านการเมือง วิกฤตเศษรฐกิจโลก โดยเฉพาะยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา เติบโตสูงถึง 20% ส่งผลดีต่อยอดขายรวมที่ทำได้ 5,900 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 995 ล้านบาท
โดยในปี 54 คาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น 10% หรือมียอดขายรวม 6,490ล้านบาท จากปัจจัยการขยายตัวของตลาดกระเบื้องตลาดระดับกลาง ที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ต่างจากตลาดกระเบื้องระดับบน ที่ปัจจุบันมีสินค้าล้นตลาดอยู่ ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตเข้ามาแข่งขันในตลาดดังกล่าวค่อนข้างสูง ใช้ราคาในการจูงใจผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทนั้นยังเน้นการแข่งขันด้านคุณภาพ จัดกิจกรรมการตลาดในการแข่งขั้น เนื่องจากในตลาดระดับกลางนั้น บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดรวมสูงถึง 44% ของตลาดรวม