"กระเบื้องกระดาษไทย" ในธุรกิจSCG เดินหน้ากุมตลาด! หลังบอร์ดอนุมัติให้ลงทุนสร้างโรงงานแห่งที่ 5 จ.สระบุรี มูลค่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มไลน์ผลิต สินค้าบอร์ดและไม้สังเคราะห์ รวม 90 ล้านตร.ม.ต่อปี ยันขณะนี้ไม่เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายของสินค้าในตลาด ตั้งเป้ายอดขายโต 12% จาก 7,800 ล้านบาทในปี 53 เผยส่วนแบ่งตลาดบกด. 40% จากมูลค่าตลาด 20,000 ล้านบาท มอนิเตอร์ต้นทุน หวั่นราคาน้ำมันเพิ่มแรงกระทบธุรกิจ ผู้บริโภค
นายพันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด (บกด.) ในธุรกิจเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ ไฟเบอร์ซีเมนต์ รายแรกที่ไม่ใช้ใยหิน ครบทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2550 กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2554 ว่า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและการขยายตัวของความต้องการซื้อของผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯต้องลงทุนสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 5 บนเนื้อที่ 100 ไร่ ที่อ.หนองแค จ.สระบุรี ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯในการก่อหนี้เพิ่มขึ้นแล้ว โดยไลน์ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตจะรวมสินค้าบอร์ดและไม้สังเคราะห์ เพิ่มขึ้นอีก 90 ล้านตารางเมตร(ตร.ม.)ต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าได้ในไตรมาสแรกของปี 56 อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปี 53 ทางบริษัทฯได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตส่วนของโรงงานท่าหลวง จ.สระบุรีไปแล้ว 1,300 ล้านบาท คาดว่าสินค้าจะเริ่มออกสู่ตลาดได้ประมาณเดือนต.ค.54
" เรามองภาพปีนี้และต่อเนื่องถึงปี 55 เพื่อผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามทิศทางของบริษัทแม่ และภาพรวมของจีดีพี และการที่ภาคการเกษตรมีการเติบโต น่าจะเป็นแรงสนับสนุนต่อการขายของบริษัท นอกเหนือจากภาพของอุตสาหกรรม และยิ่งในอนาคตด้วยแล้ว กลุ่มสินค้าที่ทดแทนไม้ จะมีโอกาสเติบได้ ทำให้ต้องมีการเพิ่มลงทุนอีก "นายพันเทพกล่าว
สำหรับประเด็นที่ว่าจะเกิดภาวะสินค้ามากกว่าความต้องการซื้อนั้น นายพันเทพกล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมของอุตสาหกรรมมีกำลังการผลิต 200 กว่าล้านตร.ม.ขณะที่ความต้องการในตลาด 100 กว่าล้านตร.ม.ซึ่งคิดว่าจะไม่เกิดการล้นตลาดของสินค้า เนื่องจากไลน์ที่ผลิต ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มองว่า ในตลาดแล้ว สินค้าหลังคายังเหลืออีกเยอะ
ในด้านของเป้าการเติบโตของธุรกิจในปี 54 นั้น คาดว่าจะขยายตัว 12% จากยอดขายที่ทำได้ดี 7,800 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา (ประมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 900 ล้านบาท) ซึ่งอัตราการขยายตัวจะโตไม่ห่างจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าจีดีพีในปีนี้ที่ภารรัฐประเมินไว้จะโตระดับ 4% จากปี 53 จีดีพีโต 7-8%
" บกด.มีส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ (รวมหลังคา ฝ้า ผนัง และบอร์ด) ประมาณ 40% ของมูลค่าตลาดรวม 20,000 ล้านบาท และคิดว่าปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 8-10% ขณะที่การเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานแห่งใหม่ ยังอาจจะตอบเร็วเกินไปที่จะขยับให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้ยินมาว่า คู่แข่งขัน คงต้องลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฐานลูกค้าของบริษัทฯจะเป็นรายย่อย 80% และโครงการ 20% แต่กระนั้น ก็พบอุปสรรคที่ว่า ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการลูกค้าบ้านใหม่ที่ใช้จ่ายตกแต่งบ้าน มีปริมาณเท่าใด เนื่องจากลูกค้าเหล่านี้ จะใช้ผู้รับเหมารายย่อย "
ส่วนความผันผวนของราคาน้ำมันที่จะมีผลต่อต้นทุนต่างๆในการผลิตสินค้านั้น นายพันเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ เราห่วงต้นทุนที่เป็นอยู่ และก็ห่วงไปถึงผู้บริโภค แต่ในขณะนี้ ยังไม่มีการปรับราคาสินค้าของบกด. และคงต้องรอความชัดเจนจากนโยบาย
นายพันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด (บกด.) ในธุรกิจเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ ไฟเบอร์ซีเมนต์ รายแรกที่ไม่ใช้ใยหิน ครบทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2550 กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2554 ว่า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและการขยายตัวของความต้องการซื้อของผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯต้องลงทุนสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 5 บนเนื้อที่ 100 ไร่ ที่อ.หนองแค จ.สระบุรี ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯในการก่อหนี้เพิ่มขึ้นแล้ว โดยไลน์ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตจะรวมสินค้าบอร์ดและไม้สังเคราะห์ เพิ่มขึ้นอีก 90 ล้านตารางเมตร(ตร.ม.)ต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าได้ในไตรมาสแรกของปี 56 อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางปี 53 ทางบริษัทฯได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตส่วนของโรงงานท่าหลวง จ.สระบุรีไปแล้ว 1,300 ล้านบาท คาดว่าสินค้าจะเริ่มออกสู่ตลาดได้ประมาณเดือนต.ค.54
" เรามองภาพปีนี้และต่อเนื่องถึงปี 55 เพื่อผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามทิศทางของบริษัทแม่ และภาพรวมของจีดีพี และการที่ภาคการเกษตรมีการเติบโต น่าจะเป็นแรงสนับสนุนต่อการขายของบริษัท นอกเหนือจากภาพของอุตสาหกรรม และยิ่งในอนาคตด้วยแล้ว กลุ่มสินค้าที่ทดแทนไม้ จะมีโอกาสเติบได้ ทำให้ต้องมีการเพิ่มลงทุนอีก "นายพันเทพกล่าว
สำหรับประเด็นที่ว่าจะเกิดภาวะสินค้ามากกว่าความต้องการซื้อนั้น นายพันเทพกล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมของอุตสาหกรรมมีกำลังการผลิต 200 กว่าล้านตร.ม.ขณะที่ความต้องการในตลาด 100 กว่าล้านตร.ม.ซึ่งคิดว่าจะไม่เกิดการล้นตลาดของสินค้า เนื่องจากไลน์ที่ผลิต ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มองว่า ในตลาดแล้ว สินค้าหลังคายังเหลืออีกเยอะ
ในด้านของเป้าการเติบโตของธุรกิจในปี 54 นั้น คาดว่าจะขยายตัว 12% จากยอดขายที่ทำได้ดี 7,800 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา (ประมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 900 ล้านบาท) ซึ่งอัตราการขยายตัวจะโตไม่ห่างจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าจีดีพีในปีนี้ที่ภารรัฐประเมินไว้จะโตระดับ 4% จากปี 53 จีดีพีโต 7-8%
" บกด.มีส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ (รวมหลังคา ฝ้า ผนัง และบอร์ด) ประมาณ 40% ของมูลค่าตลาดรวม 20,000 ล้านบาท และคิดว่าปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 8-10% ขณะที่การเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานแห่งใหม่ ยังอาจจะตอบเร็วเกินไปที่จะขยับให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้ยินมาว่า คู่แข่งขัน คงต้องลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฐานลูกค้าของบริษัทฯจะเป็นรายย่อย 80% และโครงการ 20% แต่กระนั้น ก็พบอุปสรรคที่ว่า ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการลูกค้าบ้านใหม่ที่ใช้จ่ายตกแต่งบ้าน มีปริมาณเท่าใด เนื่องจากลูกค้าเหล่านี้ จะใช้ผู้รับเหมารายย่อย "
ส่วนความผันผวนของราคาน้ำมันที่จะมีผลต่อต้นทุนต่างๆในการผลิตสินค้านั้น นายพันเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ เราห่วงต้นทุนที่เป็นอยู่ และก็ห่วงไปถึงผู้บริโภค แต่ในขณะนี้ ยังไม่มีการปรับราคาสินค้าของบกด. และคงต้องรอความชัดเจนจากนโยบาย