ASTVผู้จัดการรายวัน- "ประวิตร" ยันไม่ถก"จีบีซี" ที่อินโดฯ ลั่น " กูไม่ไปหรอก" ย้ำ 2 ประเทศคุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องมี "คนกลาง" เผยไทยพร้อมจัดประชุมหากเขมรไม่พร้อม ขณะที่ " อัษฎา-ชวนนท์" นำทีมกต.ประชุม เจบีซีไทย-เขมร ที่อินโดฯ ชี้ไม่กระทบแม้สภาเลื่อนถกเจบีซี 3 ฉบับไปก่อน ด้านพันธมิตรฯ ประกาศเป็นชัยชนะของประชาชน หลังสภาต้องเลื่อนถกเจบีซี ชมกองทัพกล้าหักรัฐบาล ไม่ยอมไปคุยกับเขมรที่อินโดฯ พร้อมจี้ "มาร์ค" กำจัดขบวนการละเมิดสถาบันฯ ให้สิ้นซาก
วานนี้ (4 เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา ยืนยัน ว่าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ( จีบีซี ) จะต้องมีการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ว่า การประชุมจีบีซี ทางกัมพูชาต้องเป็นเจ้าภาพ และเชิญประเทศไทยเข้าร่วมประชุม ซึ่งจะต้องมีการประชุมของกองเลขาทั้ง 2 ประเทศก่อน ถึงเนื้อหากรอบหารือว่ามีอะไรบ้าง เรื่องใดที่อยู่ในกรอบที่ผ่านรัฐสภามาแล้วก็ไม่เป็นไร แต่หากจะประชุมนอกกรอบต้องขออนุญาตรัฐสภาก่อน ตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา 190 วรรค 2 ไม่ใช่ว่าอยากจะไปประชุมก็ประชุม
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าประเทศไทยและกัมพูชา สามารถคุยกันได้ ดังนั้นหากจัดการประชุมที่ประเทศกัมพูชา เราก็ไปได้ หรือหากกัมพูชาไม่พร้อม เราก็พร้อมที่จะจัดการประชุมในประเทศไทย และเชิญกัมพูชามาร่วมประชุม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประชุมกองเลขา
เมื่อถามว่า จะหาจุดลงตัวระหว่าง 2 ประเทศได้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ลงตัว ค่อยๆไป คงพูดจากันได้ เพราะไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเรื่องภาษา เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน เรื่องนิดเดียวไม่ได้ใหญ่โตอะไร ซึ่งเป็นการประชุมเรื่องความปลอดภัยตามแนวชายแดน ไม่เกี่ยวกับเรื่องการปักปันเขตแดน ซึ่งการประชุมจีบีซี เป็นการตกลงความร่วมมือต่างๆ ตามแนวชายแดน
เมื่อถามว่า การประชุมจีบีซี จะมีการหารือเรื่องปรับลดกำลังทหารหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือว่า จะหารือเรื่องอะไรบ้าง เพราะต้องมีการประชุมกองเลขาก่อน ว่าทั้ง 2 ประเทศจะประชุมเรื่องอะไรบ้าง
" ผมไม่ทราบว่าจะไปประชุมที่อินโดนีเซียทำไม ส่วนทางคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา( เจบีซี ) จะประชุมก็ประชุมไป แต่การประชุมจีบีซี เป็นเรื่องของแนวชายแดน เวลานี้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ก็ไปมาหาสู่กัน การค้าขายก็ปกติ ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปประชุมที่อินโดนีเซีย" พล.อ.ประวิตร กล่าว
**"มาร์ค"ยังจะเดินหน้าถกเจบีซีให้ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการกำหนดประเด็นในการเจรจา เจบีซี ว่า จะเป็นเรื่องของการคัดเลือกคนที่จะมาทำภาพถ่ายทางอากาศ ฉะนั้น ก็ยังอยู่ในกรอบของการเจรจาที่ผ่านสภาฯแล้ว และไม่น่าจะกระทบกับในส่วนของบันทึกที่ยังค้างอยู่ เมื่อถามว่าหมายถึงว่าตัวของบันทึก ไม่ได้ไปเจรจาต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังครับ เมื่อไปเราก็ไปดูประเด็นเรื่องของภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ทางกัมพูชาก็มีการยืนยันว่า จะประชุมกันได้
เมื่อถามว่าหลังจากการถกเรื่องของเจบีซีผ่านไป คิดว่าภาพของความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็หวังว่าจะมีความคืบหน้าที่จะทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กลไกทวิภาคีกลับมาทำงาน เพราะโดยความเป็นจริงในระดับของพื้นที่ เหตุการณ์ ก็สงบมาเกือบ 2 เดือนแล้ว และมีความพยายามที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ ซึ่งมีกิจกรรมอะไรอยู่
เมื่อถามว่าในเจบีซี จะต้องมีการพูดคุยถึงผู้สังเกตการณ์ของประเทศอินโดนีเซีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เจบีซี แต่ว่าคงจะมีการหารืออย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของทางกองทัพ และทางรมว.ต่างประเทศ
เมื่อถามว่า แต่ในขณะที่ทางการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา ( จีบีซี ) ก็ยังเกิดไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องของจีบีซี ก็ต้องว่ากันต่อไป เนื่องจากยังเห็นไม่ตรงกันอยู่ เมื่อถามว่า เท่ากับว่าทางอินโดนีเซีย ต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอาจจะใช้เวทีอื่นได้ เพราะมันไม่จำเป็นต้องผูกกัน เพราะทางรมว.ต่างประเทศ ก็อาจจะหยิบยกเรื่องนี้ไปคุยได้ในวันที่ 9-10 เม.ย.นี้ ในประเด็นเรื่องของผู้สังเกตการณ์ เพราะเรื่องนี้มีประเด็นหลักๆ 2 ประเด็น ประเด็นแรก จะเป็นเรื่องการได้รับการคุ้มครอง ซึ่งไม่มีปัญหา ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องของตัวพื้นที่ ว่าจะอยู่ตรงไหน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาบอกว่า ฝ่ายเขาจะมีพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ทางเราก็บอกไม่ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเรา
เมื่อถามว่า หมายถึงผู้สังเกตการณ์ที่จะส่งมาในพื้นที่ ต้องชะลอไปก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวนี้ต้องตกลงเรื่องพื้นที่ให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าจีบีซี ยังประชุมไม่ได้ ทางรมว.ต่างประเทศ ก็อาจจะคุยได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ ทีโออาร์
** "มาร์ค"เรียก"ประวิตร-กษิต"หารือ
รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) แจ้งว่าที่ประชุมครม.ได้มีการเสนอเอกสารลับ เรื่องแจ้งผลการประชุม คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี หรือ เจซี ครั้งที่ 7 โดยเนื้อหาหลัก เป็นการสรุปผลการประชุม ระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ.54 ที่ เสียมราฐ กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ความร่วมมือบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น กรณีนายฮอนัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการยิง หรือใช้ความรุนแรงกับชาวกัมพูชา ที่เดินทางเข้า มาในเขตไทย โดยหากชาวกัมพูชา กระทำความผิด ขอให้ไทยดำเนินการตามกฎหมาย และมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด ระหว่างเจ้าหน้าที่ 2 ฝ่าย ที่อยู่บริเวณชายแดน สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงขอนำเสนอผลการประชุมดังกล่าวให้ ครม.รับทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ เพื่อสอบถามความเห็นกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้ซักถามถึงความพร้อมของกระทรวงกลาโหม แต่ช่วงนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้ออกจากห้องประชุมไปแล้ว ทำให้ยังไม่ทราบว่า ทางกระทรวงกลาโหม จะไปร่วมประชุมเจบีซี ด้วยหรือไม่
** "ประวิตร"ลั่น "กูไม่ไปหรอก"
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการประชุมครม.จะเริ่มต้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนาย กษิต ภิรมย์ ไปพบ รวมถึงนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปคุยนอกรอบเป็นเวลา 30 นาที ถึงการประชุมร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา คือ การประชุม เจบีซี ที่นายอัษฎา ชัยนาม ประธานเจบีซี เป็นหัวหน้าคณะ และ จีบีซี ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่ หลังจากที่ฝ่ายกระทรวงกลาโหม และผู้นำกองทัพ ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยที่จะจัดประชุมที่อินโดนีเซีย ซึ่งการหารือดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรีนั้น ทำให้การประชุม ครม. ต้องเลื่อนไป 30 นาที
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนที่จะมีประชุมครม. ว่า พล.อ.ประวิตร ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีบางคนที่ได้สอบถามว่า จะไปร่วมประชุมจีบีซี หรือไม่ และทางกองทัพมีท่าทีเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งพล.อ.ประวิตร ตอบว่า " กูไม่ไปหรอก เพราะกัมพูชาเองก็ไม่พร้อม เขาก็ยังเถียงกันอยู่เลยว่า จะคุยกันอย่างไร คุยเรื่องอะไรบ้าง ถึงไป ก็ไม่รู้จะคุยอะไร และเข้าใจว่าพล.อ.เตีย บันห์ ก็ยังไม่ได้เตรียมการว่าจะเอาอะไรไปคุย ดังนั้นถ้าคุยกัน ก็คงส่งเพียงแค่เจ้าหน้าที่ไป แต่ระดับผู้นำกองทัพคงไม่ไปหรอก" แหล่งข่าว อ้างคำพูดของ พล.อ.ประวิตร
** "ชวนนท์"นำทีมถกเจบีซีที่อินโดฯ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตน และนายอัษฎา ชัยนาม ประธาน เจบีซี ฝ่ายไทย พร้อมคณะเตรียมเดินทางไปร่วมประชุมเจบีซี ไทย-กัมพูชา ที่เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ แม้ที่ประชุมรัฐสภามีมติเลื่อนการพิจารณารายงานบันทึกการประชุมเจบีซี ไทย-กัมพูชา 3 ฉบับ ออกไปก่อน แต่จะไม่กระทบต่อการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ ขอย้ำว่า บันทึกผลการประชุมเจบีซี ไม่มีการปักปันเขตแดนใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศของไทย เห็นด้วยกับกรอบการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา จากที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย คือให้ผู้แทนจากอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์ แต่รายละเอียดให้ฝ่ายทหารไทย และกัมพูชา เป็นผู้หารือกันว่าจะเข้ามาอยู่อย่างไร อยู่จุดไหน ทั้งนี้ ไทยยึดหลักอธิปไตย และชั้นความลับทางทหาร
** สภาเลื่อนถกเจบีซีเป็นชัยชนะของปชช.
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า เหตุที่ต้องมีการเลื่อนออกไป จนทำให้ความพยายามของรัฐบาลในการรับรองบันทึกเจบีซี 3 ฉบับ ไม่สำเร็จนั้น เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมาจากการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ที่นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนให้แก่ทั้งประชาชน รวมทั้งส.ส. และส.ว. รวมไปถึงการยื่นหนังสือคัดค้านโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อีก 3 ครั้ง
" หากประเมินสถานการณ์จนถึงขณะนี้ เห็นว่าไม่มีวี่แววที่รัฐบาลจะทำให้ที่ประชุมรัฐสภา จะให้การรับรองได้ทันในสมัยประชุมนี้ ถือว่าเป็นผลสำเร็จของพี่น้องประชาชน ที่ยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" นายประพันธ์ กล่าว
**กองทัพทำถูกที่ไม่ไปถกจีบีซีที่อินโดฯ
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่าขอแสดงความชื่นชมในจุดยืนของกองทัพ ที่ตัดสินใจไม่ไปร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ที่ประเทศอินโดนีเซีย รวมไปถึงยังทราบมาอีกว่า กองทัพ มีจุดยืนที่จะไม่ให้ผู้แทนจากอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
"ช่วงเวลานี้ ถือว่ากองทัพกลายเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนในการปกป้องสถาบัน และป้องกันภัยที่คุกคามความมั่นคงของชาติ โดยที่ ผบ.ทบ.ก็ออกมาระบุว่าจะจัดการกับขบวนการเหล่านี้อย่างเด็ดขาด จึงขอเรียกร้องไปถึงกองทัพให้ออกมาแสดงจุดยืนและปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพื่อข่มขู่ให้ขบวนการเหล่านี้หยุดการเคลื่อนไหว" นายประพันธ์ กล่าว
วานนี้ (4 เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา ยืนยัน ว่าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ( จีบีซี ) จะต้องมีการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ว่า การประชุมจีบีซี ทางกัมพูชาต้องเป็นเจ้าภาพ และเชิญประเทศไทยเข้าร่วมประชุม ซึ่งจะต้องมีการประชุมของกองเลขาทั้ง 2 ประเทศก่อน ถึงเนื้อหากรอบหารือว่ามีอะไรบ้าง เรื่องใดที่อยู่ในกรอบที่ผ่านรัฐสภามาแล้วก็ไม่เป็นไร แต่หากจะประชุมนอกกรอบต้องขออนุญาตรัฐสภาก่อน ตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 มาตรา 190 วรรค 2 ไม่ใช่ว่าอยากจะไปประชุมก็ประชุม
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าประเทศไทยและกัมพูชา สามารถคุยกันได้ ดังนั้นหากจัดการประชุมที่ประเทศกัมพูชา เราก็ไปได้ หรือหากกัมพูชาไม่พร้อม เราก็พร้อมที่จะจัดการประชุมในประเทศไทย และเชิญกัมพูชามาร่วมประชุม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประชุมกองเลขา
เมื่อถามว่า จะหาจุดลงตัวระหว่าง 2 ประเทศได้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ลงตัว ค่อยๆไป คงพูดจากันได้ เพราะไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเรื่องภาษา เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน เรื่องนิดเดียวไม่ได้ใหญ่โตอะไร ซึ่งเป็นการประชุมเรื่องความปลอดภัยตามแนวชายแดน ไม่เกี่ยวกับเรื่องการปักปันเขตแดน ซึ่งการประชุมจีบีซี เป็นการตกลงความร่วมมือต่างๆ ตามแนวชายแดน
เมื่อถามว่า การประชุมจีบีซี จะมีการหารือเรื่องปรับลดกำลังทหารหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือว่า จะหารือเรื่องอะไรบ้าง เพราะต้องมีการประชุมกองเลขาก่อน ว่าทั้ง 2 ประเทศจะประชุมเรื่องอะไรบ้าง
" ผมไม่ทราบว่าจะไปประชุมที่อินโดนีเซียทำไม ส่วนทางคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา( เจบีซี ) จะประชุมก็ประชุมไป แต่การประชุมจีบีซี เป็นเรื่องของแนวชายแดน เวลานี้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ก็ไปมาหาสู่กัน การค้าขายก็ปกติ ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปประชุมที่อินโดนีเซีย" พล.อ.ประวิตร กล่าว
**"มาร์ค"ยังจะเดินหน้าถกเจบีซีให้ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องการกำหนดประเด็นในการเจรจา เจบีซี ว่า จะเป็นเรื่องของการคัดเลือกคนที่จะมาทำภาพถ่ายทางอากาศ ฉะนั้น ก็ยังอยู่ในกรอบของการเจรจาที่ผ่านสภาฯแล้ว และไม่น่าจะกระทบกับในส่วนของบันทึกที่ยังค้างอยู่ เมื่อถามว่าหมายถึงว่าตัวของบันทึก ไม่ได้ไปเจรจาต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังครับ เมื่อไปเราก็ไปดูประเด็นเรื่องของภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ทางกัมพูชาก็มีการยืนยันว่า จะประชุมกันได้
เมื่อถามว่าหลังจากการถกเรื่องของเจบีซีผ่านไป คิดว่าภาพของความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็หวังว่าจะมีความคืบหน้าที่จะทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กลไกทวิภาคีกลับมาทำงาน เพราะโดยความเป็นจริงในระดับของพื้นที่ เหตุการณ์ ก็สงบมาเกือบ 2 เดือนแล้ว และมีความพยายามที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ ซึ่งมีกิจกรรมอะไรอยู่
เมื่อถามว่าในเจบีซี จะต้องมีการพูดคุยถึงผู้สังเกตการณ์ของประเทศอินโดนีเซีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เจบีซี แต่ว่าคงจะมีการหารืออย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของทางกองทัพ และทางรมว.ต่างประเทศ
เมื่อถามว่า แต่ในขณะที่ทางการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา ( จีบีซี ) ก็ยังเกิดไม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องของจีบีซี ก็ต้องว่ากันต่อไป เนื่องจากยังเห็นไม่ตรงกันอยู่ เมื่อถามว่า เท่ากับว่าทางอินโดนีเซีย ต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอาจจะใช้เวทีอื่นได้ เพราะมันไม่จำเป็นต้องผูกกัน เพราะทางรมว.ต่างประเทศ ก็อาจจะหยิบยกเรื่องนี้ไปคุยได้ในวันที่ 9-10 เม.ย.นี้ ในประเด็นเรื่องของผู้สังเกตการณ์ เพราะเรื่องนี้มีประเด็นหลักๆ 2 ประเด็น ประเด็นแรก จะเป็นเรื่องการได้รับการคุ้มครอง ซึ่งไม่มีปัญหา ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องของตัวพื้นที่ ว่าจะอยู่ตรงไหน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาบอกว่า ฝ่ายเขาจะมีพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ทางเราก็บอกไม่ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเรา
เมื่อถามว่า หมายถึงผู้สังเกตการณ์ที่จะส่งมาในพื้นที่ ต้องชะลอไปก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวนี้ต้องตกลงเรื่องพื้นที่ให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าจีบีซี ยังประชุมไม่ได้ ทางรมว.ต่างประเทศ ก็อาจจะคุยได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ ทีโออาร์
** "มาร์ค"เรียก"ประวิตร-กษิต"หารือ
รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) แจ้งว่าที่ประชุมครม.ได้มีการเสนอเอกสารลับ เรื่องแจ้งผลการประชุม คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี หรือ เจซี ครั้งที่ 7 โดยเนื้อหาหลัก เป็นการสรุปผลการประชุม ระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ.54 ที่ เสียมราฐ กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ความร่วมมือบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น กรณีนายฮอนัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการยิง หรือใช้ความรุนแรงกับชาวกัมพูชา ที่เดินทางเข้า มาในเขตไทย โดยหากชาวกัมพูชา กระทำความผิด ขอให้ไทยดำเนินการตามกฎหมาย และมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด ระหว่างเจ้าหน้าที่ 2 ฝ่าย ที่อยู่บริเวณชายแดน สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงขอนำเสนอผลการประชุมดังกล่าวให้ ครม.รับทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ เพื่อสอบถามความเห็นกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้ซักถามถึงความพร้อมของกระทรวงกลาโหม แต่ช่วงนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้ออกจากห้องประชุมไปแล้ว ทำให้ยังไม่ทราบว่า ทางกระทรวงกลาโหม จะไปร่วมประชุมเจบีซี ด้วยหรือไม่
** "ประวิตร"ลั่น "กูไม่ไปหรอก"
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการประชุมครม.จะเริ่มต้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนาย กษิต ภิรมย์ ไปพบ รวมถึงนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปคุยนอกรอบเป็นเวลา 30 นาที ถึงการประชุมร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา คือ การประชุม เจบีซี ที่นายอัษฎา ชัยนาม ประธานเจบีซี เป็นหัวหน้าคณะ และ จีบีซี ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่ หลังจากที่ฝ่ายกระทรวงกลาโหม และผู้นำกองทัพ ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยที่จะจัดประชุมที่อินโดนีเซีย ซึ่งการหารือดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรีนั้น ทำให้การประชุม ครม. ต้องเลื่อนไป 30 นาที
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนที่จะมีประชุมครม. ว่า พล.อ.ประวิตร ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีบางคนที่ได้สอบถามว่า จะไปร่วมประชุมจีบีซี หรือไม่ และทางกองทัพมีท่าทีเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งพล.อ.ประวิตร ตอบว่า " กูไม่ไปหรอก เพราะกัมพูชาเองก็ไม่พร้อม เขาก็ยังเถียงกันอยู่เลยว่า จะคุยกันอย่างไร คุยเรื่องอะไรบ้าง ถึงไป ก็ไม่รู้จะคุยอะไร และเข้าใจว่าพล.อ.เตีย บันห์ ก็ยังไม่ได้เตรียมการว่าจะเอาอะไรไปคุย ดังนั้นถ้าคุยกัน ก็คงส่งเพียงแค่เจ้าหน้าที่ไป แต่ระดับผู้นำกองทัพคงไม่ไปหรอก" แหล่งข่าว อ้างคำพูดของ พล.อ.ประวิตร
** "ชวนนท์"นำทีมถกเจบีซีที่อินโดฯ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตน และนายอัษฎา ชัยนาม ประธาน เจบีซี ฝ่ายไทย พร้อมคณะเตรียมเดินทางไปร่วมประชุมเจบีซี ไทย-กัมพูชา ที่เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ แม้ที่ประชุมรัฐสภามีมติเลื่อนการพิจารณารายงานบันทึกการประชุมเจบีซี ไทย-กัมพูชา 3 ฉบับ ออกไปก่อน แต่จะไม่กระทบต่อการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ ขอย้ำว่า บันทึกผลการประชุมเจบีซี ไม่มีการปักปันเขตแดนใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศของไทย เห็นด้วยกับกรอบการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา จากที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย คือให้ผู้แทนจากอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์ แต่รายละเอียดให้ฝ่ายทหารไทย และกัมพูชา เป็นผู้หารือกันว่าจะเข้ามาอยู่อย่างไร อยู่จุดไหน ทั้งนี้ ไทยยึดหลักอธิปไตย และชั้นความลับทางทหาร
** สภาเลื่อนถกเจบีซีเป็นชัยชนะของปชช.
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า เหตุที่ต้องมีการเลื่อนออกไป จนทำให้ความพยายามของรัฐบาลในการรับรองบันทึกเจบีซี 3 ฉบับ ไม่สำเร็จนั้น เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมาจากการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ที่นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนให้แก่ทั้งประชาชน รวมทั้งส.ส. และส.ว. รวมไปถึงการยื่นหนังสือคัดค้านโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อีก 3 ครั้ง
" หากประเมินสถานการณ์จนถึงขณะนี้ เห็นว่าไม่มีวี่แววที่รัฐบาลจะทำให้ที่ประชุมรัฐสภา จะให้การรับรองได้ทันในสมัยประชุมนี้ ถือว่าเป็นผลสำเร็จของพี่น้องประชาชน ที่ยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" นายประพันธ์ กล่าว
**กองทัพทำถูกที่ไม่ไปถกจีบีซีที่อินโดฯ
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่าขอแสดงความชื่นชมในจุดยืนของกองทัพ ที่ตัดสินใจไม่ไปร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ที่ประเทศอินโดนีเซีย รวมไปถึงยังทราบมาอีกว่า กองทัพ มีจุดยืนที่จะไม่ให้ผู้แทนจากอินโดนีเซีย เข้ามาสังเกตการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
"ช่วงเวลานี้ ถือว่ากองทัพกลายเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนในการปกป้องสถาบัน และป้องกันภัยที่คุกคามความมั่นคงของชาติ โดยที่ ผบ.ทบ.ก็ออกมาระบุว่าจะจัดการกับขบวนการเหล่านี้อย่างเด็ดขาด จึงขอเรียกร้องไปถึงกองทัพให้ออกมาแสดงจุดยืนและปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพื่อข่มขู่ให้ขบวนการเหล่านี้หยุดการเคลื่อนไหว" นายประพันธ์ กล่าว
