ศูนย์ข่าวภาคใต้/ASTVผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมวงศ์สานุวงศ์ ทรงห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมกระบี่ระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายเหยื่อเขาพนม เชื่อที่เหลืออีก 6 คนเสียชีวิตแล้ว "นายกฯ" ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม กำชับผู้ว่าฯ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ชาวบ้านแฉเพราะนายทุนรุกป่า-ด่า "สุเทพ"ไม่แจกข่าว "เมืองคอน" ยังไม่พ้นวิกฤต น้ำทะลักท่วมซ้ำอีกจระเข้โผล่ขึ้นหลังคาชาวบ้านผวา-รพ.ท่าศาลาปิดบริการรอบสอง ยอดตายพุ่ง 15 ศพ
วานนี้ (31 มี.ค.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ประสบปัญหาอุทกภัยเพื่อตรวจเยี่ยมและนำสิ่งของไปบรรเทาทุกข์
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเข้าไปดูแลเรื่องการบริหารจัดการของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้มีการจัดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มเกิดอุทกภัย โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่า มี 8 จังหวัด 10 อำเภอ ซึ่งรวมประชาชนกว่าหลายแสนคนที่ได้รับความเดือดร้อน
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านทรงเป็นห่วงประชาชนและพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งพระองค์ท่านทรงพระราชเงินส่วนหนึ่งผ่านสภากาชาดไทย และผมคิดว่า พระองค์ท่านคงส่งความห่วงใยไปถึงประชาชนทุกคนที่ยากลำบากในขณะนี้ และในส่วนของราชวงศ์อื่นๆ ด้วยทุกพระองค์ก็เป็นห่วง เพราะเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นความเดือดร้อนในระยะยาวและอีกเรื่องหนึ่งที่พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงคือ อาชีพของประชาชนที่ทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ซึ่งอาจจะเสียหายมากซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอนาคตด้วย จึงอยากให้ทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านและฝากให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจรวมทั้งส่งเงินทอง ใครที่มีแรงมากก็ส่งมากหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
**นายกฯบินกระบี่ตรวจดินถล่มหน้าเขา
เวลา 12.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) น.ส.อัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกฯ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯนั่งเครื่องบินออกจากกองการบิน กรมการขอส่งทหารบก กองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเหตุการณ์ภับพิบัติดินถล่ม หมู่ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่
พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการค้นหาศพ พร้อมกับเดินทางเข้าวัดถ้ำโกบ เพื่อทำการคาราวะศพผู้เสียชีวิต ด้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพภายในวัด พร้อมกับเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่พักอยู่ภายในวัดดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความห่วงใย พร้อมกับมอบหมายให้นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้ดูแลในเรื่องของการช่วยเหลือต่อไป
หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางกลับมาในค่ำวันเดียวกัน เพื่อเข้าร่วมในรายการพิเศษรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ที่ช่อง 9 ในเวลา 21.00 น.
**กระบี่ระดมพลค้นหาผู้สูญหาย
ด้านนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม ที่ถูกดินโคลนถล่ม ทับบ้านเรือนชาวบ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ข้อเท็จจริงก็คือจากการสืบสวนหาข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สูญหาย 6 ราย บาดเจ็บ 24 ราย บ้านเรือนเสียหาย 17 หลัง พื้นที่ทางการเกษตร เสียหายประมาณ 200 ไร่ ซึ่งต่างกับที่มีข่าวออกไปว่ามีผู้สูญหายนับร้อยราย และเสียชีวิตจำนวนมาก
สำหรับผู้สูญหายทั้ง 6 รายที่ยังค้นหาไม่เจอนั้นทางศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดกระบี่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยนาวิกโยธิน ที่ 411 ทหารจาก ร 15 พัน 1 และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร รวมกว่า 120 นายออกค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบผู้สูญหายทั้ง 6 ราย
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและดินถล่มนั้น ในเบื้องต้นทางจังหวัดได้จัดส่งข้าวสารอาหารแห้ง รวมทั้งเครื่องใช้ที่จำเป็นที่ได้รับบริจาคนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนการช่วยเหลือในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในขณะนี้นั้น ทางจังหวัดได้จัดเป็นศูนย์อพยพผู้ประสบภัยให้ที่วัดถ้ำโกบ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจนสามารถอพยพประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นผู้ที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังทางจังหวัดจะจ่ายเงินชดเชยให้รายละ 50,000 บาท
**ระดม จนท.ทหารค้นหาผู้สูญหาย
ทาง พ.อ.ทิม เรือนโต ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปสนับสนุนกำลังพลประมาณ 232 นายเพื่อเร่งอพยพและช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เขาพนม อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาได้นำรถผลิตกระแสไฟเข้าไปเพื่อใช้เป็นไฟส่องสว่างให้กับชาวบ้านที่ศูนย์อพยพชั่วคราว พร้อมกับได้มีการร่วมวางแผนการปฎิบัติการค้นหาผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่คาดว่าอาจมีมากกว่า 100 คนอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ระดับน้ำเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นจนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ศูนย์กลางที่ประสบภัยได้แล้ว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในการเข้าพื้นที่นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งอาจทำให้การช่วยเหลืออาจไม่ทั่วถึง เบื้องต้นจึงต้องเน้นการบูรณาการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายในระดับพื้นที่เพื่องานการให้ช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วทั้งทางรถยนต์ เรือและการเดินเท้าเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจสถานการณ์เบื้องต้นแล้วเพื่อความปลอดภัยหากเกิดกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนสุนัขดมกลิ่นเข้าไปร่วมสมทบกับทีมค้นหาด้วยอีก15 ตัว ทั้งนี้ภารกิจของทหารตลอดทั้งวันนี้จะเน้นการเปิดทางเพื่อให้หน่วยงานต่างๆสามารถเข้าพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น หลังจากที่เส้นทางหลายแห่งถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ทำให้ไม่สามารถเดินทางผ่านไปมาได้ ขณะเดียวกันภารกิจสำคัญที่ต้องปฎิบัติการควบคู่กันคือ การเร่งหาและช่วยเหลือผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย
**พบอีก 2 ศพติดอยู่กับท่อนซุง
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ อส.กว่า 150 นายได้ทำการเดินเท้าปูพรมค้นหาผู้เสียชีวิตที่คาดว่ายังติดอยู่ใต้โคลน ในบริเวณที่เกิดเหตุบ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จากการเดินเท้าค้นหาของเจ้าหน้าที่พบ รถกระบะ สภาพพังเสียหายย่อยยับ 5 คัน และจากการใช้เวลาในการค้นหาประมาณ 2 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ได้พบศพติดอยู่กับท่อนซุง 2 ศพ ชาย 1 คน หญิง 1 คน สภาพติดโคลนเต็มตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้เลื่อยยนต์ตัดท่อนซุงเพื่อนำเอาศพออกมาด้วยความทุลักทุเลและได้ทำการค้นหาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผู้สูญหายอีก 4 คนนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะออกค้นหาในบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งฟหนึ่งในวันนี้ (1เม.ย.)
**เชื่ออีก 6 ที่สูญหายเสียชีวิตแล้ว
นายมเนาว์ ศรีชาย นายก อบต.หน้าเขา อ.เขาพนม เปิดเผยว่า "วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ทางหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ระดมกำลังช่วยกันต้นหาผู้ที่สูญหาย และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ของหมู่ที่ 7 บ้านต้นหาร (หมู่บ้านที่เกิดเหตุ) ซึ่งขณะนี้ได้พบผู้เสียชีวิตที่แน่นอนแล้ว 4 ศพ โดยพบเมื่อวานนี้ 2 ศพและวันนี้อีก 2 ศพ แต่ยืนยันว่า ยังมีผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ใต้โคลนตมมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ยังมีผู้ที่สูญหาย 6 คนที่ยังหาไม่พบน่าจะเสียชีวิตหมดแล้ว ระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาที่ทางหน่วยงานต่างๆ ได้ระดมลงไปในพื้นที่ต่างก็ได้ระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว สภาพในหมู่บ้านก็ยังเต็มไปด้วยท่อนซุง ดินโคลน"
**ชุดค้นหาเผยตาย5หาย5เจ็บ40
ด้านนายวิสุทธิวงศ์ อนันตพงศ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ หัวหน้าทีมชุดค้นหาผู้สูญหายกรณีน้ำและดินโคลนถล่มเขาพนม เปิดเผยว่า หลังจากได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลนและเศษซากไม้ที่ปรักหักพักทับถมกันจำนวนมากทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาผู้รอดเสียชีวิต ประกอบกับสภาพอากาศในพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยนัก เพราะฟ้าปิดตลอดทั้งวัน และมีบางช่าวงที่ฝนโปรยปรายลงมาแม้จะไม่มากนักก็ตาม
"เบื้องต้นจึงได้หยุดการค้นหาผู้สูญหายในเวลา 16.00 น.เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีไฟส่องสว่างทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยจะเริ่มการค้นหาผู้สูญหายที่มีตัวเลขยืนยันชัดเจนอีก 5 รายที่เหลือในวันนี้ (1)ต่อไป ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้ยืนยันแล้ว 5 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 40 รายแต่ส่วนใหญ่เป็นการบาดเจ็บเล็กน้อยทำให้ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ไม่ประสงค์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยได้ขอกลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวที่ศูนย์อพยพทั้ง 3 แห่งในพื้นที่ อ.เขาพนม เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าเมื่อได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว"
**เด็ก11ขวบฝ่าน้ำป่าช่วยน้อง2ขวบ
ด.ช.จักรกฤษ ชูศรี อายุ 11 ปี ได้เล่าเหตุการณ์ดินโคลนภูเขาถล่มในพื้นที่ ต.หน้าเขา อ.เขาพนมว่า หลังเกิดน้ำป่าดินโคลนทุกคนพากันวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน เมื่อตนลุกขึ้นยืนได้เห็นน้องชายวัย 2 ขวบเศษถูกกกระแสน้ำป่าและดินโคลนซัดมาติดซากท่อนไม้โดยมีกิ่งไม้ขนาดเล็กอัดหนีบไว้ จึงได้เดินฝ่าแรงน้ำและดินโคลนเข้าไปช่วยเหลือน้องชาย จากนั้นอุ้มน้องชายเดินฝ่าออกมาจนปลอดภัย ก่อนที่จะมีคนมาช่วยนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขาพนม
สำหรับตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาขวา แผ่นหลัง และใบหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นรอยถลอก ขูดขีด จากซากท่อนไม้ เศษไม้ที่ถูกน้ำและดินโคลนซัดลงมา ขณะที่น้องชายศีรษะแตก มีแผลที่มือซ้าย ใบหน้า และที่บริเวณต้นขาขวา แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จึงอยากขอบคุณผู้ที่ให้การช่วยเหลือในวันนั้นด้วยที่ได้นำพามาส่งโรงพยาบาล
**ชาวบ้านแฉนายทุนรุกป่าจนภูเขาถล่ม
นางละเอียด พุตศรี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 7 บ้านต้นหาร เล่านาทีระทึกว่า ขณะที่ตนอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกสาว ลูกเขย และหลานทั้งหมด 5 คน ก็ได้ยิดเสียงดังมาจากยอดเขา แต่ก็ไม่ได้สะเอะใจอะไร จากนั้นเพียงไม่กีนาที ทั้งน้ำ ทั้งท่อนซุง ทั้งหินก็เทลงมา ลูกสาว คือ นางสุปราณี รักเมือง และนายถานิตย์ รักเมือง ได้จับลูกอายุ 4 ขวบ 1 คนวิ่งหนี แต่นายถานิตย์ กับลูกได้ถูกโคลนซัด ไปคนละทิศคนละทางหายไปตามกระแสน้ำไม่ได้รับรู้ชะตากรรมว่าสมาชิกในครอบครัวมีใครรอดชีวิตหรือไม่
แต่หลังจากที่ได้ค้นหาก็ได้พบสมาชิกทุกคนรอดชีวิตทั้งหมด ขณะนี้ทั้งลูกและหลาน นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขาพนม ส่วนลูกเขยนั้นอาการสาหัส เพราะว่าถูกท่อนซุงกระแทกบริเวณลำตัว
"สาเหตุที่สำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เพราะว่า บนภูเขาด้านบน ได้มีการบุกรุกตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก น้ำที่ลงมาจากยอดเขาถ้าหากว่ามันเป็นน้ำแต่เพียงอย่างเดียว ความเสียหายมันจะไม่มากอย่างนี้ แต่สภาพที่เห็นมันเป็นท่อนซุง ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ลงมากับน้ำเป็นจำนวนมาก" นางละเอียด กล่าว
**เมืองคอนยังไม่คลี่คลาย-ยอดตาย15
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราชวานนี้ ยังเต็มไปด้วยความสับสนเนื่องจากความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่ฝนได้หยุดตกตั้งเที่ยงคืนที่ผ่านมา (30) อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่ตลอดเวลา และมีฝนเริ่มโปรยปรายมาตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวานนี้ ในขณะที่ระดับน้ำหลายจุดยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตัวเมืองนครศรีธรรมราชฝั่งตะวันออก และพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 4 อำเภอริมชายฝั่งทะเล การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากอุปสรรคสำคัญคือน้ำทะเลหนุนประกอบกับน้ำจากเทือกเขาหลวงจำนวนมหาศาลที่ถ่ายเทลงมาอย่างต่อเนื่องผ่านตัวเมืองชั้นกลาง
ขณะเดียวกันความเสียหายระดับน้ำในพื้นที่หลายจุดโดยเฉพาะ ต.เสาเภา สูงมากในหลายหมู่บ้าน บางหมู่บ้านมิดหลังคาชั้นสอง ถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี เป็นอัมพาตไม่สามารถสัญจรไปมาได้เพราะมีน้ำท่วมบนถนนระดับสูง 1-2 เมตรหลายจุด โดยเฉพาะในเขต อ.ท่าศาลา อ.สิชล น้ำท่วมถนนสูงหลายจุด ทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางต้องนำแผงมากั้นไม่ให้รถผ่านเป็นระยะๆ ทำให้ทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความสับสนจากเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกันมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วร่วม 15ราย
**รพ.ท่าศาลาอ่วมซ้ำหลังนายกฯกลับ
สำหรับที่โรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังและตรวจความหายที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ กระแสน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอีกครั้งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลา 12.00 น.ของวานนี้ โดยระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรบางจุดมิดศีรษะ ท่วมสูงจนพ้นถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานีจนต้องปิดการจราจร ทำให้แพทย์พยาบาลต้องหยุดให้บริการอย่างสิ้นเชิงหลังจากเปิดบริการมาได้เพียง 20-30 เปอร์เซ็นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง
นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.โรงพยาบาลท่าศาลา เผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจุดที่นายกฯมานั้นสูงในระดับสะเอว ระบบห้องทำฟันที่กำลังซ่อมเสียหายทั้งหมดอีกแล้ว ช่างต่อเริ่มนับ 1 ใหม่ตอนนี้จึงปิดร้อยเปอร์เซ็นอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ปกติส่วนผู้ป่วยนั้นต้องขออภัยในความไม่สะดวกจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลสิชล และมหาราช นครศรีธรรมราช หรือโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธก่อน
**จระเข้ยังพล่านทั่วเมืองคอน
เวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบจระเข้ตัวเขื่องขึ้นไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านในชุมชนบ่อทรัพย์ ริมถนนศรีธรรมราช ที่ถูกท่วมสูงกว่าสองเมตร บางจุดมิดหลังคาโดยได้ไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านของนายสถาพร โสภิณ ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าว
นายสถาพร เจ้าของบ้านเผยว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่บนชั้น 2 ภายในบ้านได้ยินเสียงไก่ร้องดังผิดปกติ จึงรีบมาดุที่หน้าต่างพบจระเข้ตัวหนึ่งนอนบนหลังคาบ้านใกล้กับสุนัข ซึ่งหนีน้ำท่วมมานอนอยู่บนหลังคาเดียวกัน เมื่อเห็นจึงตะโกนให้เพื่อนที่มีอาวุธปืนยิงใส่เข้าบริเวณปาก 1 นัด ซึ่งจระเข้ตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บแต่กระโจนลงน้ำหลบหนีไปได้
หลังจากทราบข่าวชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณชุมชนต่างก็ทยอยนำลูกหลาน เด็กขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนนและไม่กล้าลงไปเล่นน้ำอีก นอกจากนั้นยังพบว่ามีการพบเห็นจระเข้อีกหลายจุดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปค้นหาด้วยสภาพที่น้ำท่วมสูงทำให้จระเข้หนีไปอย่างรวดเร็วยากต่อการจับกุม โดยหลังจากนี้หากพบเห็นเจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธปืนยิงทันที
**น้ำท่วมรพ.สุราษฏร์คนป่วยหนีวุ่น
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลายพื้นที่น้ำยังท่วมสูงโดยทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พุนพิน อ.พระแสง เพราะระดับน้ำท่วมสูงมากกว่า 2 เมตร ขณะเดียวกันในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ก็ได้แจ้งเตือนเรื่องการงดปล่อยน้ำประปาชั่วคราวเช่นกัน
ขณะเดียวกันน้ำได้ทะลักท่วมโรงพยาบาลท่าโรงช้าง อ.พุนพิน สูงกว่า 1 เมตร ทำคนป่วย 80 รายหนีวุ่น ขณะที่อุปกรณ์การแพทย์จมน้ำ ด้านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานเฮลิคอปเตอร์โรงพยาบาลกรุงเทพร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินลำเลียงคนป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
**ชาวบ้านโวย"สุเทพ"ไม่แจกข้าว
เวลา 17.30 น.ระหว่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีลงเรือท้องแบนตรวจน้ำท่วมบริเวณตลาดสดเทศบาลท่าข้ามที่อยู่ริมแม่น้ำตาปี อ.พุนพิน ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนราว 2 หมื่นคน ปรากฏว่าในระหว่างที่นายสุเทพ นั่งเรือขากลับนั้นได้มีชาวบ้านเป็นชายอายุ 50-60 ปีได้ตะโกนต่อว่านายสุเทพ ด้วยเสียงอันดังว่า “มาทำไม ถ้ามาแล้วไม่เอาข้าวมาแจกแล้วไม่ต้องมา“
ทำให้นายสุเทพ ถึงกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีและได้ตะโกนตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะจัดข้าวกล่องมาแจก“ จากนั้นจึงหันไปหารือกับนายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม โดยระบุว่า ในเบื้องต้นนายสุเทพจะขอรับผิดชอบแจกข่าวกล่อง 3 พันกล่อง จากนั้นจะให้ทางจังหวัดรับผิดชอบในส่วนที่เหลือ ในระหว่างนี้ก็จะได้ให้นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ช่วยดูแลรับผิดชอบอีกแรง
**ปภ.ตรังสรุปน้ำท่วมรวม10อำเภอ
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมอีกหลายจังหวัดเช่น จ.ระนอง ชุมพร พัทลุง ฯลฯ สถานการณ์บางพื้นที่เร่มคลี่คลาย โดยเฉพาะที่ จ.ตรัง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัดรวม 10 อำเภอ 68 ตำบล 499 หมู่บ้าน 5 เทศบาล ราษฎรประสบภัย 28,435 ครัวเรือน 51,865 คน
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในช่วงต่อไประดับน้ำในพื้นที่แนวเทือกเขาบรรทัด บริเวณ อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มสูงขึ้นในบริเวณลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตรังของ อ.วังวิเศษ อ.เมืองตรัง อ.สิเกา อ.กันตัง ซึ่งรับน้ำจากแนวเทือกเขาบรรทัด และจาก จ.นครศรีธรรมราช
คปภ.เผยประกันชั้นหนึ่งจ่ายเต็ม
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำหรับผู้ได้รับความเสียหายจากอุกภัยเบื้องต้นขอให้ประชาชนตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่ามีความคุ้มครองอะไรบ้าง โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองน้ำท่วมหลักมีดังนี้1) การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้ความคุ้มครองตัวรถคันเอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปของมูลค่ารถ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัย
2) การประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มและการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินจะได้รับความคุ้มครองตามความเสียหายตามที่ระบุไว้ในตัวกรมธรรม์
ทั้งนี้ ในปัจจุบันภัยทางธรรมชาติได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง โดยไม่สามารถป้องกันความสูญเสียได้ทันท่วงที ดังนั้น หากประชาชนจัดทำประกันภัยไว้ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ โดยอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เช่น การซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติ 4 ภัยสำหรับที่อยู่อาศัย(น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว และลูกเห็บ) มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัยอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 0.015-0.15 ของทุนประกันภัย หรือคิดเป็นค่าเบี้ยประกันภัยประมาณ 15 - 150 บาท ต่อทุนเอาประกันภัย 100,000 บาท เป็นต้น
วานนี้ (31 มี.ค.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ประสบปัญหาอุทกภัยเพื่อตรวจเยี่ยมและนำสิ่งของไปบรรเทาทุกข์
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเข้าไปดูแลเรื่องการบริหารจัดการของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้มีการจัดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มเกิดอุทกภัย โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่า มี 8 จังหวัด 10 อำเภอ ซึ่งรวมประชาชนกว่าหลายแสนคนที่ได้รับความเดือดร้อน
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านทรงเป็นห่วงประชาชนและพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ ซึ่งพระองค์ท่านทรงพระราชเงินส่วนหนึ่งผ่านสภากาชาดไทย และผมคิดว่า พระองค์ท่านคงส่งความห่วงใยไปถึงประชาชนทุกคนที่ยากลำบากในขณะนี้ และในส่วนของราชวงศ์อื่นๆ ด้วยทุกพระองค์ก็เป็นห่วง เพราะเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นความเดือดร้อนในระยะยาวและอีกเรื่องหนึ่งที่พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงคือ อาชีพของประชาชนที่ทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ซึ่งอาจจะเสียหายมากซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอนาคตด้วย จึงอยากให้ทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านและฝากให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจรวมทั้งส่งเงินทอง ใครที่มีแรงมากก็ส่งมากหน่อย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
**นายกฯบินกระบี่ตรวจดินถล่มหน้าเขา
เวลา 12.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) น.ส.อัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกฯ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯนั่งเครื่องบินออกจากกองการบิน กรมการขอส่งทหารบก กองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเหตุการณ์ภับพิบัติดินถล่ม หมู่ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่
พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการค้นหาศพ พร้อมกับเดินทางเข้าวัดถ้ำโกบ เพื่อทำการคาราวะศพผู้เสียชีวิต ด้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพภายในวัด พร้อมกับเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยที่พักอยู่ภายในวัดดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความห่วงใย พร้อมกับมอบหมายให้นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นผู้ดูแลในเรื่องของการช่วยเหลือต่อไป
หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางกลับมาในค่ำวันเดียวกัน เพื่อเข้าร่วมในรายการพิเศษรับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ที่ช่อง 9 ในเวลา 21.00 น.
**กระบี่ระดมพลค้นหาผู้สูญหาย
ด้านนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ ม.7 บ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม ที่ถูกดินโคลนถล่ม ทับบ้านเรือนชาวบ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ข้อเท็จจริงก็คือจากการสืบสวนหาข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สูญหาย 6 ราย บาดเจ็บ 24 ราย บ้านเรือนเสียหาย 17 หลัง พื้นที่ทางการเกษตร เสียหายประมาณ 200 ไร่ ซึ่งต่างกับที่มีข่าวออกไปว่ามีผู้สูญหายนับร้อยราย และเสียชีวิตจำนวนมาก
สำหรับผู้สูญหายทั้ง 6 รายที่ยังค้นหาไม่เจอนั้นทางศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดกระบี่ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยนาวิกโยธิน ที่ 411 ทหารจาก ร 15 พัน 1 และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร รวมกว่า 120 นายออกค้นหาต่อไป จนกว่าจะพบผู้สูญหายทั้ง 6 ราย
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและดินถล่มนั้น ในเบื้องต้นทางจังหวัดได้จัดส่งข้าวสารอาหารแห้ง รวมทั้งเครื่องใช้ที่จำเป็นที่ได้รับบริจาคนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนการช่วยเหลือในเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ไม่มีที่อยู่ในขณะนี้นั้น ทางจังหวัดได้จัดเป็นศูนย์อพยพผู้ประสบภัยให้ที่วัดถ้ำโกบ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจนสามารถอพยพประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นผู้ที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังทางจังหวัดจะจ่ายเงินชดเชยให้รายละ 50,000 บาท
**ระดม จนท.ทหารค้นหาผู้สูญหาย
ทาง พ.อ.ทิม เรือนโต ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 จ.กระบี่ เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปสนับสนุนกำลังพลประมาณ 232 นายเพื่อเร่งอพยพและช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เขาพนม อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาได้นำรถผลิตกระแสไฟเข้าไปเพื่อใช้เป็นไฟส่องสว่างให้กับชาวบ้านที่ศูนย์อพยพชั่วคราว พร้อมกับได้มีการร่วมวางแผนการปฎิบัติการค้นหาผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่คาดว่าอาจมีมากกว่า 100 คนอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ระดับน้ำเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นจนทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ศูนย์กลางที่ประสบภัยได้แล้ว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าในการเข้าพื้นที่นั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งอาจทำให้การช่วยเหลืออาจไม่ทั่วถึง เบื้องต้นจึงต้องเน้นการบูรณาการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายในระดับพื้นที่เพื่องานการให้ช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วทั้งทางรถยนต์ เรือและการเดินเท้าเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจสถานการณ์เบื้องต้นแล้วเพื่อความปลอดภัยหากเกิดกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนสุนัขดมกลิ่นเข้าไปร่วมสมทบกับทีมค้นหาด้วยอีก15 ตัว ทั้งนี้ภารกิจของทหารตลอดทั้งวันนี้จะเน้นการเปิดทางเพื่อให้หน่วยงานต่างๆสามารถเข้าพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น หลังจากที่เส้นทางหลายแห่งถูกน้ำกัดเซาะจนขาด ทำให้ไม่สามารถเดินทางผ่านไปมาได้ ขณะเดียวกันภารกิจสำคัญที่ต้องปฎิบัติการควบคู่กันคือ การเร่งหาและช่วยเหลือผู้ที่สูญหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย
**พบอีก 2 ศพติดอยู่กับท่อนซุง
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ อส.กว่า 150 นายได้ทำการเดินเท้าปูพรมค้นหาผู้เสียชีวิตที่คาดว่ายังติดอยู่ใต้โคลน ในบริเวณที่เกิดเหตุบ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จากการเดินเท้าค้นหาของเจ้าหน้าที่พบ รถกระบะ สภาพพังเสียหายย่อยยับ 5 คัน และจากการใช้เวลาในการค้นหาประมาณ 2 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ได้พบศพติดอยู่กับท่อนซุง 2 ศพ ชาย 1 คน หญิง 1 คน สภาพติดโคลนเต็มตัว เจ้าหน้าที่ได้ใช้เลื่อยยนต์ตัดท่อนซุงเพื่อนำเอาศพออกมาด้วยความทุลักทุเลและได้ทำการค้นหาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผู้สูญหายอีก 4 คนนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะออกค้นหาในบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้งฟหนึ่งในวันนี้ (1เม.ย.)
**เชื่ออีก 6 ที่สูญหายเสียชีวิตแล้ว
นายมเนาว์ ศรีชาย นายก อบต.หน้าเขา อ.เขาพนม เปิดเผยว่า "วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ทางหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ระดมกำลังช่วยกันต้นหาผู้ที่สูญหาย และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ของหมู่ที่ 7 บ้านต้นหาร (หมู่บ้านที่เกิดเหตุ) ซึ่งขณะนี้ได้พบผู้เสียชีวิตที่แน่นอนแล้ว 4 ศพ โดยพบเมื่อวานนี้ 2 ศพและวันนี้อีก 2 ศพ แต่ยืนยันว่า ยังมีผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ใต้โคลนตมมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ยังมีผู้ที่สูญหาย 6 คนที่ยังหาไม่พบน่าจะเสียชีวิตหมดแล้ว ระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาที่ทางหน่วยงานต่างๆ ได้ระดมลงไปในพื้นที่ต่างก็ได้ระดมกำลังค้นหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว สภาพในหมู่บ้านก็ยังเต็มไปด้วยท่อนซุง ดินโคลน"
**ชุดค้นหาเผยตาย5หาย5เจ็บ40
ด้านนายวิสุทธิวงศ์ อนันตพงศ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ หัวหน้าทีมชุดค้นหาผู้สูญหายกรณีน้ำและดินโคลนถล่มเขาพนม เปิดเผยว่า หลังจากได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลนและเศษซากไม้ที่ปรักหักพักทับถมกันจำนวนมากทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาผู้รอดเสียชีวิต ประกอบกับสภาพอากาศในพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยนัก เพราะฟ้าปิดตลอดทั้งวัน และมีบางช่าวงที่ฝนโปรยปรายลงมาแม้จะไม่มากนักก็ตาม
"เบื้องต้นจึงได้หยุดการค้นหาผู้สูญหายในเวลา 16.00 น.เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีไฟส่องสว่างทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยจะเริ่มการค้นหาผู้สูญหายที่มีตัวเลขยืนยันชัดเจนอีก 5 รายที่เหลือในวันนี้ (1)ต่อไป ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้ยืนยันแล้ว 5 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 40 รายแต่ส่วนใหญ่เป็นการบาดเจ็บเล็กน้อยทำให้ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ไม่ประสงค์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยได้ขอกลับไปอยู่ร่วมกับครอบครัวที่ศูนย์อพยพทั้ง 3 แห่งในพื้นที่ อ.เขาพนม เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าเมื่อได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว"
**เด็ก11ขวบฝ่าน้ำป่าช่วยน้อง2ขวบ
ด.ช.จักรกฤษ ชูศรี อายุ 11 ปี ได้เล่าเหตุการณ์ดินโคลนภูเขาถล่มในพื้นที่ ต.หน้าเขา อ.เขาพนมว่า หลังเกิดน้ำป่าดินโคลนทุกคนพากันวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน เมื่อตนลุกขึ้นยืนได้เห็นน้องชายวัย 2 ขวบเศษถูกกกระแสน้ำป่าและดินโคลนซัดมาติดซากท่อนไม้โดยมีกิ่งไม้ขนาดเล็กอัดหนีบไว้ จึงได้เดินฝ่าแรงน้ำและดินโคลนเข้าไปช่วยเหลือน้องชาย จากนั้นอุ้มน้องชายเดินฝ่าออกมาจนปลอดภัย ก่อนที่จะมีคนมาช่วยนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขาพนม
สำหรับตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาขวา แผ่นหลัง และใบหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นรอยถลอก ขูดขีด จากซากท่อนไม้ เศษไม้ที่ถูกน้ำและดินโคลนซัดลงมา ขณะที่น้องชายศีรษะแตก มีแผลที่มือซ้าย ใบหน้า และที่บริเวณต้นขาขวา แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จึงอยากขอบคุณผู้ที่ให้การช่วยเหลือในวันนั้นด้วยที่ได้นำพามาส่งโรงพยาบาล
**ชาวบ้านแฉนายทุนรุกป่าจนภูเขาถล่ม
นางละเอียด พุตศรี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 7 บ้านต้นหาร เล่านาทีระทึกว่า ขณะที่ตนอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกสาว ลูกเขย และหลานทั้งหมด 5 คน ก็ได้ยิดเสียงดังมาจากยอดเขา แต่ก็ไม่ได้สะเอะใจอะไร จากนั้นเพียงไม่กีนาที ทั้งน้ำ ทั้งท่อนซุง ทั้งหินก็เทลงมา ลูกสาว คือ นางสุปราณี รักเมือง และนายถานิตย์ รักเมือง ได้จับลูกอายุ 4 ขวบ 1 คนวิ่งหนี แต่นายถานิตย์ กับลูกได้ถูกโคลนซัด ไปคนละทิศคนละทางหายไปตามกระแสน้ำไม่ได้รับรู้ชะตากรรมว่าสมาชิกในครอบครัวมีใครรอดชีวิตหรือไม่
แต่หลังจากที่ได้ค้นหาก็ได้พบสมาชิกทุกคนรอดชีวิตทั้งหมด ขณะนี้ทั้งลูกและหลาน นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขาพนม ส่วนลูกเขยนั้นอาการสาหัส เพราะว่าถูกท่อนซุงกระแทกบริเวณลำตัว
"สาเหตุที่สำคัญที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เพราะว่า บนภูเขาด้านบน ได้มีการบุกรุกตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก น้ำที่ลงมาจากยอดเขาถ้าหากว่ามันเป็นน้ำแต่เพียงอย่างเดียว ความเสียหายมันจะไม่มากอย่างนี้ แต่สภาพที่เห็นมันเป็นท่อนซุง ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ลงมากับน้ำเป็นจำนวนมาก" นางละเอียด กล่าว
**เมืองคอนยังไม่คลี่คลาย-ยอดตาย15
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราชวานนี้ ยังเต็มไปด้วยความสับสนเนื่องจากความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่ฝนได้หยุดตกตั้งเที่ยงคืนที่ผ่านมา (30) อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่ตลอดเวลา และมีฝนเริ่มโปรยปรายมาตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวานนี้ ในขณะที่ระดับน้ำหลายจุดยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตัวเมืองนครศรีธรรมราชฝั่งตะวันออก และพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง 4 อำเภอริมชายฝั่งทะเล การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากอุปสรรคสำคัญคือน้ำทะเลหนุนประกอบกับน้ำจากเทือกเขาหลวงจำนวนมหาศาลที่ถ่ายเทลงมาอย่างต่อเนื่องผ่านตัวเมืองชั้นกลาง
ขณะเดียวกันความเสียหายระดับน้ำในพื้นที่หลายจุดโดยเฉพาะ ต.เสาเภา สูงมากในหลายหมู่บ้าน บางหมู่บ้านมิดหลังคาชั้นสอง ถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี เป็นอัมพาตไม่สามารถสัญจรไปมาได้เพราะมีน้ำท่วมบนถนนระดับสูง 1-2 เมตรหลายจุด โดยเฉพาะในเขต อ.ท่าศาลา อ.สิชล น้ำท่วมถนนสูงหลายจุด ทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางต้องนำแผงมากั้นไม่ให้รถผ่านเป็นระยะๆ ทำให้ทั่วทั้งจังหวัดเต็มไปด้วยความสับสนจากเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกันมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วร่วม 15ราย
**รพ.ท่าศาลาอ่วมซ้ำหลังนายกฯกลับ
สำหรับที่โรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังและตรวจความหายที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ กระแสน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอีกครั้งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลา 12.00 น.ของวานนี้ โดยระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรบางจุดมิดศีรษะ ท่วมสูงจนพ้นถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานีจนต้องปิดการจราจร ทำให้แพทย์พยาบาลต้องหยุดให้บริการอย่างสิ้นเชิงหลังจากเปิดบริการมาได้เพียง 20-30 เปอร์เซ็นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง
นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.โรงพยาบาลท่าศาลา เผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจุดที่นายกฯมานั้นสูงในระดับสะเอว ระบบห้องทำฟันที่กำลังซ่อมเสียหายทั้งหมดอีกแล้ว ช่างต่อเริ่มนับ 1 ใหม่ตอนนี้จึงปิดร้อยเปอร์เซ็นอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ปกติส่วนผู้ป่วยนั้นต้องขออภัยในความไม่สะดวกจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลสิชล และมหาราช นครศรีธรรมราช หรือโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธก่อน
**จระเข้ยังพล่านทั่วเมืองคอน
เวลา 11.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบจระเข้ตัวเขื่องขึ้นไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านในชุมชนบ่อทรัพย์ ริมถนนศรีธรรมราช ที่ถูกท่วมสูงกว่าสองเมตร บางจุดมิดหลังคาโดยได้ไปนอนตากอากาศอยู่บนหลังคาบ้านของนายสถาพร โสภิณ ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าว
นายสถาพร เจ้าของบ้านเผยว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่บนชั้น 2 ภายในบ้านได้ยินเสียงไก่ร้องดังผิดปกติ จึงรีบมาดุที่หน้าต่างพบจระเข้ตัวหนึ่งนอนบนหลังคาบ้านใกล้กับสุนัข ซึ่งหนีน้ำท่วมมานอนอยู่บนหลังคาเดียวกัน เมื่อเห็นจึงตะโกนให้เพื่อนที่มีอาวุธปืนยิงใส่เข้าบริเวณปาก 1 นัด ซึ่งจระเข้ตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บแต่กระโจนลงน้ำหลบหนีไปได้
หลังจากทราบข่าวชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณชุมชนต่างก็ทยอยนำลูกหลาน เด็กขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนนและไม่กล้าลงไปเล่นน้ำอีก นอกจากนั้นยังพบว่ามีการพบเห็นจระเข้อีกหลายจุดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปค้นหาด้วยสภาพที่น้ำท่วมสูงทำให้จระเข้หนีไปอย่างรวดเร็วยากต่อการจับกุม โดยหลังจากนี้หากพบเห็นเจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธปืนยิงทันที
**น้ำท่วมรพ.สุราษฏร์คนป่วยหนีวุ่น
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลายพื้นที่น้ำยังท่วมสูงโดยทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พุนพิน อ.พระแสง เพราะระดับน้ำท่วมสูงมากกว่า 2 เมตร ขณะเดียวกันในส่วนของการประปาส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานี ก็ได้แจ้งเตือนเรื่องการงดปล่อยน้ำประปาชั่วคราวเช่นกัน
ขณะเดียวกันน้ำได้ทะลักท่วมโรงพยาบาลท่าโรงช้าง อ.พุนพิน สูงกว่า 1 เมตร ทำคนป่วย 80 รายหนีวุ่น ขณะที่อุปกรณ์การแพทย์จมน้ำ ด้านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานเฮลิคอปเตอร์โรงพยาบาลกรุงเทพร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินลำเลียงคนป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
**ชาวบ้านโวย"สุเทพ"ไม่แจกข้าว
เวลา 17.30 น.ระหว่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีลงเรือท้องแบนตรวจน้ำท่วมบริเวณตลาดสดเทศบาลท่าข้ามที่อยู่ริมแม่น้ำตาปี อ.พุนพิน ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนราว 2 หมื่นคน ปรากฏว่าในระหว่างที่นายสุเทพ นั่งเรือขากลับนั้นได้มีชาวบ้านเป็นชายอายุ 50-60 ปีได้ตะโกนต่อว่านายสุเทพ ด้วยเสียงอันดังว่า “มาทำไม ถ้ามาแล้วไม่เอาข้าวมาแจกแล้วไม่ต้องมา“
ทำให้นายสุเทพ ถึงกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีและได้ตะโกนตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะจัดข้าวกล่องมาแจก“ จากนั้นจึงหันไปหารือกับนายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม โดยระบุว่า ในเบื้องต้นนายสุเทพจะขอรับผิดชอบแจกข่าวกล่อง 3 พันกล่อง จากนั้นจะให้ทางจังหวัดรับผิดชอบในส่วนที่เหลือ ในระหว่างนี้ก็จะได้ให้นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ช่วยดูแลรับผิดชอบอีกแรง
**ปภ.ตรังสรุปน้ำท่วมรวม10อำเภอ
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมอีกหลายจังหวัดเช่น จ.ระนอง ชุมพร พัทลุง ฯลฯ สถานการณ์บางพื้นที่เร่มคลี่คลาย โดยเฉพาะที่ จ.ตรัง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัดรวม 10 อำเภอ 68 ตำบล 499 หมู่บ้าน 5 เทศบาล ราษฎรประสบภัย 28,435 ครัวเรือน 51,865 คน
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในช่วงต่อไประดับน้ำในพื้นที่แนวเทือกเขาบรรทัด บริเวณ อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่จะเพิ่มสูงขึ้นในบริเวณลุ่มริมฝั่งแม่น้ำตรังของ อ.วังวิเศษ อ.เมืองตรัง อ.สิเกา อ.กันตัง ซึ่งรับน้ำจากแนวเทือกเขาบรรทัด และจาก จ.นครศรีธรรมราช
คปภ.เผยประกันชั้นหนึ่งจ่ายเต็ม
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำหรับผู้ได้รับความเสียหายจากอุกภัยเบื้องต้นขอให้ประชาชนตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่ามีความคุ้มครองอะไรบ้าง โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองน้ำท่วมหลักมีดังนี้1) การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้ความคุ้มครองตัวรถคันเอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่าตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไปของมูลค่ารถ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัย
2) การประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มและการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินจะได้รับความคุ้มครองตามความเสียหายตามที่ระบุไว้ในตัวกรมธรรม์
ทั้งนี้ ในปัจจุบันภัยทางธรรมชาติได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง โดยไม่สามารถป้องกันความสูญเสียได้ทันท่วงที ดังนั้น หากประชาชนจัดทำประกันภัยไว้ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ โดยอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เช่น การซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติ 4 ภัยสำหรับที่อยู่อาศัย(น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว และลูกเห็บ) มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัยอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 0.015-0.15 ของทุนประกันภัย หรือคิดเป็นค่าเบี้ยประกันภัยประมาณ 15 - 150 บาท ต่อทุนเอาประกันภัย 100,000 บาท เป็นต้น