นครศรีธรรมราช - “มาร์ค” ได้ลิ้มรสหฤโหดของน้ำท่วมภาคใต้แล้ว เผย เครื่องบินที่นำคณะนายกรัฐมนตรีลงจอดที่สุราษฎร์ธานีตามแผนไม่ได้ ต้องร่อนไปลงสนามบินตรัง แล้วเคลื่อนขบวนเข้าพื้นที่นครฯ โดยเป้าหมายยังอยู่ที่แหลมตะลุมพุก และ รพ.ท่าศาลา ด้านสถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองคอน มีแนวโน้มวิกฤตจะเพิ่มขึ้นไปอีก จากการคาดการณ์ระดับน้ำที่ยังทะลักอยู่บริเวณเทือกเขาหลวง และพื้นที่โดยรอบ ขณะที่ความตื่นตระหนกจากจระเข้ที่เพ่นพ่านอยู่ทั่วเขต อ.เมืองนครฯ ก็ยังไม่คลี่คลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช ว่า วันนี้ (30 มี.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมและฝนตกหนักในพื้นที่ยังน่าห่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ และที่ราบทั่วจังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำจากบริเวณป่าต้นน้ำและที่ราบเชิงเขาได้ไหลบ่าเข้าท่วมขังสมทบกับปริมาณน้ำที่มีอยู่เดิม ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่การระบายน้ำลงสู่ทะเลเป็นไปอย่างลำบากจากสภาพน้ำทะเลหนุน โดยหลายพื้นที่หลายจุดที่ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย
ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานราชการ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์กรต่างๆ ยังคงระดมเข้าให้การช่วยเหลือต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีสภาพอ่อนล้าจากการปฏิบัติงานที่ติดต่อกันมาหลายวัน ขณะที่สื่อมวลชนสาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในพื้นที่พร้อมใจจัดรายการพิเศษ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเป็นสื่อกลางในการแจ้งข่าวสารเรื่องความเดือดร้อนจากประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง กว่า 20 สถานี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด
ขณะที่ตัวเลขความเสียหายจากทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช มียอดความเสียหายแล้วกว่า 300 ล้านบาท ยอดผู้เสียชีวิต 11 ราย เส้นทางได้รับความเสียหายจากดินสไลด์ และน้ำท่วมสูงไม่สามารถสัญจรได้กว่า 10 เส้นทาง ส่วนความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ โดยขอให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้เส้นทางติดตามสถานการณ์ และสอบถามการใช้เส้นทางจากสายด่วน จ.นครศรีธรรมราช 1567 หรือที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นครศรีธรรมราช หมายเลขโทรศัพท์ 0-7534-1204, 0-7536-0129 และ 086-4718943 ก่อนเดินทาง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั่วไปในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ถึงขณะนี้ยังมีรายงานฝนตกหนักในเกือบทุกพื้นที่ ประกอบกับมีลมแรงเป็นช่วงๆ
“มาร์ค” เปลี่ยนแผนลงพื้นที่นครฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ (30 มี.ค.) คณะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนแผนการเดินทางตรวจพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากเครื่องบินไม่สามารถร่อนลงจอดที่สนามบินสุราษฎร์ธานีได้ ต้องบินเลยไปจอดที่สนามบิน จ.ตรัง และเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบินตรังไปทาง อ.ห้วยยอด ลัดเลาะไปตามจุดต่างๆ ที่มีน้ำท่วมเส้นทาง
โดยมีเป้าหมายจุดแรก คือ แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นจะไปยัง รพ.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบความเสียหาย พร้อมพบประชาชนในโรงพยาบาลและบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้กำลังใจ
คาดน้ำจะยังทะลักเข้าเมืองนครฯต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 12.56 น.วันนี้ (30) ระดับน้ำในลำคลองท่าดี ที่เป็นลำคลองสายหลักรับน้ำจากเทือกเขาหลวง มีระดับน้ำสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งเป็นการวัดระดับน้ำผ่านระบบดาวเทียมที่เรียกว่าระบบ SCADA ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งมวลน้ำมหาศาลก้อนนี้ยังจะไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทุกพื้นที่มีระดับสูงอยู่แล้ว ดังนั้น แนวโน้มของระดับน้ำจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับอย่างน่าเป็นห่วง
ขณะเดียวกัน การระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำหลักขนาดใหญ่ในนครศรีธรรมราช 3 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำกะทูน อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส และอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง ระดับน้ำเพิ่มสูงจนเลยปริมาณที่กักเก็บได้แล้ว ปริมาณน้ำมหาศาลได้ทะลักผ่านอาคารระบายน้ำลงสูงด้านล่างของอ่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้เพิ่มน้ำในบริเวณ ต.เขาพระ ต.ยางค้อม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช จนหลายจุดมีระดับน้ำสูงมิดหลังคาแล้ว
ยังมีจระเข้เพ่นพ่านทั่วเมืองคอน
ส่วนความเคลื่อนไหวของการติดตามไล่ล่าจระเข้ โดยเฉพาะของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชนั้น มีการไล่ล่าอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบทั้ง 11 ตัว ซึ่งล่าสุดนั้น มีการยืนยันว่า ที่เหลืออีก 4 ตัวยังคงวนเวียนอยู่ในบึงของสวนสาธารณะ ดังนั้น จึงแน่ชัดว่าจระเข้ของเทศบาลมีจำนวนที่ครบแล้ว และเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถจับจระเข้ได้อีกขนาดประมาณ 1 เมตรเศษ โดยผู้เลี้ยงยืนยันว่าไม่ใช่ที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลอย่างแน่นอน
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้ นายไพโรจน์ มาทยาวุธ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยทีมงานได้จับจระเข้เพิ่มอีก 1 ตัว เป็นจระเข้ขนาด 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 กก.เศษ และเป็นที่แน่ชัดว่าไม่ใช่จระเข้ของเทศบาลอย่างแน่นอน เป็นจระเข้ที่มีการลักลอบเลี้ยง แล้วหลุดออกมาจากจุดใดจุดหนึ่งในย่าน ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช หรือใกล้เคียง
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนในหลายพื้นที่ของ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แจ้งการพบเห็นจระเข้เกือบ 10 จุด แต่ละจุดมีขนาดแตกต่างกัน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนหาแหล่งเลี้ยง เพื่อตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัดที่หลุดออกมา รวมทั้งจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เลี้ยงที่ไม่ขอนุญาตอย่างเฉียบขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช ว่า วันนี้ (30 มี.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมและฝนตกหนักในพื้นที่ยังน่าห่วง โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ และที่ราบทั่วจังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำจากบริเวณป่าต้นน้ำและที่ราบเชิงเขาได้ไหลบ่าเข้าท่วมขังสมทบกับปริมาณน้ำที่มีอยู่เดิม ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่การระบายน้ำลงสู่ทะเลเป็นไปอย่างลำบากจากสภาพน้ำทะเลหนุน โดยหลายพื้นที่หลายจุดที่ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย
ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยงานราชการ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์กรต่างๆ ยังคงระดมเข้าให้การช่วยเหลือต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีสภาพอ่อนล้าจากการปฏิบัติงานที่ติดต่อกันมาหลายวัน ขณะที่สื่อมวลชนสาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในพื้นที่พร้อมใจจัดรายการพิเศษ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเป็นสื่อกลางในการแจ้งข่าวสารเรื่องความเดือดร้อนจากประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง กว่า 20 สถานี ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด
ขณะที่ตัวเลขความเสียหายจากทั้ง 23 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช มียอดความเสียหายแล้วกว่า 300 ล้านบาท ยอดผู้เสียชีวิต 11 ราย เส้นทางได้รับความเสียหายจากดินสไลด์ และน้ำท่วมสูงไม่สามารถสัญจรได้กว่า 10 เส้นทาง ส่วนความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ โดยขอให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้เส้นทางติดตามสถานการณ์ และสอบถามการใช้เส้นทางจากสายด่วน จ.นครศรีธรรมราช 1567 หรือที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นครศรีธรรมราช หมายเลขโทรศัพท์ 0-7534-1204, 0-7536-0129 และ 086-4718943 ก่อนเดินทาง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั่วไปในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ถึงขณะนี้ยังมีรายงานฝนตกหนักในเกือบทุกพื้นที่ ประกอบกับมีลมแรงเป็นช่วงๆ
“มาร์ค” เปลี่ยนแผนลงพื้นที่นครฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ (30 มี.ค.) คณะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนแผนการเดินทางตรวจพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากเครื่องบินไม่สามารถร่อนลงจอดที่สนามบินสุราษฎร์ธานีได้ ต้องบินเลยไปจอดที่สนามบิน จ.ตรัง และเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบินตรังไปทาง อ.ห้วยยอด ลัดเลาะไปตามจุดต่างๆ ที่มีน้ำท่วมเส้นทาง
โดยมีเป้าหมายจุดแรก คือ แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นจะไปยัง รพ.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบความเสียหาย พร้อมพบประชาชนในโรงพยาบาลและบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้กำลังใจ
คาดน้ำจะยังทะลักเข้าเมืองนครฯต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 12.56 น.วันนี้ (30) ระดับน้ำในลำคลองท่าดี ที่เป็นลำคลองสายหลักรับน้ำจากเทือกเขาหลวง มีระดับน้ำสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งเป็นการวัดระดับน้ำผ่านระบบดาวเทียมที่เรียกว่าระบบ SCADA ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งมวลน้ำมหาศาลก้อนนี้ยังจะไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทุกพื้นที่มีระดับสูงอยู่แล้ว ดังนั้น แนวโน้มของระดับน้ำจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับอย่างน่าเป็นห่วง
ขณะเดียวกัน การระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำหลักขนาดใหญ่ในนครศรีธรรมราช 3 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำกะทูน อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส และอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง ระดับน้ำเพิ่มสูงจนเลยปริมาณที่กักเก็บได้แล้ว ปริมาณน้ำมหาศาลได้ทะลักผ่านอาคารระบายน้ำลงสูงด้านล่างของอ่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้เพิ่มน้ำในบริเวณ ต.เขาพระ ต.ยางค้อม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช จนหลายจุดมีระดับน้ำสูงมิดหลังคาแล้ว
ยังมีจระเข้เพ่นพ่านทั่วเมืองคอน
ส่วนความเคลื่อนไหวของการติดตามไล่ล่าจระเข้ โดยเฉพาะของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชนั้น มีการไล่ล่าอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบทั้ง 11 ตัว ซึ่งล่าสุดนั้น มีการยืนยันว่า ที่เหลืออีก 4 ตัวยังคงวนเวียนอยู่ในบึงของสวนสาธารณะ ดังนั้น จึงแน่ชัดว่าจระเข้ของเทศบาลมีจำนวนที่ครบแล้ว และเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถจับจระเข้ได้อีกขนาดประมาณ 1 เมตรเศษ โดยผู้เลี้ยงยืนยันว่าไม่ใช่ที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลอย่างแน่นอน
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันนี้ นายไพโรจน์ มาทยาวุธ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยทีมงานได้จับจระเข้เพิ่มอีก 1 ตัว เป็นจระเข้ขนาด 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 กก.เศษ และเป็นที่แน่ชัดว่าไม่ใช่จระเข้ของเทศบาลอย่างแน่นอน เป็นจระเข้ที่มีการลักลอบเลี้ยง แล้วหลุดออกมาจากจุดใดจุดหนึ่งในย่าน ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช หรือใกล้เคียง
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนในหลายพื้นที่ของ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แจ้งการพบเห็นจระเข้เกือบ 10 จุด แต่ละจุดมีขนาดแตกต่างกัน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนหาแหล่งเลี้ยง เพื่อตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัดที่หลุดออกมา รวมทั้งจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เลี้ยงที่ไม่ขอนุญาตอย่างเฉียบขาด