“เทือก” เผยรัฐบาลกำลังช่วยเหลือเฉพาะหน้าผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้เนื่องจากสถานการณ์ยังหนัก ขณะที่นายกฯ สั่งปรับเกณฑ์จ่ายชดเชย ด้าน “สาทิตย์” รับสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังฝนกระหน่ำไม่หยุดหลายจังหวัด เตรียมประชุม คชอ.วันนี้เพื่อประเมินสถานการณ์ผลกระทบวงกว้าง และอุปสรรค พร้อมงบในการช่วยเหลือ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ รัฐบาลได้ประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่ตลอดในทุกจังหวัดที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจังหวัดใดได้รับความเสียหายมากที่สุด โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (คชอ.) ได้ช่วยเหลือเฉพาะหน้าไป โดยการให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น หรืออาหารที่ปรุงสำเร็จและอาหารแห้ง ส่วนเรือที่มีความต้องการในพื้นที่นั้น ทางกรมป้องกันภัยจังหวัดดูแลอยู่
นอกจากนี้ยังมีกองทัพที่ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือในทุกพื้นที่ ซึ่งผู้ว่าฯ สามารถประสานกับทางกองทัพได้โดยตรงหากต้องการให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือ
สำหรับงบประมาณที่จะนำไปช่วยเหลือนั้น นายสุเทพกล่าวว่า นายสาทิตย์กำลังพิจารณาอยู่ดู ซึ่งเงื่อนไขเดิมที่กำหนดว่าน้ำท่วมเกิน 7 วันถึงจะได้ค่าชดเชยนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้นายสาทิตย์ ไปดูว่าจะสามารถดูแลประชาชนได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากงบประมาณไม่เพียงพอจะนำงบจากส่วนไหนมาช่วย เพราะครั้งที่แล้วก็ไม่พอจนต้องตั้งงบกลางขึ้นมา นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องงบประมาณที่จะนำมาช่วยเหลือประชาชน ตนคิดว่าไม่เป็นปัญหา อยู่ที่ข้อมูลข้อเท็จจริงมากกว่า ต้องรีบทำให้รวดเร็ว
ด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้นั้น เมื่อคืนนี้ได้มีฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรังและกระบี่ และได้มีการยกเลิกเที่ยวบินที่เกาะสมุยเมื่อวานนี้ และสถานการณ์ยังวางใจไม่ได้ โดยเฉพาะอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา น้ำเริ่มท่วมแล้ว ซึ่งการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) วันนี้ (29 มี.ค.) จะประเมินสถานการณ์ผลกระทบน้ำท่วมในวงกว้าง อุปสรรคในการช่วยเหลือ และงบประมาณ มีอุปสรรคขัดข้องหรือไม่ จากนั้นจะนำไปบูรณาการช่วยเหลือต่อไป
สำหรับสิ่งของที่ผู้ประสบภัยต้องการมากขณะนี้ คือ อาหาร และน้ำดื่ม ซึ่งเริ่มมีผู้รับบริจาคแล้ว โดยกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยสำนักนายกรัฐมนตรี จะส่งไปช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 20,000 ชุด พร้อมเรือท้องแบนอีก 300 ลำ และจะเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถอพยพประชาชนได้ทันทีที่เกิดเหตุ