xs
xsm
sm
md
lg

เฮดจ์ฟันด์ลดลงทุนหุ้นไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- บล.ภัทร ชี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัดส่วนต่ำ จากมีความเสี่ยงจากปัจจัยการเมือง-มาตรการควบคุมเงินทุน –ขนาดหุ้นไทยเล็กและมีหุ้นที่ต่างชาติสนใจมีน้อย “จอน”ชี้ เฮดจ์ฟันด์จะมีความสำคัญต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่มากขึ้นในอนาคตเหตุช่วยเพิ่มสภาพคล่อง แนะ ตลาดหุ้นไทยควรหนุนให้ต่างชาติ-นักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนมากขึ้น หรือ ไทยควรตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขึ้นมาเอง
นายจอน วงศ์สวรรค์ ผู้อำนวยการ สายงานค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA กล่าวในงานสัมนา Capital Market Research Forum ครั้งที่4/2554 ในหัวข้อ “Global Hedge Fund Industry Behind the scene” กองทุนเพื่อเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์)ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นมีจำนวนน้อย เนื่องจาก ตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงในเรื่องของปัจจัยทางการเมือง และ ความเสี่ยงจากมาตรการควบคุมเม็ดเงินไหลเข้าออก โดยถึงแม้จะเกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง แต่ที่ในอดีตไทยเคยมีการออกมาตรการดังกล่าวทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์กังวล และตลาดหุ้นไทยมีขนาดที่เล็กโดยมีน้ำหนักในดัชนี MSCI เพียง 3% และตลาดหุ้นไทยมีน้ำหนักในดัชนีMSCIในตลาดหุ้นเกิดใหม่เพียง 1.5%
ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมที่กองทุนเฮดจ์ฟันดสนใจที่จะเข้ามาลงทุนคือ สินค้าเกษตร แต่ในตลาดหุ้นไทยนั้นมีหุ้นเกี่ยวกับสินค้าเกษตรที่น้อย ประกอบกับเกณฑ์ในการกู้ยืมเงินไทยนั้นจะต้องมีการวางเงินสดถึง 120% ของเงินที่มีการกู้ยืมมาในการทำสถานะการซื้อขาย ทำให้ไม่มีความสะดวกในการซื้อขาย ขณะที่ในต่างประเทศนั้นสามารถที่จะนำหุ้นที่มีในพอร์ตมาวางหลักประกันได้
นอกจากนี้และกระบวนการยืมหุ้นมาชอร์ตในเมืองไทยนั้นยังมีจำนวนจำกัด จากที่มีหุ้นจะนำมาให้ยืมไม่มาก และต้นุทนในการยืมหุ้นในเมืองไทยสูงถึง 2.5%-5% ต่อปี ขณะที่ต่างประเทศนั้นต่ำ จากมีหุ้นที่ให้ยืมจำนวนมาก โดยสาเหตุที่ธุรกรรมการยืมและให้ยืมหุ้นในประเทศไทยไม่มีการเติบโต เนื่องจาก ไม่มีระบบกลางในการรวบรวมหุ้นที่นำมาให้ยืม เพื่อที่จะทำให้ทราบว่ามีหุ้นจำนวนเท่าไรที่จะนำมาให้ยืมได้
สำหรับทิศทางการลงทุนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์จากนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่มากขึ้น เนื่องจาก อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมีการเติบดตที่ดีที่สุดในโลก ทำให้จากนี้กองทุนเฮดจ์ฟันด์นั้นจะให้ความสำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเซียมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากจะทำให้ตลาดหุ้นมีสภาพคล่องการซื้อขายที่สูง ซึ่งการเพิ่มสภาพคล่องนั้นจะต้องมีกองทุนหรือนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนหรือ ดังนั้นควรที่จะต้องการจัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของไทยขึ้นมาเอง แต่จะต้องมีการเขียนกฎเกณฑ์การดูแลและคุ้มครองที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ควรที่จะมีการเพิ่มหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตร มากขึ้น เช่น ข้าว ตาล ยาง น้ำมันปาล์ม และควรที่จะมีการปรับปรุงเกณฑ์การวางหลักประกัน รวมถึงควรที่จะมีระบบกลางในการให้บริการยืมหลักทรัพย์ใหมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น