xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติใช้ดอกเบี้ยคุมศก. กดค่าบาทกระตุ้นธุรกิจส่งออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ประสาร" ประกาศนโยบายแบงก์ชาติปี 54 ปีแห่งความสมดุลและเศรษฐกิจโตยั่งยืน เผยใช้ดอกเบี้ยขาขึ้น สกัดเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันต้องดูแลเงินบาทให้อ่อนค่าเอื้อการแข่งขันให้ผู้ส่งออก ระบุจีดีพีโต 3-5% เหมาะสมกับเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะปกติ แนะอย่าตื่นตระหนกหุ้นตก เหตุต่างชาติโยกเงินลงตลาดตราสารหนี้ คาดไม่มีเงินไหลออก ด้านสถาบันการเงินจะเน้นความแข็งแกร่งทั้งแบงก์ ธุรกิจSMEและลูกค้า

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจการเงินของไทยและแนวทางการดำเนินนโยบายของธปท.ในปี 2554 ว่า การสร้างความสมดุลเป็นหัวใจหลักในการดำเนินนโยบายการเงินของปีนี้ โดย ธปท.จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมทั้งด้านราคา การเงิน และเสถียรภาพด้านการคลังพร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจให้มีหลากหลายมิติมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจในการรับความผันผวนต่างๆ

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงมีความจำเป็นในการทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อนำนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ติดลบไม่เป็นระดับที่เอื้อต่อความสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศในภาวะปกติ ส่วนอัตราและขนาดการปรับจะให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านต่างๆ ทั้งจากภายในและนอกประเทศ

ด้านนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ธปท.เข้าใจดีว่าปัจจุบันเศรษฐกิจโลกแบ่งเป็น 2 ขั้ว ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายจะสร้างความผันผวนได้มากกว่าเดิม จึงได้เตรียมความพร้อม 3 ด้านหลัก โดยด้านแรกจัดทำแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งจะมีการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ สำหรับนักลงทุนไทยมากขึ้น ด้านสองจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้าถึงเครื่องมือการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น สุดท้ายในกรณีความไม่แน่นอนของทิศทางค่าเงิน ทำให้ธปท.จำเป็นต้องรัดเข็มขัดนิรภัยไว้ด้วย คือ ได้เตรียมความพร้อมศึกษามาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายไว้ด้วย ซึ่งมีระดับความเข้มงวดที่แตกต่างกันแล้วแต่ความเหมาะสมของสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

นายประสารยอมรับว่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าเท่าปี 2553 ธปท.เห็นว่าปีนี้ต้องสนับสนุนให้เอกชนสามารถแข่งขันกับเพื่อนบ้าน การส่งออกยังคงมีความสำคัญและจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจไทย ส่วนกรณีที่ตลาดหุ้นผันผวนในทิศทางติดลบ เป็นปัจจัยระยะสั้น ไม่ควรตื่นตระหนก เพราเป็นการทำกำไรตามปกติ เงินทุนต่างชาติยังไม่ไหลออกแต่อาจมีการโยกการลงทุนอยู่ในประเทศ

"ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ในตลาดหุ้นมีการขายออกมาต่อเนื่องเฉลี่ย 4-7 พันล้านบาทในแต่ละวัน ในช่วงเวลาเดียวกันนักลงทุนต่างชาติยังให้ความสนใจการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาประมาณ 8 หมื่นล้านบาท" นายประสารกล่าวและว่า เมื่อปีที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่ก็มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (Hedge) ทันที เพราะมองว่าทิศทางเงินบาทแข็งค่าในทิศทางเดียว ฉะนั้นในขณะนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาซื้อตราสารหนี้มากกว่าการขายหุ้น ทำให้โดยรวมมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิอยู่ และยังไม่มีแนวโน้มจะไหลกลับไปยังสหรัฐในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม แม้สุดท้ายแล้วเหตุการณ์เกิดพลิกผันที่นักลงทุนต่างชาตินำเงินทุนไหลออกในปริมาณมากก็เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศไทย เพราะปัจจุบันไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศค่อนข้างสูงไว้รองรับ

ด้านนโยบายในการดูแลสถาบันการเงินมองว่ายังมีความจำเป็นต้องปรับให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ โดยได้กำหนดแนวทางในการดูแล 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.การรักษาความมั่นคงของสถาบันการเงินแต่ละแห่งให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้ในยามเศรษฐกิจผันผวนก็ตาม 2.เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินด้วยการผ่อนปรนเกณฑ์ต่างๆ พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีศูนย์ข้อมูลแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดีขึ้นและ 3.การให้ความคุ้มครองผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น