ASTVผู้จัดการรายวัน - บล.ไทยพาณิชย์ แนะนักลงทุนลงทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงว่าดัชนีตลาด เหตุหุ้นไทยปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่แรงคาดอยู่ที่ 1.2 พันจุด ชี้ 4 กลุ่ม หุ้นเด่น"ธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง อุปโภคบริโภค นิคมอุตฯ" คาดกำไร บจ.ปีนี้อยู่ที่ 5.04 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปี 53 คาดอยู่ที่ 4.51 แสนล้านบาท "ผู้บริหาร"เผย เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยปีนี้ 4-5 หมื่นล้านบาท
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล. ) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 54 ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 จุด ซึ่งถือว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่แรงมากจากปีที่ผ่านมาที่ดัชนีฯได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 41% ทำให้ราคาหุ้นไทยไม่ถูกเหมือนในอดีต แต่ถือว่าไม่แพงมากเกินไป และความกังวลเรื่องการเมือง การควบคุมเงินทุน และอัตราเงินเฟ้อ ที่จะเข้ามากระทบต่อการลงทุน แต่จากการที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังมีการเติบโตต่อเนื่องซึ่งคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง โดยจะเป็นแรงหนุนที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น และบริษัทคาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเซียอีกช่วง 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าปีนี้จะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท
" ปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากราคาหุ้นโดยเฉลี่ยปัจจุบันซื้อ-ขายที่ระดับ PE ปี 54 ที่ 12 เท่า ซึ่งถือว่ายังคงถูกเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาค รองจากเกาหลีใต้ และหากมองย้อนกลับไป ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่ปรับตัวขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยที่ผ่านมา มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นปัจจัยลบที่สำคัญต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย"นายเกียรติศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 504,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปี 53 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 451,379 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน 28% และคาดว่าปี 55 บริษัทจดทะเบียนไทยจะมีกำไรสุทธิ 566,380 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่การปรับขึ้นจะไม่แรงเหมือนกับปีที่ผ่านมาที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 41% โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ทำให้นักลงทุนต้องมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำนักลงทุนลงทุนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ 1. กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่ม นิคมอุตสาหกรรม และ ก่อสร้าง เนื่องจาก จะได้รับประโยชน์ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดว่าปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5-0.75% เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวตัวของการลงทุนตรงจากต่างประเทศ และภาครัฐจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
"ตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกปีนี้ดัชนีฯ มีโอกาสเคลื่อนไหวระหว่าง 924-1,078 จุด โดยประเมินว่า ตลาดฯ จะได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าคาดการณ์ในปี 54 ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะ น้ำมัน ถ่านหิน และ กลุ่มส่งออก อย่างเช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ ชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากแนวโน้มกำไรในปี 54 มีโอกาสสูงกว่าที่คาดการณ์ ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเงินทุนต่างประเทศ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน รวมถึง กนง.มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากการประชุม 2 ครั้งในไตรมาสแรกปีนี้เพื่อลดความเสี่ยงเงินเฟ้อ " นายสุกิจ กล่าว
สำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ คัดเลือกให้เป็นหุ้นเด่นประจำปี 54 นั้น ได้พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 4 ประการ ได้แก่ 1) กำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปี 53-55 มีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยสูงกว่า 15% ต่อปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดฯ 2) มีโอกาสในการขยายการลงทุนหรือเข้าซื้อและควบรวมกิจการ ซึ่งจะส่งผลให้กำไรเติบโตต่อเนื่องได้ 3) ราคาหุ้นซื้อขายในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีตหรือหุ้นในกลุ่มเดียวกัน และ 4) มีอำนาจต่อรองในการตั้งราคาขายสินค้าและบริการเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้น หุ้นเด่นปี 54 คือ KBANK KTB BANPU PTTCH PS AMATA SCC HMPRO และ STEC
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล. ) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 54 ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 จุด ซึ่งถือว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่แรงมากจากปีที่ผ่านมาที่ดัชนีฯได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 41% ทำให้ราคาหุ้นไทยไม่ถูกเหมือนในอดีต แต่ถือว่าไม่แพงมากเกินไป และความกังวลเรื่องการเมือง การควบคุมเงินทุน และอัตราเงินเฟ้อ ที่จะเข้ามากระทบต่อการลงทุน แต่จากการที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังมีการเติบโตต่อเนื่องซึ่งคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง โดยจะเป็นแรงหนุนที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น และบริษัทคาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเซียอีกช่วง 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าปีนี้จะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท
" ปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากราคาหุ้นโดยเฉลี่ยปัจจุบันซื้อ-ขายที่ระดับ PE ปี 54 ที่ 12 เท่า ซึ่งถือว่ายังคงถูกเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาค รองจากเกาหลีใต้ และหากมองย้อนกลับไป ตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่ปรับตัวขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยที่ผ่านมา มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นปัจจัยลบที่สำคัญต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย"นายเกียรติศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 504,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปี 53 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 451,379 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน 28% และคาดว่าปี 55 บริษัทจดทะเบียนไทยจะมีกำไรสุทธิ 566,380 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่การปรับขึ้นจะไม่แรงเหมือนกับปีที่ผ่านมาที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 41% โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ทำให้นักลงทุนต้องมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำนักลงทุนลงทุนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ 1. กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่ม นิคมอุตสาหกรรม และ ก่อสร้าง เนื่องจาก จะได้รับประโยชน์ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดว่าปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5-0.75% เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวตัวของการลงทุนตรงจากต่างประเทศ และภาครัฐจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
"ตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกปีนี้ดัชนีฯ มีโอกาสเคลื่อนไหวระหว่าง 924-1,078 จุด โดยประเมินว่า ตลาดฯ จะได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าคาดการณ์ในปี 54 ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะ น้ำมัน ถ่านหิน และ กลุ่มส่งออก อย่างเช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ ชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากแนวโน้มกำไรในปี 54 มีโอกาสสูงกว่าที่คาดการณ์ ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเงินทุนต่างประเทศ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน รวมถึง กนง.มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากการประชุม 2 ครั้งในไตรมาสแรกปีนี้เพื่อลดความเสี่ยงเงินเฟ้อ " นายสุกิจ กล่าว
สำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ คัดเลือกให้เป็นหุ้นเด่นประจำปี 54 นั้น ได้พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 4 ประการ ได้แก่ 1) กำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปี 53-55 มีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยสูงกว่า 15% ต่อปี ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดฯ 2) มีโอกาสในการขยายการลงทุนหรือเข้าซื้อและควบรวมกิจการ ซึ่งจะส่งผลให้กำไรเติบโตต่อเนื่องได้ 3) ราคาหุ้นซื้อขายในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีตหรือหุ้นในกลุ่มเดียวกัน และ 4) มีอำนาจต่อรองในการตั้งราคาขายสินค้าและบริการเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้น หุ้นเด่นปี 54 คือ KBANK KTB BANPU PTTCH PS AMATA SCC HMPRO และ STEC
