“เคทีซีมิโก้” รุกตลาดหุ้นลาว หวังโกยรายได้ปี 54 ไม่หวั่นเจอเำกมแข่งดุ 11 ม.ค.นี้ เตรียมดัน IPO การไฟฟ้าลาวดีลครั้งแรกมูลค่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เชื่อคว้างานใหญ่สำเร็จ หลังโบรกเกอร์มั่นใจเห็น 2.12 บาทแน่
วันนี้ (5 ม.ค.) นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการบริษัทหลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ (KT ZMICO) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2554 มั่นใจว่าจะเติบโตค่อนข้างมากจากปี 2553 เพราะเป็นปีที่บริษัทจะบันทึกรายได้จากธุรกิจในประเทศลาวมากขึ้น และสัดส่วนธุรกิจดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีด้วย
ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการกระจายรายได้ เพื่อรองรับการเปิดเสรีปี 2555 ด้วย เพื่อนำไปสู่แหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าโดยตลาดหุ้นลาวมีอัตรา ค่าคอมมิสชันสูงกว่า 2% และการแข่งขันยังไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยมีอัตราค่าคอมมิสชันเฉลี่ย 1.5% เท่านั้น แต่การแข่งขันกลับสูงมาก
โดยหลังจากบริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB เพื่อขยายการลงทุนไปในต่างประเทศมากขึ้นนั้นยังได้ร่วมทุนกับธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ตั้ง “บริษัทหลักทรัพย์ ธกตล กรุงไทย จำกัด (BCEL-KT)” ซึ่งเป็นบริษัท JOINT VENTURE ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 30% โดยรับงานวาณิชธนกิจ (IB) ทุกชนิดในตลาดหลักทรัพย์ประเทศลาว
ล่าสุด วันที่ 11 ม.ค.ที่จะถึงนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ธกตล กรุงไทย จำกัด (BCEL-KT) จะเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป (IPO) เป็นรายแรก คือ บริษัทการไฟฟ้าลาว มูลค่าประมาณ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างมากเนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศลาว
รวมทั้งในช่วงไตรมาส 1/2554 นี้บริษัทจะยังมีงาน IB อยู่หลายดีลซึ่งเป็นทั้ง IPO และ การควบรวมกิจการ (M&A) เป็นต้น เพราะทางตลาดหุ้นลาวเองจะเริ่มนำบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางทยอยเข้าจดทะเบียนในตลาดมากขึ้น
สำหรับทางบริษัทมั่นใจอย่างมากว่า BCEL-KT จะได้รับงานขนาดใหญ่และขนาดกลางค่อนข้างมาก เนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบด้านจำนวนฐานลูกค้าที่มาจาก KTB ซึ่งมีเครือข่ายอยู่หลายประเทศรวมถึงมีสาขาในประเทศลาวด้วย รวมทั้งยังเป็นพาร์ตเนอร์กับ BCEL ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศลาว โดยมีสาขา 17 แห่งและปัจจุบันทาง BCEL ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแล้วด้วย
“บริษัทมีความได้เปรียบอย่างมากที่จะได้รับงานที่เป็นดีลขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นลาว แม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีคู่แข่งเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อย่างบริษัทหลักทรัพย์เวียดนาม และ เกาหลี แต่บริษัทมีความได้เปรียบกว่าทั้งทางด้านฐานลูกค้าและพาร์ตเนอร์ที่เป็นแบงก์ขนาดใหญ่ในลาว” นายชัยภัทร กล่าว
นายชัยภัทร กล่าวอีกว่า แม้ว่าบริษัทจะพยายามกระจายรายได้ไปในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อรองรับการเปิดเสรี แต่บริษัทมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนพนักงานที่ไม่เพียงพอจึงทำให้ไม่สามารถขยายธุรกิจได้มากนัก ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้ากระจายรายได้ไปในประเทศแถบอินโดจีนมากขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่วนจะสามารถถือครองมาร์เก็ตแชร์ได้ถึง 30% หรือไม่นั้นยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ซึ่งการกระจายรายได้ดังกล่าวจะยิ่งสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกๆ ปี
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2553 คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีตามมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/2553 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 31.09 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิและรายได้รวมทั้งปี 2553 จะดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะมีรายได้จากงาน IB ค่อนข้างมาก ประกอบกับได้มีการออก DW ด้วย ขณะที่ปีนี้จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 ผลิตภัณฑ์
นายกฤษณ์ สุวรรณพิบูลย์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น KT ZMICO ในระยะสั้นๆ เกิดสัญญาณการฟื้นตัว โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 1.91 บาท และ 2 บาทตามลำดับ
ทั้งนี้ จากก่อนหน้านี้ หุ้น KT ZMICO ทำการเปิด Falling Gap และหุ้นเกิดการแกว่งตัวในกรอบแคบๆเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ปัจจุบันหุ้นสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ ดังนั้น มีโอกาสปิด Falling Gap และทดสอบที่เป้าหมาย 2.12 บาท ได้