ASTVผู้จัดการรายวัน - นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) พัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อเป็นอาคารสำนักงานรวมหน่วยงานราชการ โดยการนำที่ราชพัสดุแปลงบรรษัทบริหารสินทรพัย์สถาบันการเงิน หรือ บบส.เดิม เนื้อที่ 5 ไร่เศษ ตั้งอยู่บริเวณปากซอยพหลโยธิน 3 เขตพญาไท ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส ระหว่างสถานีสนามเป้าและสถานีอารีย์ เพื่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานให้หน่วยงานราชการเข้าใช้ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่การทำงานให้สอดคล้องกับภารกิจและรองรับการบริการจากประชาชน
"บริเวณดังกล่าวเป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจ มีแนวโน้มการพัฒนามากขึ้น มีระบบการขนส่งและการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว รวมทั้งมีส่วนขยายเชื่อมต่อกับหน่วยงานราชการอื่นๆ และหน่วยงานเอกชนที่สำคัญหลายแห่ง ในส่วนของรูปแบบโครงการ ทางศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นได้ของโครงการเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการพัฒนาใช้ประโยชน์ในที่ดินเต็มศักยภาพตามที่กฎหมายกำหนด รูปแบบอาคารเป็นสถาปัตยกรรมสีเขียว เลือกใช้วัสดุและวิธีการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมพื้นที่ใช้สอย 75,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 2,500 ล้านบาท หากจัดให้ ธพส. เช่าเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งนี้จะสร้างรายได้เข้ารัฐราว 52 ล้านบาทต่อปี และจะช่วยหน่วยงานภาครัฐประหยัดงบประมาณในการเช่าอาคารกับเอกชนเพื่อใช้เป็นสำนักงานในการปฏิบัติถึงปีละกว่า 210 ล้านบาท คาดเริ่มการก่อสร้างได้ในต้นปี55 แล้วเสร็จพร้อมใช้ในปี 58 "
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ระบุว่า ถนนพหลโยธินจัดเป็นอีกทำเลยอดนิยมของผู้ซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะย่านซอยอารีย์ เนื่องจากทำเลที่ตั้งใกล้ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถานอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายเช่น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ธนาคารกสิกรไทย โรงพยาบาล เป็นต้น ทำให้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงรายย่อย ต่างให้ความสนใจเปิดโครงการในซอยอารีย์จำนวนมาก โดยโครงการอาคารชุดในซอยอารีย์ที่เปิดตัวในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 18 โครงการ คิดเป็นประมาณ 2,500 หน่วย มียอดขายหรือยอดจองแล้วถึงมากกว่า 90% ห้องชุดในย่านนี้มีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ หกหมื่นบาทกลางๆ ไปจนถึง 1 แสนบาทต้นๆ ต่อตารางเมตร โดยมีราคาเฉลี่ยของโครงการทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 83,000 บาท
อย่างไรก็ดี โครงการที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 3 โครงการ รวม 900 หน่วย ห้องชุดเหล่านี้มียอดจองหรือขายแล้วมากกว่า 85 % อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการที่เปิดในปี 2553 ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่มีระดับราคาต่ำกว่าโครงการในอดีต อาจเนื่องมาจากผู้ซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมในย่านนี้ในสมัยก่อนจะเป็นผู้ที่มีบ้านเดิมอยู่ในซอยอารีย์ซึ่งเป็นผู้มีกำลังซื้อสูง ในขณะที่ในช่วงหลังจะมีกลุ่มลูกค้าระดับกลางเพิ่มมากขึ้น.
"บริเวณดังกล่าวเป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจ มีแนวโน้มการพัฒนามากขึ้น มีระบบการขนส่งและการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว รวมทั้งมีส่วนขยายเชื่อมต่อกับหน่วยงานราชการอื่นๆ และหน่วยงานเอกชนที่สำคัญหลายแห่ง ในส่วนของรูปแบบโครงการ ทางศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นได้ของโครงการเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการพัฒนาใช้ประโยชน์ในที่ดินเต็มศักยภาพตามที่กฎหมายกำหนด รูปแบบอาคารเป็นสถาปัตยกรรมสีเขียว เลือกใช้วัสดุและวิธีการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมพื้นที่ใช้สอย 75,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 2,500 ล้านบาท หากจัดให้ ธพส. เช่าเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งนี้จะสร้างรายได้เข้ารัฐราว 52 ล้านบาทต่อปี และจะช่วยหน่วยงานภาครัฐประหยัดงบประมาณในการเช่าอาคารกับเอกชนเพื่อใช้เป็นสำนักงานในการปฏิบัติถึงปีละกว่า 210 ล้านบาท คาดเริ่มการก่อสร้างได้ในต้นปี55 แล้วเสร็จพร้อมใช้ในปี 58 "
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ระบุว่า ถนนพหลโยธินจัดเป็นอีกทำเลยอดนิยมของผู้ซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะย่านซอยอารีย์ เนื่องจากทำเลที่ตั้งใกล้ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถานอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายเช่น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ธนาคารกสิกรไทย โรงพยาบาล เป็นต้น ทำให้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงรายย่อย ต่างให้ความสนใจเปิดโครงการในซอยอารีย์จำนวนมาก โดยโครงการอาคารชุดในซอยอารีย์ที่เปิดตัวในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 18 โครงการ คิดเป็นประมาณ 2,500 หน่วย มียอดขายหรือยอดจองแล้วถึงมากกว่า 90% ห้องชุดในย่านนี้มีราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ หกหมื่นบาทกลางๆ ไปจนถึง 1 แสนบาทต้นๆ ต่อตารางเมตร โดยมีราคาเฉลี่ยของโครงการทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 83,000 บาท
อย่างไรก็ดี โครงการที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 3 โครงการ รวม 900 หน่วย ห้องชุดเหล่านี้มียอดจองหรือขายแล้วมากกว่า 85 % อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการที่เปิดในปี 2553 ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่มีระดับราคาต่ำกว่าโครงการในอดีต อาจเนื่องมาจากผู้ซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมในย่านนี้ในสมัยก่อนจะเป็นผู้ที่มีบ้านเดิมอยู่ในซอยอารีย์ซึ่งเป็นผู้มีกำลังซื้อสูง ในขณะที่ในช่วงหลังจะมีกลุ่มลูกค้าระดับกลางเพิ่มมากขึ้น.
