ASTVผู้จัดการรายวัน - อีสเทอร์น สตาร์ฯ ย้ำนโยบายลงทุนปีนี้ผุดโครงการใหม่4,000-5,000ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวสูง80% แนวราบ20% ล่าสุดเปิดตัวคอนโดแนวคิดใหม่สังคมเดียว เน้นห้องชุด2ห้องนอนเพียงขนาดเดียว ตอกย้ำมแนวโน้มความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ในโครงการห้องชุด สวนทางผู้ประกอบการเน้นลดขนาดห้องชุดให้เล็กลง หวังทำราคาขายให้เหมาะสมกำหลังซื้อลูกค้าที่ลดลง เผยไตรมาส2เปิดตัวทาวน์เฮาส์ย่านอ่อนนุช มูลค่า900ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปี54กว่า2,500ล้านบาท
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่หันมาพัฒนาห้องชุดที่มีขนาดเล็กลง เพื่อรองรับกำลังซื้อและความต้องการของลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่างมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มห้องชุดในตลาดกลาง-บนนั้นมีซับพลายลดลง และไม่ค่อยมีการพัฒนาซับพลายใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาด ซึ่งตรงกันข้ามกับความต้องการซื้อ(ดีมานด์)ในตลาด ที่ยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าการขยายตัวของดีมานด์ในตลาดกลาง-บนจะไม่สูงแต่ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทออกแบบและพัฒนาโครงการ Star view โครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา เลียบถนนพระราม3 บนเนื้อที่พัฒนาโครงการ 7ไร่ 1อาคารสูง 54ชั้น ราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.)เฉลี่ย 80,000 บาท จำนวน 500 ยูนิตเศษ หรือมีราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่เริ่มต้น4.5ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม3,500ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซล ในวันที่1เมษายน 2554และเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1พ.ค.2554 ที่จะถึงนี้
“โครงการนี้ออกแบบห้องชุดเพียงขนาดเดียวคือ 2 ห้อง เป็นการตอบรับความต้องการกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับกลาง-บน ที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่พัฒนาโครงการออกมามีขนาดห้องเล็กลง เพื่อให้ราคาขายถูกลง ซึ่งเป็นการรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด แต่ที่ผ่านมาในโครงการที่บริษัทพัฒนาออกมานั้นยูนิตขนาด2ห้องนอนจะขายหมดก่อน ยูนิตขนาด1ห้องนอนและห้องสตูดิโอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงนั้นต้องการห้องชุดที่มีขนาดพื้นที่อยู่อาศัยกว้างๆ แต่จากการที่ผู้ประกอบการลดขนาดห้องชุดลงทำให้จำนวนห้องชุดที่มีขนาดพื้นที่อยู่อาศัยในกว้างๆนั้นมีจำนวนลดลง”
จากพฤติกรรมการเลือกซื้อห้องชุดขนาด2ห้องนอนดังกล่าว ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ความต้องการห้องชุด2ห้องนอนนั้นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงออกแบบโครงการ Star view ให้มีห้องชุดขนาด2ห้องนอนเพียงขนาดเดียวในโครงการดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแรกของประเทศที่มีการพัฒนาห้องชุดที่มีขนาดห้องนอน2ห้องนอนทั้งโครงการ และมั่นใจว่าจะสามารถตอบรับความต้องการลูกค้าได้อย่างดี
นอกจากนี้โครงการStar view นี้ ถือเป็นโครงการที่มีสังคมระดับเดียว เพราะมีห้องชุดขนาด2ห้องนอนเท่ากันทั้งหมดโครงการ โดยในโครงการนี้บริษัทได้ให้สิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดโดยมีพื้นที่สวน มากถึง5ไร่ ใช้งบประมาณตกแต่งสวนสูงถึง50ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างสระว่ายน้ำส่วนกลางไว้บนชั้น44 โดยเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า100เมตร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกหลายรายการด้วย
นายรัตนชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสที่2บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์โครงการใหม่ในย่านอ่อนนุช จำนวน200ยูนิตเศษ ราคาขายเริ่มต้น 3ล้านบาทเศษ มูลค่ารวมกว่า900ล้านบาทอีก1โครงการ สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ยังเป็นไปตามนโยบายเดิม คือบริษัทจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆต่อปีมูลค่าประมาณ 4,000-5,000ล้านบาท ซึ่งจะมีสัดส่วนการพัฒนาโครงการใหม่เป็นโครงการแนวราบ20% และแนวสูง80% โดยตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมในปีนี้ประมาณ 2,500ล้านบาทเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้รวม1,680ล้านบาท
“สำหรับที่ดินใกล้นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง จำนวน206ไร่ นั้นบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายซึ่งขณะนี้มีผู้ติดต่อเข้ามาแล้ว2ราย หลังจากที่ติดปัญหาสิ่งแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดซึ่งส่งผลกระทบต่อหการลงทุนของบริษัทต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา”
'อนันดา'กู้เคทีบี6พันล.ซื้อหุ้นจากไพร์มเมอริกา
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ซื้อหุ้นของบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาคอนโดมิเนียม ไอดีโอ คืนทั้งหมดจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ 1 กองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของไพร์มเมอริกา เรียลเอสเตท อินเวสเตอร์ จากสหรัฐอเมริกา และเป็นส่วนหนึ่งใน พรูเดนเชียล ไฟแนลเชียล อิงค์แล้ว การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้บริษัทได้กู้เงินจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปีนี้ ยังเน้นพัฒนาคอนโดฯ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของพอร์ตการลงทุน อีก 20% เป็นการลงทุนแนวราบ โดยในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 5 โครงการมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และได้ตั้งงบประมาณในการซื้อที่ดิน 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา อนันดาฯได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 12 โครงการ จำนวน 5,000 ยูนิต มูลค่า 20,000 ล้านบาท แต่ละโครงการใช้เวลาในการพัฒนา 3ปีซึ่งทยอยรับรู้ต่อเนื่อง โดยในปี 2553 ได้ส่งมอบให้ลูกค้ารวม 6,300 ยูนิต
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่หันมาพัฒนาห้องชุดที่มีขนาดเล็กลง เพื่อรองรับกำลังซื้อและความต้องการของลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่างมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มห้องชุดในตลาดกลาง-บนนั้นมีซับพลายลดลง และไม่ค่อยมีการพัฒนาซับพลายใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาด ซึ่งตรงกันข้ามกับความต้องการซื้อ(ดีมานด์)ในตลาด ที่ยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าการขยายตัวของดีมานด์ในตลาดกลาง-บนจะไม่สูงแต่ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทออกแบบและพัฒนาโครงการ Star view โครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา เลียบถนนพระราม3 บนเนื้อที่พัฒนาโครงการ 7ไร่ 1อาคารสูง 54ชั้น ราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.)เฉลี่ย 80,000 บาท จำนวน 500 ยูนิตเศษ หรือมีราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่เริ่มต้น4.5ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม3,500ล้านบาท ซึ่งจะเปิดพรีเซล ในวันที่1เมษายน 2554และเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1พ.ค.2554 ที่จะถึงนี้
“โครงการนี้ออกแบบห้องชุดเพียงขนาดเดียวคือ 2 ห้อง เป็นการตอบรับความต้องการกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับกลาง-บน ที่ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่พัฒนาโครงการออกมามีขนาดห้องเล็กลง เพื่อให้ราคาขายถูกลง ซึ่งเป็นการรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด แต่ที่ผ่านมาในโครงการที่บริษัทพัฒนาออกมานั้นยูนิตขนาด2ห้องนอนจะขายหมดก่อน ยูนิตขนาด1ห้องนอนและห้องสตูดิโอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงนั้นต้องการห้องชุดที่มีขนาดพื้นที่อยู่อาศัยกว้างๆ แต่จากการที่ผู้ประกอบการลดขนาดห้องชุดลงทำให้จำนวนห้องชุดที่มีขนาดพื้นที่อยู่อาศัยในกว้างๆนั้นมีจำนวนลดลง”
จากพฤติกรรมการเลือกซื้อห้องชุดขนาด2ห้องนอนดังกล่าว ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ความต้องการห้องชุด2ห้องนอนนั้นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงออกแบบโครงการ Star view ให้มีห้องชุดขนาด2ห้องนอนเพียงขนาดเดียวในโครงการดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแรกของประเทศที่มีการพัฒนาห้องชุดที่มีขนาดห้องนอน2ห้องนอนทั้งโครงการ และมั่นใจว่าจะสามารถตอบรับความต้องการลูกค้าได้อย่างดี
นอกจากนี้โครงการStar view นี้ ถือเป็นโครงการที่มีสังคมระดับเดียว เพราะมีห้องชุดขนาด2ห้องนอนเท่ากันทั้งหมดโครงการ โดยในโครงการนี้บริษัทได้ให้สิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดโดยมีพื้นที่สวน มากถึง5ไร่ ใช้งบประมาณตกแต่งสวนสูงถึง50ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างสระว่ายน้ำส่วนกลางไว้บนชั้น44 โดยเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า100เมตร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกหลายรายการด้วย
นายรัตนชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสที่2บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์โครงการใหม่ในย่านอ่อนนุช จำนวน200ยูนิตเศษ ราคาขายเริ่มต้น 3ล้านบาทเศษ มูลค่ารวมกว่า900ล้านบาทอีก1โครงการ สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ยังเป็นไปตามนโยบายเดิม คือบริษัทจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆต่อปีมูลค่าประมาณ 4,000-5,000ล้านบาท ซึ่งจะมีสัดส่วนการพัฒนาโครงการใหม่เป็นโครงการแนวราบ20% และแนวสูง80% โดยตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมในปีนี้ประมาณ 2,500ล้านบาทเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้รวม1,680ล้านบาท
“สำหรับที่ดินใกล้นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง จำนวน206ไร่ นั้นบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายซึ่งขณะนี้มีผู้ติดต่อเข้ามาแล้ว2ราย หลังจากที่ติดปัญหาสิ่งแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดซึ่งส่งผลกระทบต่อหการลงทุนของบริษัทต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา”
'อนันดา'กู้เคทีบี6พันล.ซื้อหุ้นจากไพร์มเมอริกา
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ซื้อหุ้นของบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาคอนโดมิเนียม ไอดีโอ คืนทั้งหมดจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ 1 กองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของไพร์มเมอริกา เรียลเอสเตท อินเวสเตอร์ จากสหรัฐอเมริกา และเป็นส่วนหนึ่งใน พรูเดนเชียล ไฟแนลเชียล อิงค์แล้ว การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้บริษัทได้กู้เงินจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปีนี้ ยังเน้นพัฒนาคอนโดฯ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของพอร์ตการลงทุน อีก 20% เป็นการลงทุนแนวราบ โดยในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 5 โครงการมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และได้ตั้งงบประมาณในการซื้อที่ดิน 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา อนันดาฯได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 12 โครงการ จำนวน 5,000 ยูนิต มูลค่า 20,000 ล้านบาท แต่ละโครงการใช้เวลาในการพัฒนา 3ปีซึ่งทยอยรับรู้ต่อเนื่อง โดยในปี 2553 ได้ส่งมอบให้ลูกค้ารวม 6,300 ยูนิต