ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ศุภาลัย” รุกตลาดบ้านจัดสรรเชียงใหม่ ยึดทำเล บนที่ดิน 53 ไร่ริมถนนวงแหวนรอบในผุดโครงการแรก “ศุภาลัย วิลล์ เชียงใหม่” มูลค่า 800 ล้านบาท แบบบ้าน 2 ชั้น สไตล์ Modern Contemporaly แบ่ง 3 เฟส 236 ยูนิต ตั้งเป้าขายหมดภายใน 3 ปี เผยลองเชิงเปิดขายเฟสแรกไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 53 ผลตอบรับดี ขณะที่ปี 2555 เตรียมลงทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ ส่วนการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมยอมรับว่าสนใจ แต่ชี้ยังไม่เหมาะกับสภาวะในปัจจุบัน
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหารบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยต่อเนื่องมาจากการกระจายความเจริญด้านต่างๆ จากกรุงเทพฯ สู่หัวเมืองต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้เองบริษัท จึงได้เข้ามาลงทุนทำโครงการบ้านจัดสรรโครงการแรกของบริษัท ในจังหวัดเชียงใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ “ศุภาลัย วิลล์ เชียงใหม่” ตั้งอยู่ริมถนนวงแหวนรอบใน-ถนนมหิดล ในพื้นที่ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โครงการดังกล่าวนี้เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ในรูปแบบ Modern Contemporaly มีมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 53 ไร่ จำนวน 236 แปลง มีแบบบ้านทั้งหมด 7 แบบ พื้นที่ใช้สอย 137-217 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2 ล้านกว่าบาทไปจนถึงประมาณ 5 ล้านบาท ทั้งนี้ได้เริ่มเปิดขายเฟสแรกจากทั้งหมด 3 เฟสไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 และสามารถขายไปได้แล้วจนเกือบหมดเฟสแรก มียอดขายทั้งสิ้นประมาณ 150 ล้านบาท ขณะที่เฟส 2 กำลังจะเริ่มดำเนินการ ซึ่งโครงการนี้ตั้งเป้าหมายจะขายได้หมดภายใน 3 ปี อย่างไรก็ตามจากผลตอบรับเป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมามีความเป็นไปได้สูงที่จะขายได้หมดภายใน 2 ปี
ส่วนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการนั้น กรรมการบริหารบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคเหนือ โดยลูกค้าจะเป็นตลาดระดับกลางไปจนถึงระดับกลางบนเป็นหลัก ทั้งนี้จุดเด่นของโครงการนี้อยู่ตรงทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ติดริมถนนวงแหวนรอบใน ทำให้มีความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในเชียงใหม่ รวมทั้งการออกแบบบ้านที่เน้นการประหยัดพลังงาน มีการจัดวางผังตัวบ้านสอดคล้องกับทิศทางลม แสงแดด และมีความสะดวกในการใช้สอยพื้นที่
นอกจากโครงการนี้แล้ว นายไตรเตชะ เปิดเผยว่า ทางบริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนทำอีก 2 โครงการ บนทำเลที่ตั้งถนนวงแหวนรอบในเช่นกัน โดยที่ตั้งโครงการทั้งหมดจะอยู่ในลักษณะของ 3 มุมเมือง ทั้งนี้ได้มีการซื้อที่ดินเพื่อเตรียมการพัฒนาโครงการไว้แล้ว ขนาดพื้นที่แปลงละ 30-50 ไร่ แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยที่ตั้งโครงการได้ คาดว่า น่าจะเริ่มเปิดตัวโครงการได้ในปี 2555 ส่วนการลงทุนทำโครงการคอนโดมิเนียมนั้น ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มีความถนัด แต่จากการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านแล้วพบว่า การลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่มีความเหมาะสมในช่วงเวลานี้
นายไตรเตชะ ยังเปิดเผยผลการดำเนินการของบริษัทในช่วงปี 2553 ที่ผ่านมาว่า มียอดขายทั้งสิ้นประมาณ 15,000 ล้านบาท มีรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 11,200 ล้านบาท และมีกำไรทั้งสิ้นประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยประมาณร้อยละ 90 เป็นโครงการทีี่ลงทุนในกรุงเทพฯ ขณะที่อีกร้อยละ 10 เป็นโครงการที่ลงทุนในหัวเมืองต่างจังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงใหม่ ซึ่งในเร็ววันนี้กำลังจะมีการลงทุนทำโครงการเพิ่มที่ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี ส่วนเป้าหมายในปี 2554 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 17,000 ล้านบาท และมีรายได้ 13,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน นายไตรเตชะ แสดงความเห็นถึงปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า ในส่วนของปัญหาทางการเมืองและราคาน้ำมัน ยอมรับว่ามีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม น่าจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่ไม่น่าจะมีผลในระยะยาวแต่ ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าแม้จะมีปัญหาใดๆ ก็ตามแต่ในที่สุดแล้วบริษัทจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทมีจุดแข็งอยู่ในแล้วในการปรับตัว และบริหารควบคุมต้นทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด