ASTVผู้จัดการรายวัน - อสังหาฯปรับตัวรับมือปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ ดันเงินเฟ้อสูงขึ้น ส่อดอกเบี้ยรายย่อยขยับแรง กดกำลังซื้อของลูกค้า ขณะที่แบงก์เข้มสินเชื่อโครงการ กระบทสภาพคล่องจัดสรรนอกตลาด "ธารารมณ์" เชื่อรูปแบบพัฒนาโครงการอสังหาฯเปลี่ยน จากเดิมซื้อที่พัฒนาทันที หันมาขยายเฟสต่อเนื่องสะสมแลนด์แบงก์ "มั่นคงเคหะการฯ"ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง เปิด 2 โครงการ อัดแคมเปญ "เก็ท ไนน" กระตุ้นยอดขายไตรมาส1 ค่ายLPN ล็อตราคาวัสดุก่อสร้าง
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและภาคธุรกิจว่า มีหลายความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา ได้แก่ แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ที่เป็นผลจากการขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าทั้งปีเฉลี่ยอยู่ระดับ 3.3% เป็นตัวเร่งที่ส่งผลต่อทิศทางนโยบายการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์พี)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กลายเป็นภาระที่มีผลต่อดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย ขณะที่การบริหารสภาพคล่อง จะเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง เนื่องจากนโยบายปล่อยสินเชื่อโครงการของสถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้เชื่อได้ว่า ในปลายปี 54 การแข่งขันในภาคอสังหาฯจะสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากทุกบริษัทต้องเร่งระบายสินค้า
ดังนั้น ทางรอดของผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อยและรายกลางนอกตลาด จำเป็นต้องนำแนวทางการบริหารจัดการโครงการที่มีคุณภาพเข้ามาใช้ โดยในส่วนของ ธารารมณ์ฯ เน้นพัฒนาโครงการในเฟสต่อเนื่อง หรือพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ให้มากกว่าเปิดโครงการที่ไม่สร้างรายได้หรือต้องลงทุนสูง ที่ผ่านมาวิธีการบริหารจัดการดังกล่าว ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องสูงและมีหนี้สินต่อทุนในสัดส่วนที่ต่ำ ปัจจุบันตัวเลข D/E ที่ 0.2 เท่า ต่ำกว่าผู้ประกอบการในตลาดหลายๆ ราย
“คาดว่าแนวโน้มการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่ซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการใหม่ทันที เป็นการซื้อที่ดินที่ติดกับโครงการเดิม เพื่อขยายเฟสพัฒนาโครงการ แทนการเปิดตัวโครงการใหม่ หรือหากมีการซื้อที่ดินสะสมก็น่าจะทยอยพัฒนาในรูปแบบเฟสต่อเนื่อง มากกว่าการซื้อที่ดินแล้วเปิดโครงการใหม่เพราะจะมีต้นทุนที่สูงและมีผลต่อสภาพคล่องของบริษัท”
นายวสันต์ กล่าวว่า ธารารมณ์ฯได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวรุ่นใหม่ 3 สไตล์ ซึ่งเป็นเฟสต่อเนื่องใน3โครงการ 3 ทำเล เพื่อรองรับความต้องการของตลาด Move Upเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีบ้านแล้วและต้องการที่อยู่ออาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยบ้านรุ่นใหม่ทั้ง 3 สไตล์ ประกอบด้วย “American” ในโครงการพรอเมนาด โฮม ธนบุรี,Modern Romantic ในโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล และ Modern Swiss ในโครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์
ทั้งนี้ ได้จัดแคมเปญมอบ Credit Rebate มูลค่า 200,000 บาท ให้แก่ลูกค้า ผ่านธนาคารกสิกรไทย ที่นำผลิตภัณฑ์เข้าร่วม ทั้งสินเชื่อบ้านและบัตรเครดิต โดยแคมเปญดังกล่าว บริษัทได้นำบ้านเข้าร่วม 50ยูนิต จาก3โครงการ ตั้งเป้าการขายจากแคมเปญ 250ล้านบาท ส่วนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 150 ล้านบาท.
MKเปิด2โครงการรับชีวิตคนเมือง
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ได้เผยโฉม 2 โครงการยอดฮิตสำหรับชีวิตคนเมือง โดยได้เปิดเฟสใหม่สำหรับโครงการ ชวนชื่น โมดัส เซนโทร ในกลุ่มโมดัส ด้านหน้าโครงการ ในรูปแบบใหม่ ทาวน์โฮม 3 ชั้น โมเดิร์น ทรอปิคัล ดีไซน์ใหม่ล่าสุดจำนวน 102 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ บนที่ดินขนาดตั้งแต่ 20-37.2 ตร.วา
สำหรับ โครงการชวนชื่นโมดัส เซนโทร เป็นโครงการขนาด 40 ไร่ จำนวน 251 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,050 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 89 ยูนิต, บ้านแฝด 28 ยูนิตและทาวน์โฮม 102 ยูนิต โฮมออฟฟิศ 32 ยูนิต
โครงการไพรเวทพาร์ค ชวนชื่นซิตี้ สังคมคุณภาพสำหรับครอบครัวยุคใหม่ บนทำเลสุดฮอต โครงการใหม่ล่าสุด ทำเลศักยภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีอยู่บนถนนคู้บอนซอย 27 ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการรวม 26 ไร่ มีจำนวน 152 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 530 ล้านบาท แยกเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ด้วยราคาขายบ้านแฝดเริ่มต้นเพียง 2.8 ล้านบาท บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้นเพียง 3.7 ล้านบาท
สำหรับแคมเปญการตลาดในส่วนของโครงการอื่นๆ นายชูเกียรติ ระบุว่า ล่าสุดได้ออกโปรโมชัน ภายใต้ชื่อ เก็ท ไนน สำหรับ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการใหม่ล่าสุด โครงการไพรเวท พาร์ค ชวนชื่นซิตี้ คู้บอน-วัชรพล, โครงการชวนชื่น เพชรเกษม 81 และโครงการชวนชื่น ประชาอุทิศ สุขสวัสดิ์ ลูกค้าที่จองบ้านพร้อมโอนตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มี.ค.นี้ รับสิทธิพิเศษจากโปรโมชั่น “เก็ท ไนน” ได้แก่ เก็ทแรก รับส่วนลดทันทีสูงสุดถึง 340,000 บาท เก็ทที่ 2 แจกฟรี iPad ทุกหลัง เก็ทที่ 3 ไม่ต้องจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ เก็ทที่ 4 ฟรีค่าส่วนกลางถึง 3 ปี เก็ทที่ 5 ฟรีค่ามิเตอร์น้ำประปา-ไฟฟ้า เก็ทที่ 6 ติดวอลเปเปอร์ให้ทั้งหลัง เก็ทที่ 7-8 มอบถังเก็บน้ำบนดินขนาด 1,000 ลิตรพร้อมปั้มน้ำและเก็ทท้ายสุดปูหญ้าทั้งหลังฟรี เฉพาะ 20 แปลงใน 3
LPNล็อตต้นทุนก่อสร้าง
สำหรับยักษ์ใหญ่ในตลาคอนโดมิเนียม อย่างบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN โดยนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯพิจารณาความเสี่ยงของธุรกิจปีนี้ว่า ราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้บริษัทล็อคต้นทุนวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าไว้บ้างแล้ว นอกจากนี้มีเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว มีผลต่อกำลังซื้อ
รวมทั้ง ข้อบังคับทางการ เช่น LTV ที่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ และกฎหมายผังเมืองที่จะมีการปรับให้มีการสร้างตึกสูงได้ในหลายพื้นที่มากขึ้น จากที่กำหนดในย่านใจกลางเมือง(CBD) ซึ่งนายโอภาส กล่าวยืนยันว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตได้ตามความต้องการของครอบครัวเดี่ยวและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
ในส่วนของรายได้นั้น คาดว่าไตรมาส 1 ปี 54 จะทำรายได้สูงขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,400 ล้านบาท เนื่องจากช่วงต้นปีนี้มีการรับรู้รายได้จากโครงการของบริษัท 2 โครงการ คือ คอนโดฯ พระราม 9 เฟส 2 และคอนโดฯ รามอินทรา-นวมินทร์ อาคาร B
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและภาคธุรกิจว่า มีหลายความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา ได้แก่ แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ที่เป็นผลจากการขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าทั้งปีเฉลี่ยอยู่ระดับ 3.3% เป็นตัวเร่งที่ส่งผลต่อทิศทางนโยบายการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์พี)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กลายเป็นภาระที่มีผลต่อดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย ขณะที่การบริหารสภาพคล่อง จะเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง เนื่องจากนโยบายปล่อยสินเชื่อโครงการของสถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้เชื่อได้ว่า ในปลายปี 54 การแข่งขันในภาคอสังหาฯจะสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากทุกบริษัทต้องเร่งระบายสินค้า
ดังนั้น ทางรอดของผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อยและรายกลางนอกตลาด จำเป็นต้องนำแนวทางการบริหารจัดการโครงการที่มีคุณภาพเข้ามาใช้ โดยในส่วนของ ธารารมณ์ฯ เน้นพัฒนาโครงการในเฟสต่อเนื่อง หรือพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ให้มากกว่าเปิดโครงการที่ไม่สร้างรายได้หรือต้องลงทุนสูง ที่ผ่านมาวิธีการบริหารจัดการดังกล่าว ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องสูงและมีหนี้สินต่อทุนในสัดส่วนที่ต่ำ ปัจจุบันตัวเลข D/E ที่ 0.2 เท่า ต่ำกว่าผู้ประกอบการในตลาดหลายๆ ราย
“คาดว่าแนวโน้มการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่ซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการใหม่ทันที เป็นการซื้อที่ดินที่ติดกับโครงการเดิม เพื่อขยายเฟสพัฒนาโครงการ แทนการเปิดตัวโครงการใหม่ หรือหากมีการซื้อที่ดินสะสมก็น่าจะทยอยพัฒนาในรูปแบบเฟสต่อเนื่อง มากกว่าการซื้อที่ดินแล้วเปิดโครงการใหม่เพราะจะมีต้นทุนที่สูงและมีผลต่อสภาพคล่องของบริษัท”
นายวสันต์ กล่าวว่า ธารารมณ์ฯได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวรุ่นใหม่ 3 สไตล์ ซึ่งเป็นเฟสต่อเนื่องใน3โครงการ 3 ทำเล เพื่อรองรับความต้องการของตลาด Move Upเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีบ้านแล้วและต้องการที่อยู่ออาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยบ้านรุ่นใหม่ทั้ง 3 สไตล์ ประกอบด้วย “American” ในโครงการพรอเมนาด โฮม ธนบุรี,Modern Romantic ในโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล และ Modern Swiss ในโครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์
ทั้งนี้ ได้จัดแคมเปญมอบ Credit Rebate มูลค่า 200,000 บาท ให้แก่ลูกค้า ผ่านธนาคารกสิกรไทย ที่นำผลิตภัณฑ์เข้าร่วม ทั้งสินเชื่อบ้านและบัตรเครดิต โดยแคมเปญดังกล่าว บริษัทได้นำบ้านเข้าร่วม 50ยูนิต จาก3โครงการ ตั้งเป้าการขายจากแคมเปญ 250ล้านบาท ส่วนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 150 ล้านบาท.
MKเปิด2โครงการรับชีวิตคนเมือง
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ได้เผยโฉม 2 โครงการยอดฮิตสำหรับชีวิตคนเมือง โดยได้เปิดเฟสใหม่สำหรับโครงการ ชวนชื่น โมดัส เซนโทร ในกลุ่มโมดัส ด้านหน้าโครงการ ในรูปแบบใหม่ ทาวน์โฮม 3 ชั้น โมเดิร์น ทรอปิคัล ดีไซน์ใหม่ล่าสุดจำนวน 102 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ บนที่ดินขนาดตั้งแต่ 20-37.2 ตร.วา
สำหรับ โครงการชวนชื่นโมดัส เซนโทร เป็นโครงการขนาด 40 ไร่ จำนวน 251 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,050 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 89 ยูนิต, บ้านแฝด 28 ยูนิตและทาวน์โฮม 102 ยูนิต โฮมออฟฟิศ 32 ยูนิต
โครงการไพรเวทพาร์ค ชวนชื่นซิตี้ สังคมคุณภาพสำหรับครอบครัวยุคใหม่ บนทำเลสุดฮอต โครงการใหม่ล่าสุด ทำเลศักยภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีอยู่บนถนนคู้บอนซอย 27 ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการรวม 26 ไร่ มีจำนวน 152 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 530 ล้านบาท แยกเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ด้วยราคาขายบ้านแฝดเริ่มต้นเพียง 2.8 ล้านบาท บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้นเพียง 3.7 ล้านบาท
สำหรับแคมเปญการตลาดในส่วนของโครงการอื่นๆ นายชูเกียรติ ระบุว่า ล่าสุดได้ออกโปรโมชัน ภายใต้ชื่อ เก็ท ไนน สำหรับ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการใหม่ล่าสุด โครงการไพรเวท พาร์ค ชวนชื่นซิตี้ คู้บอน-วัชรพล, โครงการชวนชื่น เพชรเกษม 81 และโครงการชวนชื่น ประชาอุทิศ สุขสวัสดิ์ ลูกค้าที่จองบ้านพร้อมโอนตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มี.ค.นี้ รับสิทธิพิเศษจากโปรโมชั่น “เก็ท ไนน” ได้แก่ เก็ทแรก รับส่วนลดทันทีสูงสุดถึง 340,000 บาท เก็ทที่ 2 แจกฟรี iPad ทุกหลัง เก็ทที่ 3 ไม่ต้องจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ เก็ทที่ 4 ฟรีค่าส่วนกลางถึง 3 ปี เก็ทที่ 5 ฟรีค่ามิเตอร์น้ำประปา-ไฟฟ้า เก็ทที่ 6 ติดวอลเปเปอร์ให้ทั้งหลัง เก็ทที่ 7-8 มอบถังเก็บน้ำบนดินขนาด 1,000 ลิตรพร้อมปั้มน้ำและเก็ทท้ายสุดปูหญ้าทั้งหลังฟรี เฉพาะ 20 แปลงใน 3
LPNล็อตต้นทุนก่อสร้าง
สำหรับยักษ์ใหญ่ในตลาคอนโดมิเนียม อย่างบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN โดยนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯพิจารณาความเสี่ยงของธุรกิจปีนี้ว่า ราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้บริษัทล็อคต้นทุนวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าไว้บ้างแล้ว นอกจากนี้มีเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว มีผลต่อกำลังซื้อ
รวมทั้ง ข้อบังคับทางการ เช่น LTV ที่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ และกฎหมายผังเมืองที่จะมีการปรับให้มีการสร้างตึกสูงได้ในหลายพื้นที่มากขึ้น จากที่กำหนดในย่านใจกลางเมือง(CBD) ซึ่งนายโอภาส กล่าวยืนยันว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตได้ตามความต้องการของครอบครัวเดี่ยวและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
ในส่วนของรายได้นั้น คาดว่าไตรมาส 1 ปี 54 จะทำรายได้สูงขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,400 ล้านบาท เนื่องจากช่วงต้นปีนี้มีการรับรู้รายได้จากโครงการของบริษัท 2 โครงการ คือ คอนโดฯ พระราม 9 เฟส 2 และคอนโดฯ รามอินทรา-นวมินทร์ อาคาร B
