xs
xsm
sm
md
lg

‘จิลล์ โรเจอร์’ สวยห้าวสาวลูกครึ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จิลล์ หรือ นรินทร์  โรเจอร์ นางเอกละครช่อง 7
สาวน้อยหน้าหวาน ซึ่งมีบุคลิกที่แตกต่างจากหน้าตา น้องจิลล์ หรือนรินทร์ โรเจอร์ นางเอกช่อง 7 สี ที่มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬายิงปืน วันนี้ทีมงาน M-open นัดพบสาวคนนี้ที่หน้ามหาวิทยาลัยศรีปทุมซึ่งเป็นสถานที่เรียนของเธอนั่นเอง เมื่อได้พบกัน เธอยิ้มทักทายมาแต่ไกลด้วยอัธยาศัยที่เป็นกันเอง วันนี้เธอมาในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าผ้าใบสีม่วง ใส่เสื้อคลุมหนังสีน้ำตาลเข้มแบบสปอร์ต ดูท่าทางมั่นใจสไตล์แบบสาวเท่ พร้อมกับใส่แว่นตาดีไซน์เก๋ซึ่งมันเพิ่มเสน่ห์ให้เธอเป็นอย่างดี เมื่อเดินเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย เธอชี้ให้ดูนั่นดูนี่ขณะเดินผ่านพร้อมทั้งพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยท่าทางอารมณ์ดี และเมื่อทีมงานได้สัมภาษณ์เธออย่างใกล้ชิด ให้รู้ทันทีเลยว่าเธอไม่มีแอ๊บ ไม่มีห่วงภาพลักษณ์แบบนางเอกละครไทย
 
ถ้าใครอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ วันนี้ทีมงาน M-open จะพาคุณมาสัมผัสตัวจริง เสียงจริงของเธอกันแบบไม่มีปิดบังซ่อนเร้น ด้วยบุคลิกที่เป็นธรรมชาติจึงทำให้เธอดูเป็นคนน่ารักแบบเปิดเผย เธอจะมาเล่าประสบการณ์มันๆ ลุยๆ ในชีวิตให้คุณได้เห็นลุคใหม่ในแบบที่นางเอกละครไทยไม่เคยมี

ลูกครึ่งหัวใจไทย
ด้วยความที่เกิดและโตในเมืองไทย แม้จะมีหน้าตาแบบลูกครึ่งก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแตกต่างไปจากคนไทยคนหนึ่ง ถึงจะมีเชื้อสายไทย-อังกฤษอยู่ในตัว แต่เธอก็ขอคอนเฟิร์มเลยว่าเลือดในตัวเป็นไทย 100%
 
“จิลล์มีความเป็นไทยเต็มร้อยนะ เพราะว่ารับทุกอย่างที่เป็นไทยมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ การกิน การเดินทาง หรือว่าจะเป็นความคิดซึ่งการคิดส่วนหนึ่งได้จากพ่อมาบ้างซึ่งพ่อเป็นฝรั่งเขาจะเป็นคนคิดเปิด และมองโลกในแง่บวก แต่ถ้าเรื่องมารยาทก็จะเป็นแบบไทยๆ เยอะมาก เพียงแต่ว่าจิลล์มีผมมีหน้าตาเหมือนฝรั่งเท่านั้น และที่สำคัญจิลล์ก็พูดภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาบ้านเกิดของคุณแม่และก็พูดภาษาอังกฤษกับคุณพ่อ

สมัยเด็กเกิดที่พัทยา จ.ชลบุรี เนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่ทำธุรกิจร้านบาร์ที่นั่น และต่อมาย้ายมาอยู่ จ.อุดรธานีซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ ย้ายมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบจนถึงอายุ 14 ปี สมัยเด็กจึงอยู่ จ.อุดรธานีมาตลอดประมาณ 10 กว่าปี จึงพูดภาษาอีสานกับแม่ได้ แม่เขาเป็นคนกึ่งโบราณกึ่งสมัยใหม่ ก็สอนกิริยามารยาทแบบไทยๆ อะไรที่ต้องเรียบร้อย พฤติกรรมอะไรที่สมควรหรือไม่สมควรแม่ก็บอกตลอด แต่เขาจะไม่ค่อยจู้จี้จุกจิกกับเรานัก จริงๆ แล้วเราก็ไม่ใช่คนเรียบร้อยแต่เป็นเด็กที่นิ่งๆ แอบซนมากกว่า”

วีรกรรมกับพี่ชายฝาแฝด
เห็นหน้าตาหวานแบบลูกครึ่งอย่างนี้ ใครจะไปคิดว่าในวัยเด็กเธอแก่นแก้ว เล่นทโมนอย่างเด็กผู้ชายซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอเอง ด้วยความสนิทกันและเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงติดนิสัยแบบผู้ชายกลายเป็นสาวห้าวซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับบุคลิกสาวเท่ในตอนนี้ เธอมักจะมีประโยคหนึ่งพูดติดปากเสมอว่า “มันมันดี”

แม่เขาจะเลี้ยงลูกแบบว่าลุยๆแม่ทำอะไรเป็นเราก็ต้องทำเป็นทุกอย่าง และเขาก็จะสอนตั้งแต่เด็กว่า “เวลาโตขึ้นมาไปบ้านใครจะได้ทำได้ไม่อายเขา หรือว่าจะได้ไม่ไปลำบากคนอื่น” ซึ่งแม่สอนให้พึ่งตัวเองตั้งแต่เด็ก เวลากลับจากโรงเรียนต้องกลับบ้านเองตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นป.2 นั่งรถโดยสารกลับบ้านเองกับ “แจ๊ค” ฝาแฝดด้วยกัน ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดกับจิลล์เอง แต่เป็นฝาแฝดไข่คนละใบ มีหน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะ แม่ก็สอนเราสองคนให้ทำอะไรเป็นทุกอย่าง ไม่ให้พึ่งคนอื่นพึ่งตัวเองอย่างเดียว
จริงๆแล้ววัยเด็กไม่ค่อยซนเท่าไหร่ แต่ว่าก็แอบซนนิดหน่อย อย่างเช่นตามแฝดไปเล่นน้ำ เล่นอะไรที่ผู้ชายเขาเล่นกัน ก็เล่นกันมาตั้งแต่เด็กถ้าเราจะเล่นอะไรหญิงๆนี่มันก็น้อยมากเท่าที่จำได้ ส่วนใหญ่จะไปเล่นกับผู้ชายมากกว่า มีเล่นดีดลูกแก้วลงหลุม หรือปั่นจักรยานแข่งกันบ้าง”

ชีวิตในวัยเด็กของเธอไม่ว่าจะไปเรียน ไปเล่น ต้องมี “แจ๊ค” พี่ชายฝาแฝดไปด้วยกันเสมอจนเมื่อแจ๊คได้เรียนยิงปืน ตั้งแต่นั้นมาจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอต้องย้ายเข้ามาอยู่และเรียนในกรุงเทพฯเพื่อฝึกซ้อมกีฬายิงปืนเป็นเพื่อนกันกับพี่ชายฝาแฝด

อดีตนักกีฬายิงปืนเยาวชนทีมชาติ
จากบุคลิกที่เป็นคนลุยๆ ห้าวๆ แบบสาวเท่ การที่มีหน่วยก้านดีนี่แหละ เธอจึงถูกแม่บังคับให้มาฝึกซ้อมกีฬายิงปืนกับพี่ชายฝาแฝดซึ่งเป็นนักกีฬายิงปืนอยู่แล้วในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมว่าสาวหน้าหวานอย่างเธอจะยิงปืนมาตั้งแต่อายุ 14 และมีดีกรีเป็นถึงนักกีฬายิงปืนเยาวชนทีมชาติเลยทีเดียว

“พี่ชายฝาแฝดชอบยิงปืนมากแต่เราอะไรก็ได้ จนแม่บังคับให้มาเป็นเพื่อนซ้อมยิงปืนกับพี่ชายเพราะเขาชอบอ้างเหตุผลว่าไม่มีเพื่อนซ้อม แม่ก็เลยจับไปยืนซ้อมคู่กัน และหลังจากนั้นก็เริ่มคัดตัวไปแข่งกีฬาแห่งชาติและไปถึงระดับชาติ”

วันนี้เธอมีรางวัลมาการันตีฝีมือ เมื่อเธอย้อนเล่าถึงประสบการณ์การแข่งขันที่รู้สึกภูมิใจ “ตอนแข่งกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดลำปาง ประมาณปีพ.ศ. 2549 เป็นแบบระบบปืนยาว 3 ท่าสตรี คือท่านอน นั่งและยืน โดยใช้ปืน .22 ในการแข่งขัน ได้เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกโดยมีทั้งหมด 8 คนได้ที่ 5 มาตอนนั้นรู้สึกภูมิใจ เพราะมันเป็นการแข่งครั้งแรกที่เข้ารอบและก็ได้ใบประกาศนียบัตรมา

การยิงปืนสามารถฝึกคนให้นิ่ง มีสมาธิ จึงถือเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง จิลล์เลยชอบยิงปืน เวลาซ้อมปืนเสร็จก็จะเอาปืนไว้ท้ายรถ แต่แม่จะห้ามพกปืนไปที่อื่น เขากลัวว่าเราจะพกปืนมั่วซั่วไปยิงคนตาย เพราะเคยมีอุบัติเหตุครั้งหนึ่งในสนามตอนแข่งขันซึ่งเป็นเพื่อนจิลล์เอง เขายิงเสร็จจึงไปพักก่อนที่จะยิงอีกรอบ กรรมการเป่าหยุดเวลา เขาจึงวางปืนไว้ในที่เดิมแต่ลืมเอาลูกกระสุนออก ปืนมันเป็นระบบสัมผัสอัตโนมัติและไกปืนเกิดลั่นขณะที่มีคนเดินมา กระสุนได้เข้าที่เอวพอดีแต่โชคดีที่ไม่ถึงชีวิต ซึ่งตามกฎกติกาของสนามยิงปืนเมื่อหยุดยิงหรือเลิกยิงนั้น ต้องเปิดโม่และก็หันปืนเข้าสนามห้ามเอาปากกระบอกหันออกนอกสนามเพราะอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ เรื่องนี้ก็เลยเป็นอุทาหรณ์และเป็นประสบการณ์สอนเราด้วย”

นางเอกบู๊คนใหม่
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้เป็นนักกีฬายิงปืนเยาวชนทีมชาติแล้ว แต่จากประสบการณ์การยิงปืนมา 5 ปี (อายุ14-18ปี) จึงเป็นเครื่องการันตีความคุ้นเคยในการใช้ปืนได้เป็นอย่างดี ความสามารถเฉพาะนี้จึงเข้าตาผู้กำกับหนังบู๊อย่างคุณคมน์ อรรฆเดช เธอจึงเข้ามารับบทบาทนางเอกคิวบู๊อีกหนึ่งคนในสังกัดค่ายโคลิเซียม

“ทางบริษัทโคลิเซียม เขากำลังอยากได้นางเอกบู๊ ทางโมเดลลิ่งซึ่งเป็นเพื่อนพี่สาวก็เลยพาจิลล์เข้าไปคุย และทางคุณอาคมน์ อรรฆเดช เขาถูกใจเราตรงที่เราเป็นนักกีฬายิงปืนด้วยและก็บู๊ๆด้วย คุณอาคมน์เขาก็สนับสนุน ซึ่งส่วนมากอาคมน์เขาชอบปั้นนางเอกหนังบู๊”

ได้ขึ้นแท่นนางเอกสมบูรณ์แบบในเรื่อง “พยัคฆ์ยี่เก” แสดงคู่กับอัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ซึ่งก็มีบทฉากบู๊อีกเหมือนเดิม เห็นเล่นบู๊สมบทบาทขนาดนี้ แต่ก็มีผิดคิวเหมือนกัน “มีบ้างตอนเล่นเรื่องพยัคฆ์ยี่เก เป็นครั้งแรกที่เล่นผิดคิว ตอนนั้นเป็นท่าที่กระโดดหนีบคอโจร และก็มีโจรล็อกคอเราอยู่ เราต้องบิดเขาให้ล้มลง แต่กลับเป็นว่าเราบิดเกลียวกลับทางกัน สตันท์เขาก็เกลียวลงทับขาเราพอดี (พร้อมทำมือประกอบให้ทีมงานดู) จิลล์เดี้ยงเลยอ่ะ ขาช้ำถลอกเขียว แล้วในวันเดียวกันก็ยังมีถ่ายบู๊ต่อตอนกลางคืนอีก เราก็มานั่งนวดๆยังไงก็ต้องถ่ายต่อไม่อยากเป็นตัวถ่วงกองถ่าย อาก็ถามว่า “ไหวไหม เราก็บอกไหวอา” วันนั้นก็ถ่ายทำสำเร็จไปด้วยดี”

จากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาทั้งงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง “หลบผี ผีไม่หลบ 2” และงานละคร จึงอยากรู้ว่าเธอถนัดงานแบบไหนมากกว่ากัน “ละครเป็นงานที่ยากนะ เพราะเราต้องเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ตัวเองให้มันเข้ากับตัวละครตัวนั้น แต่ถ้าเป็นหนังมันจะเป็นฟิวประมาณว่าทำอะไรก็ได้ จิลล์เลยชอบหนังมากกว่า เราอยากทำอะไรก็ทำ ตอนแรกๆที่จิลล์มาเล่นละครใหม่ๆ แอ็กติงนี่ไม่ได้เรื่องเลย เล่นแข็งมาก เพื่อนแซวบอกว่า “เฮ้ย...นี่ เรื่องแรกเล่นเป็นพระอิฐ เรื่องสองเล่นเป็นพระปูน” (หัวเราะ) แต่ก็ได้เรียนแอ็กติงเสริมก่อนไปถ่ายละคร “เจาะเวลาหาโก๊ะภาค 2” มีเทรนด์ให้ก่อนถ่ายละครจริง ประมาณ 2 วัน หลังจากนั้นก็เรียนรู้ตอนถ่ายละครเลย

จิลล์โชคดีมากเลยที่เจอนักแสดงแต่ละคนที่มีความเป็นมืออาชีพทั้งนั้น อย่างน้าค่อม ชวนชื่น จิลล์ทึ่งน้าค่อมมาก น้าค่อมแกอ่านหนังสือไม่ออก จิลล์ก็เลยอ่านไดอะล็อกให้เขาฟัง ประมาณ 2 หน้ากระดาษแกจำได้ เขาเก่งมาก แต่จิลล์ต้องไปอ่านบทก่อนมาถ่ายละครเยอะมาก จึงรู้เลยว่าความเป็นมืออาชีพมันเป็นยังไง และรู้สึกดีที่ได้เจอกับคนเก่งๆ”

อยากทำงานเบื้องหลัง
ทุกคนจะเห็นจิลล์ในบทบาทงานแสดงต่างๆผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แต่ที่จริงแล้วเธอแอบกระซิบบอกมาว่า “ชอบงานเบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้าเสียอีก” เธอสนใจในกระบวนการทำงานของคนเบื้องหลังมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นแรงจูงใจให้เข้ามาเรียนสาขาวิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์

“โฆษณาชิ้นแรกที่จุดประกายจนทำให้เราชอบงานโฆษณาคือ “โค้ก” มันเป็นเรื่องของกระบวนการทำผลิตภัณฑ์ เขามีวิธีการนำเสนอในแต่ละภาพได้น่าสนใจมาก หลังจากนั้นมาก็ดูโฆษณาชิ้นอื่นมาเรื่อยๆทั้งของไทยและในต่างประเทศ ดูหลายสิ่งหลายอย่างในกระบวนการทำ ดูความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ดูความเก๋แปลกใหม่ของเขาหรือสิ่งที่มันไม่เหมือนคนอื่น

เวลาจิลล์ไปงานถ่ายโฆษณาก็จะชอบไปอยู่ในห้อง OB ดูพี่ๆ เจ้าหน้าที่ตัดต่อ/ถ่ายทำ บางทีก็ไปกรอนั่นกรอนี่ ถามนั่นถามนี่เขาตลอดจนพี่เขาก็ไล่ออกมา “ไปข้างนอกเลย...ทำงานอยู่นะเนี่ย” เราก็บอกว่า “ถามหน่อยก็ไม่ได้” เราชอบไปถามเขาตลอดเวลาไปงานถ่ายโฆษณาตามกอง”

ชอบไปมันกับเพื่อน
แม้ว่าในตอนเด็กจิลล์จะเคยไปบ้านพ่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม อากาศเย็นสบาย มีชายทะเลและมีชายหาดหลังบ้าน ถึงจิลล์จะเป็นคนชอบและรักทะเลมากแค่ไหนแต่เธอก็บอกว่ายังชอบอะไรแบบไทยๆอยู่ดี

จิลล์ชอบไปเที่ยวทะเล ชอบทะเลที่มีน้ำตก (ทำเอาทีมงานงง? ทะเลที่ไหนมีน้ำตก?) แล้วเธอก็พูดต่อว่า จิลล์เคยไปเที่ยวเกาะล้านที่พัทยามา พอเล่นน้ำทะเลเสร็จเราก็ไปล้างตัวในน้ำตก ชอบมากเลย ตอนที่ไปเที่ยวไปหน้าแมงกะพรุนพอดี มันอยู่เต็มทะเลเลย น่ากลัวมาก เราจึงไปเล่นอีกหาดหนึ่งทางด้านหลังแทน”

ด้วยความที่เป็นคนรักเพื่อน และชอบไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนบ่อยๆ กิจกรรมหลายอย่างจึงทำร่วมกันกับเพื่อนจิลล์บอกว่าเพื่อนๆ ที่คณะเดียวกันก็เป็นแนวเดียวกันกับจิลล์ เราชอบอะไรเหมือนๆ กัน เราเลยไปด้วยกันได้
ก็จะมีกิจกรรมโหดๆ มันๆ เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ได้ไปหัวหิน, อยุธยา, สมุทรปราการ อย่างหัวหินก็ไปเที่ยวทะเลกันตอนนั้นไปชนกับงานเทศกาลดนตรี “หัวหินแจ๊ซ” พอดี เราก็ไปถ่ายงานอัดเทปส่งอาจารย์ด้วย พอตอนไปสมุทรปราการก็จะเป็นเมืองโบราณไปดูสถาปัตยกรรมที่มันใหญ่กว่าเมืองจำลอง ทำได้ยังไงใหญ่ขนาดนี้ มันอเมซิ่งมากไม่เคยเห็น เพื่อนบีบีมาถามว่าอยู่ไหน? เราก็บอกว่าอยู่ปราสาทเขาพนมรุ้ง เพื่อนถามว่าไปทำไมไกล เราก็หัวเราะ ส่วนอยุธยาก็จะไปถ่ายรูปตามเมืองเก่ากันมากกว่า ”

อีกมุมหนึ่งของเธอ
หลายคนอาจงงๆในภาพลักษณ์ของนางเอกสาวคนนี้ มาดสาวเท่ ดูดี ยังคงเป็นเอกลักษณ์ในตัวเธอทั้งในจอและนอกจอ ซึ่งธรรมดาแล้วนางเอกละครไทยจะดูเรียบร้อยอ่อนหวานไปหมด แต่สำหรับจิลล์แล้วนั้นเธอเป็นตัวเองสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกการพูดจา การแต่งตัว ส่วนเรื่องรักสวยรักงามซึ่งเธอเองจะไม่พิถีพิถันในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ในบางมุมของสาวห้าวก็มีความอ่อนโยนเหมือนกัน

“จริงแล้ว จิลล์เป็นคนนิ่งๆ ลุยๆ ห้าวๆ ห่ามมาก แอบมีแอ๊บหวานนิดหนึ่ง อาจเป็นฟิวแบบว่าหลุดโลกไปเลย ออกติสท์ๆ จิลล์เป็นคนชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน คุยกับคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้าพูดถึงเรื่องรักสวยรักงามตอนเด็กนี่ไม่เคยดูแลตัวเองเลย ครีมทาผิวก็ไม่ทาจนมาตอนโตโดนคนรอบข้างบังคับจึงเริ่มทาบ้าง”

ทั้งหมดในความเป็นจิลล์มันก็คือตัวตนของเธอจริงๆ หลายคนจะเห็นเธอในลุคห้าว ชอบใส่กางเกงยีนส์ หรือไม่ก็เป็นขาสั้น กระโปรงก็แทบไม่ค่อยแตะ เห็นเธอในลุคนี้มาตลอดอยากรู้ไหมว่าสาวลุยๆ อย่างเธอก็เป็นคนอ่อนโยนเหมือนกัน

“เป็นคนรักหมา มีอะไรที่บริจาคเกี่ยวกับหมาจะหย่อนสตางค์ตามตู้บริจาคตลอดเพราะสงสารมันอยากช่วยเหลือมัน แต่ก่อนตอนที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด เลี้ยงหมาตั้ง 4 ตัว น่ารักทั้งนั้นเลย เป็นพันธุ์ทาง พอเราย้ายมากรุงเทพฯจึงไม่ค่อยมีเวลาแม่เลยเอาไปไว้บ้านญาติที่ต่างจังหวัด คือสงสารมัน มันดูเบื่อๆ เวลามันไปกัดเป็ดกัดไก่ที่เขาเลี้ยงไว้ ชาวบ้านเขาก็จับผูกต้นไม้ไว้บ้าง บางตัวเขาก็ยิงทิ้ง เห็นแล้วเราสงสารมันมาก”

ไม่ชอบผู้ชายจู้จี้จุกจิก
เคยเป็นถึงนักกีฬายิงปืน หนุ่มๆหลายคนคงผวา ถ้าเกิดชอบเธอขึ้นมาจะกล้าจีบไหม? หนุ่มคนไหนที่เข้ามาจีบจะไม่ให้คิดเลยก็คงไม่ใช่ แต่ตอนนี้ขอบอกก่อนเลยว่าห้องหนึ่งในหัวใจของจิลล์รับคนเข้ามาพิจารณาแล้ว เขาคนนั้นจะเป็นใคร? คงต้องไปถามน้องจิลล์กัน

“ถ้าไม่รู้ว่ายิงปืนเขาก็กล้าเข้ามาจีบ แต่พอรู้ว่าเป็นนักกีฬายิงปืนปุ๊บ...เขาหายไปเลย บางทีเรานั่งกินข้าวอยู่เขาก็เข้ามาถามว่าชื่ออะไรหรอ? พอเพื่อนพูดถึงเรื่องยิงปืนว่าพรุ่งนี้แข่งไหม? เราก็บอกเพื่อนว่าพรุ่งนี้แข่ง 9 โมง ผู้ชายก็เดินหายไปในห้องน้ำเลย เราเองก็งง”

ตอนนี้หัวใจของน้องจิลล์มีคนจองแล้ว เพราะเธอบอกว่าได้คบหาพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งมาประมาณ 2 ปีแล้ว ส่วนเรื่องชื่อของคนที่เธอคบหานั้น จิลล์ขอแอบเก็บเป็นความลับไว้ก่อน
“จิลล์ชอบคนตี๋ๆ คิ้วเข้มๆ ชอบนิสัยแบบที่เป็นคนลุยๆเหมือนกัน ชอบคนที่เข้าใจเราไปด้วยกันได้ ต้องมีความเชื่อใจ ไว้วางใจและมั่นใจในกันและกัน ไม่ชอบคนจู้จี้จุกจิก ชอบคนเปิดเผยคิดอย่างไรต้องพูดอย่างนั้น ไม่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ จะอึดอัดใจกันเปล่าๆ”



ประวัติส่วนตัว
ประวัติ : นรินทร์ โรเจอร์ (จิลล์)
วัน/เดือน/ปีเกิด : 15 สิงหาคม 2532
ส่วนสูง-น้ำหนัก : 170 ซม. / 50 กก.
การศึกษา : ระดับมัธยม-โรงเรียนเทพลีลา แผนกศิลป์-ภาษา ระดับปริญญาตรี-คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการโฆษณา มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ความสามารถพิเศษ : ยิงปืน, ว่ายน้ำ, เทควันโด
อาหารจานโปรด : ส้มตำ
ผลงาน : งานละคร-เจาะเวลาหาโก๊ะภาค 2, พยัคฆ์ยี่เก, โก๊ะซ่าท้ามิติ, ตำรวจเหล็ก ภาพยนตร์- หลบผี ผีไม่หลบ 2 และงานโฆษณา-ซิตร้า, เครื่องดื่มเรดดี้, แคนนอนพรินเตอร์ และพอนด์
 
รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite / ASTV สุดสัปดาห์

ภาพโดยพงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร





 







กำลังโหลดความคิดเห็น