ผู้จัดการรายวัน – “แสนสิริ” เคาะราคาขายอพาร์ทเม้นท์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ยูนิตละ 100 ล้าน หลังซื้อมา 6 ยูนิตตั้งแต่ปี 51 เจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ส่งลูกไปเรียนประเดิม 6 ยูนิ คาดขายหมดภายในปีนี้ เล็งลงทุนต่อที่นิวยอร์ก ด้านแผนลงทุนในประเทศเล็งเปิดโครงการเพิ่มหลังยอดขายไตรมาสแรกทะลุเป้า 5,000 ล้าน ส่วนที่ดินย่านเพลินจิตเล็งผุดคอนโดฯไฮเอ็นสร้างเสร็จก่อนขายราคาสูงกว่า 3 แสนบาท/ตร.ม.
นาย เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการปรับปรุงอพาร์ตเมนต์ 1 คูหาสูง 6 ชั้นจำนวน 6 ยูนิต (ชั้นละ 1 ยูนิต) สัญญาเช่า 999 ปี ใจกลางกรุงลอนดอน ใกล้สวน HydePark ประเทศอังกฤษ แล้วเสร็จและพร้อมเปิดขาย ภายใต้ชื่อ “9 Elvaston Place” ขนาด 60-146 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน ราคาขายเฉลี่ย 800,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ส่งลูกไปเรียนที่ลอนดอน ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในเร็วๆนี้
โครงการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนในต่างประเทศเป็นโครงการแรกของแสนสิริ โดยซื้อมาตั้งแต่ปี 2551ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ราคาอสังหาฯปรับลดลง 10-15% รวมถึงเงินปอนด์อ่อนค่าลงอีกด้วย แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นทำให้ราคาอสังหาฯปรับขึ้นมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว ขณะที่สถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อในแก่ลูกค้ารายย่อยโดยปล่อย 70% ของมูลค่าสินทรัพย์ จากที่เคยหยุดปล่อยในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งแสนสิริได้ติดต่อสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อปล่อนสินเชื่อแก่ลูกค้าที่สนใจขอสินเชื่อ
นายเศรษฐากล่าวว่า หากโครงการดังกล่าวสามารถปิดการขายได้เร็วหรือมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ บริษัทพร้อมที่จะลงทุนในโครงการในต่างประเทศต่อไป โดยจะเน้นลงทุนในประเทศที่เจริญแล้ว มีข้อจำกัดในการพัฒนาอสังหาฯใหม่ๆ มีความต้องการสูง ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปดูที่นิวยอร์กมา 3 ครั้งแล้ว นอกจากนี้ยังเน้นซื้อหรือเทคโอเวอร์โครงการเก่าแล้วนำมาปรับปรุงขาย โดยจะไม่เน้นการลงทุนก่อสร้างหรือพัฒนาใหม่เพราะเชื่อว่าจะแข่งขันกับผู้ประกอบการท้องถิ่นได้ยาก และที่สำคัญจะต้องมีผลตอบแทนจากการลงทุนไม่น้อยกว่า 15%
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับตลาดประเทศไทยอสังหาฯมีทิศทางที่ดีมาก โดยไตรมาสแรกคาดว่าจะมียอดขายดีเกินคาดทำให้แสนสิริปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรกจาก 4,000 ล้านบาทเป็น 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะปรับเป้าหมายยอดขายทั้งปีขึ้นอีกจากที่เคยตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มมากกว่า 23 โครงการ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ส่วนจะเพิ่มอีกกี่โครงการนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะหาซื้อที่ดินได้กี่แปลงในช่วงไตรมาส 2 แต่หากซื้อที่ดินได้หลังจากนั้นจะต้องไปพัฒนาในปีหน้าแทน โดยจะคงสัดส่วนลงทุนโครงการประเภทคอนโดมิเนียม 40%, ทาวน์เฮาส์ 40% และทาวน์เฮาส์ 20%
ส่วนที่ดินที่เพลินจิต จำนวน 700 ตารางวา ที่ซื้อมาตารางวาละ 1 ล้านบาทซึ่งถือว่าราคาต่อตารางวาสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการซื้อขายนั้น บริษัทวางแผนที่จะลงทุนก่อสร้างในปลายปีนี้ ส่วนรูปแบบนั้นในเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ความสูงประมาณ 30 ชั้นหรือ 15,000 ตร.ม. ประมาณ 100 ยูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ และจะต้องยื่นขออนุญาตตามกฎหมายก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยได้ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการที่มีราคาขาย/ตร.ม.แพงที่สุดในประเทศไทยอย่างแน่นอนคือเกินกว่า 300,000 บาท/ตร.ม. โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จจึงจะเปิดขายคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับปัจจัยลบที่น่าจับตามองและน่ากังวลมากที่สุดคือ การสู้รบในตะวันออกกลาง เพราะหากยืดเยื้อและลุกลามไปยังประเทศอื่นๆโดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย จะส่งกระทบต่อราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงส่งผลต่อเงินเฟ้อ และจะกระทบเป็นวงกว้างเกิดปัญหาเศรษฐกิจไปทั่วโลก
"ปัญหาอื่นๆ ยังไม่น่ากังวล ซึ่งได้แก่ ปัญหาการเมืองที่ไม่มีความรุนแรง ภัยธรรมชาติแม้ว่าจะประชาชนจะมีความกังวลบ้างแต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะทุกคนต้องเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป คนที่มีกำลังซื้อคอนโดฯก็จะซื้อคอนโดฯ เพราะถ้าซื้อบ้านเดี่ยวก็จะต้องซื้อห่างไกลออกไปมาก ส่วนคนที่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยวก็จะซื้อบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ การปรับขึ้นของดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปจะไม่ทำให้คนตกใจ แต่หากปรับขึ้นครั้งละเกินกว่า 0.50-0.75 ส.ต.จะทำให้คนตกใจและชะลอซื้อ "
นาย เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการปรับปรุงอพาร์ตเมนต์ 1 คูหาสูง 6 ชั้นจำนวน 6 ยูนิต (ชั้นละ 1 ยูนิต) สัญญาเช่า 999 ปี ใจกลางกรุงลอนดอน ใกล้สวน HydePark ประเทศอังกฤษ แล้วเสร็จและพร้อมเปิดขาย ภายใต้ชื่อ “9 Elvaston Place” ขนาด 60-146 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน ราคาขายเฉลี่ย 800,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ส่งลูกไปเรียนที่ลอนดอน ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในเร็วๆนี้
โครงการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนในต่างประเทศเป็นโครงการแรกของแสนสิริ โดยซื้อมาตั้งแต่ปี 2551ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ราคาอสังหาฯปรับลดลง 10-15% รวมถึงเงินปอนด์อ่อนค่าลงอีกด้วย แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นทำให้ราคาอสังหาฯปรับขึ้นมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว ขณะที่สถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อในแก่ลูกค้ารายย่อยโดยปล่อย 70% ของมูลค่าสินทรัพย์ จากที่เคยหยุดปล่อยในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งแสนสิริได้ติดต่อสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อปล่อนสินเชื่อแก่ลูกค้าที่สนใจขอสินเชื่อ
นายเศรษฐากล่าวว่า หากโครงการดังกล่าวสามารถปิดการขายได้เร็วหรือมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ บริษัทพร้อมที่จะลงทุนในโครงการในต่างประเทศต่อไป โดยจะเน้นลงทุนในประเทศที่เจริญแล้ว มีข้อจำกัดในการพัฒนาอสังหาฯใหม่ๆ มีความต้องการสูง ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปดูที่นิวยอร์กมา 3 ครั้งแล้ว นอกจากนี้ยังเน้นซื้อหรือเทคโอเวอร์โครงการเก่าแล้วนำมาปรับปรุงขาย โดยจะไม่เน้นการลงทุนก่อสร้างหรือพัฒนาใหม่เพราะเชื่อว่าจะแข่งขันกับผู้ประกอบการท้องถิ่นได้ยาก และที่สำคัญจะต้องมีผลตอบแทนจากการลงทุนไม่น้อยกว่า 15%
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับตลาดประเทศไทยอสังหาฯมีทิศทางที่ดีมาก โดยไตรมาสแรกคาดว่าจะมียอดขายดีเกินคาดทำให้แสนสิริปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรกจาก 4,000 ล้านบาทเป็น 5,000 ล้านบาท และคาดว่าจะปรับเป้าหมายยอดขายทั้งปีขึ้นอีกจากที่เคยตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มมากกว่า 23 โครงการ มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ส่วนจะเพิ่มอีกกี่โครงการนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะหาซื้อที่ดินได้กี่แปลงในช่วงไตรมาส 2 แต่หากซื้อที่ดินได้หลังจากนั้นจะต้องไปพัฒนาในปีหน้าแทน โดยจะคงสัดส่วนลงทุนโครงการประเภทคอนโดมิเนียม 40%, ทาวน์เฮาส์ 40% และทาวน์เฮาส์ 20%
ส่วนที่ดินที่เพลินจิต จำนวน 700 ตารางวา ที่ซื้อมาตารางวาละ 1 ล้านบาทซึ่งถือว่าราคาต่อตารางวาสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการซื้อขายนั้น บริษัทวางแผนที่จะลงทุนก่อสร้างในปลายปีนี้ ส่วนรูปแบบนั้นในเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ความสูงประมาณ 30 ชั้นหรือ 15,000 ตร.ม. ประมาณ 100 ยูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ และจะต้องยื่นขออนุญาตตามกฎหมายก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยได้ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการที่มีราคาขาย/ตร.ม.แพงที่สุดในประเทศไทยอย่างแน่นอนคือเกินกว่า 300,000 บาท/ตร.ม. โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จจึงจะเปิดขายคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับปัจจัยลบที่น่าจับตามองและน่ากังวลมากที่สุดคือ การสู้รบในตะวันออกกลาง เพราะหากยืดเยื้อและลุกลามไปยังประเทศอื่นๆโดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย จะส่งกระทบต่อราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงส่งผลต่อเงินเฟ้อ และจะกระทบเป็นวงกว้างเกิดปัญหาเศรษฐกิจไปทั่วโลก
"ปัญหาอื่นๆ ยังไม่น่ากังวล ซึ่งได้แก่ ปัญหาการเมืองที่ไม่มีความรุนแรง ภัยธรรมชาติแม้ว่าจะประชาชนจะมีความกังวลบ้างแต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะทุกคนต้องเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป คนที่มีกำลังซื้อคอนโดฯก็จะซื้อคอนโดฯ เพราะถ้าซื้อบ้านเดี่ยวก็จะต้องซื้อห่างไกลออกไปมาก ส่วนคนที่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยวก็จะซื้อบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ การปรับขึ้นของดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปจะไม่ทำให้คนตกใจ แต่หากปรับขึ้นครั้งละเกินกว่า 0.50-0.75 ส.ต.จะทำให้คนตกใจและชะลอซื้อ "