ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- คณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.)เห็นชอบวีซ่า GMS เล็งชงเรื่องเสนอ ครม.นำร่อง 4 ปท.ลุ่มน้ำโขงตอนบนก่อน ขณะที่ “หยวนโซน” เริ่มเป็นจริงแล้ว ด้าน คสศ.-หอ 10 จว.เหนือ เสนอเพิ่มจุดจอดไฮสปีดเทรน
นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการ คสศ.ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ที่ประชุมได้รับทราบและมีมติเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคเหนือหลายประการ โดยเฉพาะการติดตามการแก้ไขปัญหา และส่งเสริมการเปิดด่านการค้าเป็นด่านถาวรทั้งระบบในภาคเหนือ
การประชุมครั้งนี้ได้เห็นชอบที่จะผลักดันให้มีการยกจุดผ่อนปรนบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา เป็นด่านถาวรที่เชื่อมทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับ สปป.ลาว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการติดต่อกับเมืองไชยบุรี และหลวงพระบางต่อไป
ส่วนปัญหาด่านการค้าอื่น ๆ ที่จะนำเสนอปัญหาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือที่ด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ ห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน กิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ และด่านแม่สอด จ.ตาก ที่ได้ปิดมากว่า 9 เดือนแล้ว
ประเด็นต่อมาคือความคืบหน้าการผลักดันเรื่อง One Visa ใน 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงหรือ GMS ที่คสศ. ได้จัดสัมมนา “Six Countries one Visa- One Destination in GMS” ที่ จ.เชียงราย ไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด คณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.)เห็นชอบในหลักการการใช้วีซ่าเดียวเข้าได้ 6 ประเทศ โดยพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่เป็นไปได้ระหว่าง 4 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนก่อน ได้แก่ ไทย-จีนตอนใต้-พม่า-ลาว และให้ใช้ต้นแบบของไทย-กัมพูชา ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นมติออกมาต่อไป
นายพัฒนา กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าการใช้สกุลเงินท้องถิ่น ในเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจสำหรับผู้ประกอบการในภาคเหนือ ได้รับทราบว่าสามารถทำการค้ากับคู่ค้าที่ได้รับอนุญาตในมณฑลหยุนหนันและมณฑลอื่นๆ ของจีน ด้วยสกุลเงินหยวนของจีนและเงินบาทของไทยเป็นหลักผ่านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบเงินโอนกับธนาคารพาณิชย์ในไทยได้ทั้ง 7 ธนาคาร แต่ต้องให้ธนาคารตรวจสอบรายชื่อวิสาหกิจต่างๆ หรือคู่ค้าที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้ทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวน กับคู่ค้าในประเทศจีน (China Counterparties) ก่อนทำธุรกรรม
จากกรณีรัฐบาลได้ผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)เชื่อมสู่ภาคเหนือ ระยะทาง 754 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท โดยเปิดให้เอกชนจากทุกประเทศเข้าร่วมประกวดราคาแบบนานาชาติ (INTERNATIONAL BIDDING) นั้น ทาง คสศ.เห็นว่าควรจะมีการพิจารณาศึกษาเพิ่มจุดจอดนอกจากที่ จ.พิษณุโลก-นครสวรรค์ เป็นอีก 1 หรือ 2 จุดที่ จ.แพร่ หรือ จ.ลำปาง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเชื่อมโยงจังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือ โดยใช้ระบบรองรับการขนส่งเมืองต่างๆ มาสนับสนุน
ขณะที่โอกาสครบรอบคณะกรรมการ คสศ.ปี 2554 ครบ 10 ปีทาง คสศ.ยังจะมีกิจกรรมต่างๆ ในปีนี้มากมาย เช่น การจัดคณะเยือนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมโยงการค้าใน 5 เส้นทางคือเส้นทาง R3a เขตปกครองตนเองชนชาติไต สิบสองปันนา (สป.จีน) เส้นทางเมืองตองยี ประเทศพม่า เส้นทางนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว-ฮานอย(เวียดนาม) แม่สอด-มะละแหม่ง ประเทศพม่า และเส้นทางแม่ฮ่องสอน-ตองอู-ทันเว ประเทศพม่า รวมทั้งมีกิจกรรมจัดทำสารคดีเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาด่านการค้าชายแดนภาคเหนือ การจัดทำหนังสือหนึ่งทศวรรษ คสศ.ฯลฯ
นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการ คสศ.ครั้งที่ 2 ประจำปี 2554 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ที่ประชุมได้รับทราบและมีมติเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคเหนือหลายประการ โดยเฉพาะการติดตามการแก้ไขปัญหา และส่งเสริมการเปิดด่านการค้าเป็นด่านถาวรทั้งระบบในภาคเหนือ
การประชุมครั้งนี้ได้เห็นชอบที่จะผลักดันให้มีการยกจุดผ่อนปรนบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา เป็นด่านถาวรที่เชื่อมทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวกับ สปป.ลาว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการติดต่อกับเมืองไชยบุรี และหลวงพระบางต่อไป
ส่วนปัญหาด่านการค้าอื่น ๆ ที่จะนำเสนอปัญหาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือที่ด่านภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ ห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน กิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ และด่านแม่สอด จ.ตาก ที่ได้ปิดมากว่า 9 เดือนแล้ว
ประเด็นต่อมาคือความคืบหน้าการผลักดันเรื่อง One Visa ใน 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงหรือ GMS ที่คสศ. ได้จัดสัมมนา “Six Countries one Visa- One Destination in GMS” ที่ จ.เชียงราย ไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด คณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.)เห็นชอบในหลักการการใช้วีซ่าเดียวเข้าได้ 6 ประเทศ โดยพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่เป็นไปได้ระหว่าง 4 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนก่อน ได้แก่ ไทย-จีนตอนใต้-พม่า-ลาว และให้ใช้ต้นแบบของไทย-กัมพูชา ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นมติออกมาต่อไป
นายพัฒนา กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าการใช้สกุลเงินท้องถิ่น ในเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจสำหรับผู้ประกอบการในภาคเหนือ ได้รับทราบว่าสามารถทำการค้ากับคู่ค้าที่ได้รับอนุญาตในมณฑลหยุนหนันและมณฑลอื่นๆ ของจีน ด้วยสกุลเงินหยวนของจีนและเงินบาทของไทยเป็นหลักผ่านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบเงินโอนกับธนาคารพาณิชย์ในไทยได้ทั้ง 7 ธนาคาร แต่ต้องให้ธนาคารตรวจสอบรายชื่อวิสาหกิจต่างๆ หรือคู่ค้าที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้ทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวน กับคู่ค้าในประเทศจีน (China Counterparties) ก่อนทำธุรกรรม
จากกรณีรัฐบาลได้ผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)เชื่อมสู่ภาคเหนือ ระยะทาง 754 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท โดยเปิดให้เอกชนจากทุกประเทศเข้าร่วมประกวดราคาแบบนานาชาติ (INTERNATIONAL BIDDING) นั้น ทาง คสศ.เห็นว่าควรจะมีการพิจารณาศึกษาเพิ่มจุดจอดนอกจากที่ จ.พิษณุโลก-นครสวรรค์ เป็นอีก 1 หรือ 2 จุดที่ จ.แพร่ หรือ จ.ลำปาง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเชื่อมโยงจังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือ โดยใช้ระบบรองรับการขนส่งเมืองต่างๆ มาสนับสนุน
ขณะที่โอกาสครบรอบคณะกรรมการ คสศ.ปี 2554 ครบ 10 ปีทาง คสศ.ยังจะมีกิจกรรมต่างๆ ในปีนี้มากมาย เช่น การจัดคณะเยือนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมโยงการค้าใน 5 เส้นทางคือเส้นทาง R3a เขตปกครองตนเองชนชาติไต สิบสองปันนา (สป.จีน) เส้นทางเมืองตองยี ประเทศพม่า เส้นทางนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว-ฮานอย(เวียดนาม) แม่สอด-มะละแหม่ง ประเทศพม่า และเส้นทางแม่ฮ่องสอน-ตองอู-ทันเว ประเทศพม่า รวมทั้งมีกิจกรรมจัดทำสารคดีเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาด่านการค้าชายแดนภาคเหนือ การจัดทำหนังสือหนึ่งทศวรรษ คสศ.ฯลฯ