ตาก - ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาตาก เขต 2 สั่งปิดโรงเรียนบ้านมอเกอร์ไทย ชายแดนไทย-พม่า ปิดต่อไม่มีกำหนด หลังมีกระสุนปืนใหญ่ตกหลังโรงเรียน จนต้องหนีตายกันวุ่นมาแล้ว พร้อมกำชับ ผอ.โรงเรียนชายแดนทุกแห่ง เร่งประสานฝ่ายความมั่นคง เตรียมพร้อมสถานที่ปลอดภัยรองรับครู-นร.หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เตรียมของบปรับปรุงหลุมหลบภัยใหม่
นายทองสุข อยู่ศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนบ้านมอเกอร์ไทย ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ซึ่งมีกระสุนปืนใหญ่ที่เกิดจากการสู้รบระหว่างทหารพม่า-กะเหรี่ยง ข้ามตกลงมาด้านหลังโรงเรียนเมื่อวานที่ผ่านมานั้น (1 ก.พ.) ทำให้โรงเรียนยังคงต้องปิดการเรียนการสอนไม่มีกำหนด เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบรยังไม่สงบ โดยได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการโรงเรียนประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ในพื้นที่ชายแดน อ.พบพระ และ อ.แม่สอด มีโรงเรียนที่อยู่ติดชายแดนที่มีการสู้รบ 29 โรงเรียน ซึ่งผมได้สั่งการให้ทุกโรงเรียนประสานงาน กับ ฉก.ร.4 และหน่วยงานความมั่นคง ให้จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยและซักซ้อมแผนอพยพ ขณะเดียวกัน ผมจะทำเรื่องของบประมาณไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมหลุมหลบภัยในโรงเรียนทั้งหมด เนื่องจากหลุมหลบภัยในทุกโรงเรียนสร้างมาแล้วนับสิบปี ปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรมไม่มีความปลอดภัย หากได้รับการปรับปรุงเสริม ความมั่นคงแข็งแรงจะสร้างความปลอดภัยกับชีวิตของครูและนักเรียนได้มากขึ้น เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นแบบกะทันหัน” ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 กล่าว
ด้าน นายสงวน เมืองอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมอเกอร์ไทย กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการสู้รบในฝั่งตรงข้าม จะอยู่ห่างชายแดนไปค่อนข้างมาก แต่ครั้งนี้เป็นการสู้รบประชิดชายแดน และดุเดือดที่สุดตั้งแต่ทำงานที่โรงเรียนนี้มา 5 ปี ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงให้ปิดการเรียนการสอนไปจนถึงวันที่ 4 ก.พ.54 เพื่อรอดูสถานการณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับโรงเรียนมอเกอร์ไทย มีครู 8 คน นักการภารโรง 1 คน นักเรียนชั้นอนุบาล-ป.6 จำนวน 170 คน ในเช้าวันที่ 1 ก.พ.กระสุนปืนใหญ่ได้ตกลงมาด้านหลังโรงเรียน ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเมย ทำให้ต้องสั่งปิดโรงเรียน และอพยพครูและนักเรียนออกจากพื้นที่ทันที
รายงานข่าวจากชายแดนจังหวัดตาก แจ้งเพิ่มเติมว่า การสู้รบระหว่างทหารพม่า กับกะเหรี่ยงนั้น ทำให้ทหารพม่าได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะนี้โรงพยาบาลของพม่าหลายแห่ง ได้รับรักษาทหารพม่าที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งต้องดูแลรักษาพยาบาลฝ่ายทหารเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนชาวพม่าที่เจ็บป่วยต้องเลี่ยงเดินทางไปรักษาพื้นที่ชั้นใน เช่น ที่จังหวัดย่างกุ้ง พะโค และ เมืองมะละแหม่ง ในรัฐมอญ
สำหรับผู้อพยพหลบหนีภัยสงครามชาวกะเหรี่ยง-พม่า ที่หนีภัยเข้ามายังบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ยังคงอาศัยอยู่บริเวณบ่อลูกรังบ้านมอเกอร์ไทย ห่างจากกองร้อยทหารราบที่ 1743 ประมาณ 500 เมตร เนื่องจากยังไม่สามารถกลับไปได้ เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยภัย เพราะยังมีการเผชิญหน้าระหว่างกำลัง 2 ฝ่าย
ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ UNHCR ได้ประสานกับองค์กรพัฒนาเอกชนนานาชาติ เพื่อเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องนุ่งห่ม ยาเวชภัณฑ์กับผู้อพยพ ขณะที่โรงพยาบาลพบพระ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลการรักษาพยาบาล และการป้องกันโรคด้วย
นายทองสุข อยู่ศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนบ้านมอเกอร์ไทย ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ซึ่งมีกระสุนปืนใหญ่ที่เกิดจากการสู้รบระหว่างทหารพม่า-กะเหรี่ยง ข้ามตกลงมาด้านหลังโรงเรียนเมื่อวานที่ผ่านมานั้น (1 ก.พ.) ทำให้โรงเรียนยังคงต้องปิดการเรียนการสอนไม่มีกำหนด เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบรยังไม่สงบ โดยได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการโรงเรียนประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ในพื้นที่ชายแดน อ.พบพระ และ อ.แม่สอด มีโรงเรียนที่อยู่ติดชายแดนที่มีการสู้รบ 29 โรงเรียน ซึ่งผมได้สั่งการให้ทุกโรงเรียนประสานงาน กับ ฉก.ร.4 และหน่วยงานความมั่นคง ให้จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยและซักซ้อมแผนอพยพ ขณะเดียวกัน ผมจะทำเรื่องของบประมาณไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมหลุมหลบภัยในโรงเรียนทั้งหมด เนื่องจากหลุมหลบภัยในทุกโรงเรียนสร้างมาแล้วนับสิบปี ปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรมไม่มีความปลอดภัย หากได้รับการปรับปรุงเสริม ความมั่นคงแข็งแรงจะสร้างความปลอดภัยกับชีวิตของครูและนักเรียนได้มากขึ้น เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นแบบกะทันหัน” ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 กล่าว
ด้าน นายสงวน เมืองอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมอเกอร์ไทย กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการสู้รบในฝั่งตรงข้าม จะอยู่ห่างชายแดนไปค่อนข้างมาก แต่ครั้งนี้เป็นการสู้รบประชิดชายแดน และดุเดือดที่สุดตั้งแต่ทำงานที่โรงเรียนนี้มา 5 ปี ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงให้ปิดการเรียนการสอนไปจนถึงวันที่ 4 ก.พ.54 เพื่อรอดูสถานการณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับโรงเรียนมอเกอร์ไทย มีครู 8 คน นักการภารโรง 1 คน นักเรียนชั้นอนุบาล-ป.6 จำนวน 170 คน ในเช้าวันที่ 1 ก.พ.กระสุนปืนใหญ่ได้ตกลงมาด้านหลังโรงเรียน ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเมย ทำให้ต้องสั่งปิดโรงเรียน และอพยพครูและนักเรียนออกจากพื้นที่ทันที
รายงานข่าวจากชายแดนจังหวัดตาก แจ้งเพิ่มเติมว่า การสู้รบระหว่างทหารพม่า กับกะเหรี่ยงนั้น ทำให้ทหารพม่าได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะนี้โรงพยาบาลของพม่าหลายแห่ง ได้รับรักษาทหารพม่าที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบจำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งต้องดูแลรักษาพยาบาลฝ่ายทหารเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนชาวพม่าที่เจ็บป่วยต้องเลี่ยงเดินทางไปรักษาพื้นที่ชั้นใน เช่น ที่จังหวัดย่างกุ้ง พะโค และ เมืองมะละแหม่ง ในรัฐมอญ
สำหรับผู้อพยพหลบหนีภัยสงครามชาวกะเหรี่ยง-พม่า ที่หนีภัยเข้ามายังบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ยังคงอาศัยอยู่บริเวณบ่อลูกรังบ้านมอเกอร์ไทย ห่างจากกองร้อยทหารราบที่ 1743 ประมาณ 500 เมตร เนื่องจากยังไม่สามารถกลับไปได้ เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยภัย เพราะยังมีการเผชิญหน้าระหว่างกำลัง 2 ฝ่าย
ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ UNHCR ได้ประสานกับองค์กรพัฒนาเอกชนนานาชาติ เพื่อเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องนุ่งห่ม ยาเวชภัณฑ์กับผู้อพยพ ขณะที่โรงพยาบาลพบพระ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลการรักษาพยาบาล และการป้องกันโรคด้วย