ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ทันทีที่ชื่อของ “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” มีปรากฏตามสื่อว่า จะนั่งหัวหน้าพรรคประชาสันติ โดยมี “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีต ผบ.ตร.น้องสุดที่รักของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รมว.กลาโหม และ “พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์” อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. สองเพื่อนซี้ร่วมแสดง โดยมีนายทุนใหญ่เจ้าของตึกสูงสุดของกรุงเทพมหานครเป็นผู้อำนวยการสร้าง
ข่าวการก่อตั้งพรรคของ “ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” แม้ทาง “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” และ “พิชิต ควรเตชะคุปต์” จะให้สัมภาษณ์ในลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ก็ตามที โดยที่เพื่อนคนแรก ระบุว่า “เรื่องดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับ ร.ต.อ.ปุระชัย เพียงคนเดียว ซึ่งหากมีความชัดเจนว่าจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นจริง ตนเองก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่ที่ผ่านมาเท่าที่มีการคุยกัน ร.ต.อ.ปุระชัย มีความกังวลในเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ที่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่าย มีความแตกแยก ส่วนจะตั้งพรรคการเมืองจริงหรือไม่นั้น ตนเองไม่สามารถตอบได้จริงๆ ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ร.ต.อ.ปุระชัย เพียงคนเดียว”
ขณะที่เพื่อนคนหลังกล่าวว่า ตนเองเดินการเมืองในแนวทางการลงสมัคร ส.ว. ซึ่งคงไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ส่วนการตั้งพรรคการเมืองของ ร.ต.อ.ปุระชัย นั้นก็ทราบจากที่เป็นข่าวมาเท่านั้น
เหตุผลการต่อตั้งพรรคที่ “ปุระชัย-พัชรวาท-พิชิต” เคยหารือและตกผลึกทางความคิดว่าจะตั้งพรรคเพื่อต้องการหาทางออกให้กับประเทศ จากความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การตั้งพรรคของ “ปุระชัย” จะเป็นการหาทางออกให้กับประเทศ หรือเพิ่มปัญหาให้กับประเทศ ขึ้นอยู่ที่อนาคต แต่สำหรับประวัติความเป็นมาของ 3 เพื่อนซี้ย้ำปึ้ก “ปุระชัย-พัชรวาท-พิชิต” ถือว่าไม่ธรรมดา เมื่อพบว่าครั้งหนึ่งในอดีตของ “ปุระชัย” ครั้งเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เขาผู้นี้ได้เคยสร้างผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาประชาชน ด้วยบทบาทปกป้องเพื่อนซี้ที่ชื่อ “พัชรวาท” ในครั้งนั้น อย่างน่าเกลียดที่สุด
ย้อนกลับไปทบทวนความทรงจำอดีต ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิที่ชื่อ “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ทำงานเคียงข้าง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ที่เขาคือ เพื่อนรัก เพื่อนซี้ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้อื้อฉาว) เมื่อพบว่า พฤติกรรมการกระทำของ “ปุระชัย” ในครั้งนั้น เขาเคลื่อนไหวทุกวิถีทาง เพื่อคัดค้าน ขัดขวางการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ แบบสุดโด่ง
ทำให้ครั้งนั้นหลายคนสงสัยว่า “ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” เขาทำเพื่อใคร?
ทำเพื่อรักษาความเป็นธรรมให้แก่องค์กรตำรวจหรือไม่?
และพฤติกรรมของ “ปุระชัย” ในยุคนั้น ตัวตนของเขายังหลงเหลือ “ความดีที่ไม่มีเสื่อม” อยู่อีกหรือไม่?
สืบเนื่องจากปัญหาเมื่อครั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีผู้นำคนใหม่นับจากวินาทีที่ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีต ผบ.ตร.ส่งหนังสือลาออกไปถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธาน ก.ตร. เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2552 โดยเก้าอี้ ผบ.ตร.ว่างเว้นตัวจริง เสียงจริง เป็นเวลากว่า 3 เดือน ส่งผลกระทบถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระประจำปี ที่ปกติจะต้องเสร็จสิ้นก่อนเดือน ต.ค. 2552
จากปมเงื่อนไขยังไม่ได้ตัว “ผบ.ตร.” นี่เอง ทำให้ “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” และ “พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์” ก.ตร.สาย “เสี่ยป๊อด” ที่เก็บรอยแค้นแทนเพื่อน จึงแสดงบทบาทเดินเกมออกโรงเปิดศึกค้านแบบสุดตัว
21 ก.ย.2552 ครั้งการจัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีครั้งแรก ที่จัดทำโดย “พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” รักษาราชการแทน ผบ.ตร.(ขณะนั้น) ซึ่งเมื่อพิจารณาโผแล้วถือว่ามีความเป็นกลางเพราะการแต่งตั้งยึดตามหลักอาวุโสอย่างชัดเจนแต่การประชุม ก.ตร.ก็ต้องล่มลง เพราะ “พิชิต และปุระชัย” ได้เปิดประเด็นอภิปรายว่าไม่สมควรพิจารณาการแต่งตั้งในครั้งนั้น เนื่องจากยังไม่ได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่ จน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องตัดสินใจเลื่อนวาระการพิจารณาการแต่งตั้งออกไป
ต่อมาเมื่อ “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รรท.ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.ธานี ที่เกษียณราชการไป ก็พยายามผ่าทางตันในเรื่องข้อขัดแย้งในการแต่งตั้งโยกย้าย ด้วยการเสนอไอเดียโหวตหาทางออกรื้อโครงสร้างบอร์ดกลั่นกรอง โดยเสนอให้ นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ขณะนั้น) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ หรือ บอร์ดกลั่นกรอง โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร.ทุกคน และยังมี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ (ขณะนั้น) อีก 5 คน ประกอบด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ, นางเบญจวรรณ สร่างนิทร, นายสีมา เสมานันท์, พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ และ พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ เพื่อที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.วาระประจำปี แต่ พล.ต.อ.พิชิต และ ร.ต.อ.ปุระชัย ก็วอร์กเอาท์ออกจากที่ประชุม ก.ตร.เพื่อแสดงออกว่า ไม่เห็นด้วย
6 พ.ย.2552 การประชุม ก.ตร.ที่มี นายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธานบอร์ดกลั่นกรอง ก็เป็นอันต้องล่ม ซ้ำซากอีกครั้ง เมื่อ “ร.ต.อ.ปุระชัย” ได้นำนามบัตรที่มีลายเซ็นบอร์ดกลั่นกรองบางคนที่ฝากเด็กของตัวเองสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท ขึ้นมาโชว์กลางที่ประชุมจนเกิดโต้เถียงและขัดแย้งขนานหนักในที่ประชุม สุดท้ายนายสุเทพ ต้องยกเลิกการประชุมอีกครั้ง
การออกมาแฉผ่านสื่อของ “กลุ่มเพื่อนป๊อด” ยังส่งผลให้นายสมศักดิ์ลาออกจากประธานบอร์ดกลั่นกรอง
16 พ.ย.2552 ก.ตร.หน้าเดิม “ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” ได้แสดงพฤติกรรม วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ก.ตร.อีกครั้ง โดยมี พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ แนวร่วมเดินตามออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนเหตุผล ยังคงเป็นเรื่องเดิม ว่าตนยึดมั่นในหลักการที่ควรจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ก่อน เป็นเรื่องของคุณธรรม พร้อมปฏิเสธตามฉบับ(อีแอบ) ว่า การกระทำของตนไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่เกษียณไปแล้ว
พฤติกรรมของ “ปุระชัย” ในอดีตไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เมื่อเขาอุ้ม “นายธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์” บุตรชายของเขายัดเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรเมื่อปี 48 โดยมี “พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์” หรืออีจ๋อย เพื่อนรักเป็นแรงหนุน ทั้งที่ขาดคุณสมบัติไม่ผ่านตรวจร่างกาย อีกทั้งสายตาผิดปกติ โดยมีหลักฐานฐานยืนยันชัดเจนว่า “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” ผบ.ตร.ขณะนั้น และ"พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"รอง ผบ.ตร.ขณะนั้น อนุมัติยกเว้นผ่านทุกขั้นตอน
เรื่องนี้แม้ “ปุระชัย” จะออกมาชี้แจงว่า อยากให้แยกแยะ เรื่องของพ่อก็คือเรื่องของพ่อ เรื่องของลูกก็คือเรื่องของลูก แต่คำชี้แจงครั้งนั้น กลับยิ่งทำให้ประชาชนสับสนมากขึ้น มีหลายสื่อตั้งคำถามว่า ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้ที่เคยเป็นคนดีในสายตาประชาชน ความดีในตัวตนของเขา ได้ตายไปแล้วหรือ!
นอกจากนั้น การก่อตั้งพรรคประชาสันติ ยังถูกมองไปไกลว่า จะเป็นการตั้งพรรคเพื่อเพื่อนพ้องตำรวจหรือไม่ หรือ อาจพูดเข้าใจง่ายคือ “พรรคตำรวจ” เพราะหากไปตรวจสอบรายชื่อคณะกรรมการ ก.ตร.ชุดปัจจุบัน ถือว่า ไม่ธรรมดา เมื่อพบว่า กลุ่ม ก.ตร.แดง ได้รับการคัดเลือกเข้ามาหลายคน ประกอบกับ คนเหล่านั้น ถือว่า เป็นกลุ่มเพื่อนของ “ทักษิณ, ปุระชัย และ พัชรวาท”
เริ่มจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.พี่ชายคุณพจมาน นายตำรวจที่พกรอยแค้นมาเต็มเหนี่ยว จากเหตุที่เขามีภาพติด “ทักษิณ ชินวัตร” ถูกรัฐบาล ประชาธิปัตย์ ขวางขึ้น ผบ.ตร.มาแล้ว หลายครั้งหลายหน โดยที่เลือกตั้งครั้งใหม่ หากเกิดขึ้นจริงในเร็วๆ นี้ และพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีข่าวแว่วจากแกนพรรคเพื่อไทยว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ คือแคนดิเดตรัฐมนตรีหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล
ถัดมา พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ซึ่งรายนี้ถือเป็นผู้ที่ฝักใฝ่กลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเปิดเผย ทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง หากย้อนไปในอดีต พล.ต.อ.อชิรวิทย์ มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นนักเรียนบังคับบัญชาสมัยเรียน นรต.
“บิ๊กศรี” พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ เป็นผู้ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยหมายมั่นปั้นมือให้มากุมบังเหียนองค์กรอิสระ นั่งเป็นประธาน ป.ป.ช. แต่ทว่ากลับตกม้าตายกรณีขึ้นเงินเดือนตัวเอง จนต้องพ้นจากตำแหน่ง และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกถึง 2 ปี
พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ อดีตรองผบ.ตร.เป็นเพื่อนซี้ร่วมรุ่น นรต.19 ของ พล.ต.อ.วุฒิชัย และแดงตัวเอ้อย่าง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ขณะเดียวกันยังเป็นพี่เลิฟของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร.และมท.1 ในสมัยรัฐบาลพลังประชาชน
พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร อดีตที่ปรึกษา (สบ 10) รายนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาลพลังประชาชน นอกจากนี้ยังปรากฏชื่อ พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ ในสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ในคดี 7 ตุลาเลือด ว่าเป็นหนึ่งในคณะของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งเดินทางมาแจ้งมติครม.ให้สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
ขณะที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) ตรวจสอบเช็กชื่อแล้ว ก็มี นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดเพียง 1 เดียวที่ได้รับการคัดเลือกจากการเสนอของ ฝ่ายรัฐบาล ส่วนคนอื่นๆยังไม่แน่ใจว่า เป็นคนของใคร เพื่อน “ปุระชัย และพัชรวาท” หรือไม่ และเข้ามาทำงานเพื่อรักษาองค์กรตำรวจ หรือทำงานให้ใคร
ส่วนการหวนกลับสู่การเมือง ด้วยการตั้งพรรคประชาสันติ โดยมีแรงหนุน จากเหล่าเพื่อนตำรวจมะเขือเทศ รวมทั้ง ก.ตร.ระบอบทักษิณ จะเป็นการตั้งพรรคเพื่อหาทางออกให้กับประเทศชาติ เพิ่มความขัดแย้งให้ประเทศชาติ ทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องเพื่อนตำรวจ เป็นพรรคสองเพศ ภูมิใจไทยสมสู่เพื่อไทย หรือสุดท้ายจะเป็นเพียงพรรคอีแอบทางการเมือง ต้องติดตาม!
**********************************************
รายชื่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)
1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
2.นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการก.พ.
3.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เกษียณ(2556)
4.พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. เกษียณ(2557)
5.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. เกษียณ(2557)
6.พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ เกษียณ(2556)
7.พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. เกษียณ(2556)
8.พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ รองผบ.ตร. เกษียณ(2554)
9.พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รองผบ.ตร. เกษียณ(2554)
10.พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. เกษียณ(2555)
11.พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. เกษียณ(2555)
ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก)
1.พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ
2.พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช
3.พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ
4.พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง
5.พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร
ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท(ข)
1.ร.ต.อ.สรพล สุขทรรศนีย์
2.นายวิษณุ เครืองาม
3.นายศุภวุฒิ สายเชื้อ
4.นายสุรชาติ บำรุงสุข
5.นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์
6.นายจุลสิงห์ วสันต์สิงห์