xs
xsm
sm
md
lg

ทางหลายแพร่งของ “เหลิม” หลัง “หมดราคา”จากเผาไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส.และ เป็นผลให้หมดสถานะประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อาจเรียกได้ว่า เป็นการเรียกราคาก่อนหมดราคาไปที่คนแดนไกล หลังพลาดหวังมิอาจตะเกียกตะกายให้ได้รับความไว้วางใจเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรีได้

แม้ความหวังพังทลาย แต่ลวดลายและลีลายังไม่ทิ้งฉายา “ขุนพลมือหนัก” เพราะชื่อนี้ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่เกิดจากฝีมือล้วนๆ ที่คนในแวดวงการเมืองเขารับรู้กันดีว่า

ขุนศึกฝั่งธนนั้นไม่อาจนิยามความเป็น ร.ต.อ.เฉลิม ได้ดีเท่ากับคำว่า “ขุนพลมือหนัก”

การวางบทบาทแสดงออกถึงความน้อยใจ ด้วยการลาออกจากการเป็นส.ส.แต่ยังไม่ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นเกมที่จะให้ส.ส.ออกโรงเรียกร้องให้ ทักษิณ ชินวัตร อ้อนวอนให้ ร.ต.อ.เฉลิม มานำทัพหาเสียง ตามด้วยค่าน้ำร้อนน้ำชาจากฝีปาก ในฐานะนักการเมืองรุ่นเก๋า

ส่วนจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่จากตัวเลขสามพันล้านบาทที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาปูดเอาไว้ ขี้เกียจจะไปหาคำตอบ

เกมนี้ของ ร.ต.อ.เฉลิม นอกจากจะเรียกราคา สร้างความสำคัญให้กับตัวเองแล้ว ยังเป็นการกดดันไปถึงการปรับโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยด้วย ว่าจะต้องเป็นไปตามที่ ร.ต.อ.เฉลิมผลักดัน คือ การเขี่ยมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พ้นจากถนนสายผู้นำประเทศ และชูยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร มาต่อกรกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แทน

ซึ่งในขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในภาวะลูกผีลูกคนจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้วยการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเหมือนที่เคยพยยายามทำในช่วงที่ดึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ มาแทน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ แต่ก็ไม่สำเร็จ

วันนี้ แนวทางที่พรรคเพื่อไทยกำลังชั่งใจอยู่ คือ กำหนดหัวหน้าพรรคที่จะเป็นคู่ชิงนายกรัฐมนตรีให้ชัดเจน แบบตรงไปตรงมา หรือหัวหน้าพรรคเป็นแค่คนทำงานด้านธุรการให้พรรค แต่คนที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 คือตัวจริงที่จะชูคอแข่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะลงตัวที่ชื่อใด

แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่ใช่ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อย่างแน่นอน และร.ต.อ.เฉลิม ก็รู้ตัวว่า ฝันนั้นไกลเกินเอื้อม ดังนั้นในช่วงชีวิตการเมืองที่ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง ย่อมให้บทเรียนกับ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นอย่างดีว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้นเสี่ยงต่อความล้มเหลวได้ง่ายดายเพียงใด

ทางเลือกของ ร.ต.อ.เฉลิม จึงแคบลง

หากต้องการเกาะเกี่ยวมีสถานะทางการเมืองต่อไปในฐานะดาวฤกษ์ที่มีแสงในตัวเอง ก็ยังต้องพึ่งพาพรรคเพื่อไทยต่อไป และเชื่อว่าทักษิณ ก็ยังจำเป็นต้องใช้บริการความเก๋าทางการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่พอจะมีชื่อชั้นในสายตาของสื่อมวลชนต่อไป

แต่ที่น่าจับตาคือ ร.ต.อ.เฉลิม จะเข้าไปเอี่ยวกับ “พรรคประชาสันติ” ที่กำลังอาศัยชื่อของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หลอกประชาชนว่าเป็นทางเลือกใหม่ด้วยหรือไม่ เพราะหากพิจารณาจากสายสัมพันธ์ที่ ร.ต.อ.เฉลิม มีกับคนที่เป็นแกนนำในการก่อตั้งพรรคประชาสันติ ก็ต้องนับว่าน่าสนใจไม่น้อย

โดยเฉพาะกับบุคคลที่ชื่อ เสรี สุวรรณภานนท์ ซึ่งในยุคที่ เสรี ลงสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภานั้น ว่ากันว่า ได้รับการเทคะแนนเสียงจาก ร.ต.อ.เฉลิม จนได้รับการเลือกตั้งในที่สุด

ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม พูดถึงความสัมพันธ์ที่นำไปสู่การช่วยเหลือทางการเมืองครั้งนั้นกับคนใกล้ชิดว่า “ไอ้เสรีมันเป็นลูกน้องผม”

วันนี้สถานะความเป็นลูกพี่ ลูกน้องจะคงอยู่หรือไม่ และจะมีผลผูกพันถึงการตัดสินใจทางการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่กำลังจะถูกทำให้หมดความสำคัญในพรรคเพื่อไทย ให้ได้มีที่ทางขยับขยายในทางการเมืองหรือเปล่าเป็นเรื่องที่น่าคิด

เพราะความน้อยอกน้อยใจของร.ต.อ.เฉลิม หลายครั้งจนนำมาสู่การลาออกจาก ส.ส. ล้วนมาจากความไม่พอใจบทบาทของบรรดาผีบ้านเลขที่ 111 ที่พยายามเข้ามากำหนดทิศทางพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น

ล่าสุดคือ กรณีที่ จาตุรนต์ ฉายแสง บังอาจสั่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม หุบปากหยุดพูด เพื่อไม่ให้กินเวลาของ มิ่งขวัญ ในการสรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจวันสุดท้าย

แค่นี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังทนไม่ได้ แล้วในอีกปีกว่าข้างหน้า ฝาโลงจะเปิดผีบ้านเลขที่ 111 จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง จะเหลือที่ยืนตรงไหนให้กับร.ต.อ.เฉลิม ในพรรคเพื่อไทย

วันนี้ของ ร.ต.อ.เฉลิมบนนถนนสายการเมืองที่เกาะเกี่ยวทักษิณ กำลังจะถูกเบียดให้ตกขอบ แต่ถ้าได้ขยับขยายไปอยู่กับพรรคประชาสันติ เดินเกมการเมืองสร้างพื้นที่ข่าวให้พรรคการเมืองนี้ไม่ตกไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ย่อมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนที่กำลังไร้ทางเลือกอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม มิใช่หรือ

แต่อย่าลืมว่าการตัดสินใจเช่นนี้ อาจเป็นผลดีต่อตัว ร.ต.อ.เฉลิม คือ มีที่ยืนใหม่แต่ก็ต้องบอกว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่า พรรคประชาสันติ ที่อาศัยภาพดีไม่จริงของ ร.ต.อ.ปุระชัย มาเป็นจุดขาย จะไปไกลสักแค่ไหน

เพราะอาจเป็นได้แค่พลุจุดขึ้นฟ้าสว่างแป๊บเดียว ก็หายไปพร้อมกับความมืดก็ได้ ใครจะรู้

แต่ถ้าพรรคประชาสันติ เป็นคบเพลิงที่มีเชื้อไฟคอยเติมตลอดเวลา ก็ไม่ได้หมายความว่าการได้ ร.ต.อ.เฉลิม ไปร่วมสังฆกรรมทางการเมืองจะเป็นบวกในแง่ของมวลชน เพราะนั่นเท่ากับยิ่งตอกย้ำว่าพรรคการเมืองนี้ มิใช่ทางเลือกใหม่ แต่เป็นแค่ศูนย์รวมคนอยากมีอำนาจวาสนาเท่านั้น

และที่สำคัญคือภาพการเชื่อมต่อระหว่างพรรคประชาสันติกับพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นในสายตาของสังคม

ที่ไม่ควรประมาท คือ สายสัมพันธ์ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กับ เนวิน ชิดชอบ และ ธีรพล นพรัมภา มือเตารีดของ ยี้ห้อย น่าจะทำให้พรรคการเมืองนี้เป็นตัวแปรทางการเมืองที่จะสร้างอำนาจต่อรองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งมีบางคนวางแผนที่จะหมุนกงล้อประวัติศาสตร์ไปสู่เหตุการณ์ที่พรรคใหญ่ไม่ได้เป็นนายกฯ

แต่คนกำหนดผู้นำประเทศคือพรรคเล็ก และพรรคขนาดกลาง ซึ่งจะประสานประโยชน์กับทั้งฝ่ายการเมืองและกองทัพได้ดีกว่าพรรคเพื่อไทย ที่สร้างกรงขังตัวเองไว้กับการกล่าวโทษ ทหารฆ่าประชาชน จนมิอาจยอมรับผู้นำกองทัพในปัจจุบันได้
 
ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะถูกบีบโดยคนเสื้อแดง ให้จัดการเด็ดขาดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการปลดออกจากผบ.ทบ.

เชื่อได้เลยว่า สภาวะความไม่มั่นคงทางอำนาจดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุของการทำรัฐประหาร เหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในอดีตจากเงื่อนไขนี้

การเมืองหลังจากนี้ไม่ว่าใครจะคิดอ่านวางแผนอย่างไร ก็ต้องบอกว่า คนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต และอนาคตของประเทศควรถูกกำหนดโดยประชาชน มิใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น