00 ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าจะ “ยุบสภา” ในช่วงวันที่ 7-10 พ.ค.แล้วจะเลือกตั้ง 1-2 ก.ค.นั่นเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของ นายกฯตัวจริง สุเทพ เทือกสุบรรณ ดังนั้นก็เหลือเวลาอีกแค่เดือนเศษ เชื่อว่านับจากนี้ไป “คอการเมือง” คงได้ซี๊ดปากกันแน่ เพราะบรรยากาศแบบนี้ไม่มีให้เห็นกันบ่อยนัก
00 แต่ที่น่าจับตาเป็น “เรื่องใหญ่” ไปกว่านั้นก็คือ การออกมาเน้นย้ำของ “เทพเทือก” เที่ยวนี้มีความหมาย “ซ่อนนัย” อะไรหรือเปล่า หรือว่าข้างในมันมี “ความร้อนแฝง” อยู่ อย่างเช่น กลัวว่าจะ “ไม่มีเลือกตั้ง” จึงต้องรีบประกาศวันยุบสภาให้ชัดเพื่อ “บล็อก” เอาไว้ก่อนหรือเปล่า
00 สัญญาณแบบนี้แม้ขนาด ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินที่พรรคกำลังจะแตกกระสานซ่านเซ็น ก็ยังพูดออกมาจากปากในวันประชุมพรรควานนี้( 22 มี.ค.)ยังเชื่อด้วยความเห็นส่วนตัวว่าน่าจะ “ไม่มีเลือกตั้ง” มันก็ยิ่งทำให้น่าคิดมากขึ้นไปอีก แม่นบ่ !!
00 เสียงปี่กลองการเมืองเริ่มเชิด บรรดา “อีแอบ” และนักเลือกตั้งทั้งหลายที่แอบซุ่มรอจังหวะกันอยู่ในเงามืดก็เริ่มกระโดดออกมาบ้างแล้ว และเชื่อว่าก่อนถึงวันยุบสภาจะต้องมีการทยอยออกมากันเป็นพรวน รายแรกที่โผล่ออกมา “เรียกน้ำย่อย” ก็เห็นจะได้แก่ “ดร.ปุ” ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ มาในนามหัวหน้าพรรค “ประชาสันติ” ประกาศลุยพื้นที่กรุงเทพฯ งานนี้มันต้องสะเทือนไปถึง ปชป.และหนุ่ม “มาร์ค” แน่นอน เพราะจะต้อง “ตัดแต้ม” กันเห็นๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้ไม่ใช่ “ตรง” แบบไม้บรรทัดเหมือนก่อน
00 ส่วนจะมีการเชื่อมโยงกัน “บางๆ” กับเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นาทีนี้อาจยังไม่ชัด แต่สำหรับตัว เสรี สุวรรณภานนท์ ที่ออกตัวรับหน้าเป็นหัวหน้าพรรคชั่วคราวนั้น เมื่อดูแบ็กกราวด์สมัยที่ชิงเก้าอี้นายกสภาทนายความฯ แข่งกับ สัก กอแสงเรืองนั้น ในวงการเขารู้กันดีว่าได้ “กระสุน” ในกระเป๋าจากใคร แต่ของแบบนี้รอดูอีกนิดรับรองเห็นกันได้ไม่ยาก
00 นาทีนี้ต้องย้ำกันอีกครั้งว่าคนที่น่าเห็นใจที่สุดคงหนีไม่พ้น อธิบดีดีเอสไอ ธาริต เพ็งดิษฐ์ แม้ว่าเป็นคนดีตั้งในทำงานตามหน้าที่ แต่กำลังจะถูกทิ้งให้ “ตายเดี่ยว” เมื่อฝ่ายการเมืองกำลังจะเอาตัวรอดหันไป “จูบปาก-ปรองดอง” ที่ผ่านมาถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะการคุม “คดีก่อการร้าย” จนสามารถลากคอ “หัวโจกแดง” เข้าคุกนานถึงเก้าเดือน
00 จนกระทั่งต้องมา “หัวหมุน” กับเรื่องปรองดองแห่งชาตินี่แหละ จนต้องมีการ “ปล่อยตัว” ออกมาลอยนวลอยู่ข้างนอก แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามไปขอศาลให้เพิกถอนประกันหลังจากยังท้าทายไปขึ้นเวทีปลุกระดมสร้างความปั่นป่วนไม่หยุด แต่เมื่อศาลบอกว่าเลยขึ้นตอนของดีเอสไอไปแล้วต้องให้อัยการสูงสุดเป็นคนเดินเรื่อง แต่อนิจจาล่าสุดได้รับแจ้งกลับมาว่า ไม่ได้ผิดเงื่อนไขไม่ต้องถอนประกัน ได้ยินแค่นี้ก็พอมองเห็นอนาคตรำไรแล้ว
00 ยังตกค้างมาจากเรื่องศึกซักฟอกที่แทบไม่น่าเชื่อว่าการอภิปรายครั้งล่าสุดที่กินเวลาถึง 4 วัน 4 คืน จะทำลายล้างมาตรฐานที่ ส.ส.ในสภาครั้งอดีตเคยทำเอาไว้อย่างย่อยยับ แม้ว่าที่ผ่านมาในบางยุคจะมีการอภิปรายกันแบบมาราธอนถึง 7 วัน 7 คืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ตามประวัติก็ยังสามารถเรียกความสนใจจดจ่อตลอดเวลา อาจจะไม่ใช่ดูทางโทรทัศน์ แต่ทางวิทยุก็น่าจะมีการถ่ายทอดติดตามฟังกันในหัวไร่ปลายนา ผิดกับคราวนี้แค่เปิด “หัวม้วน” ออกมาก็มีเสียงยี้ออกมาแล้วว่า “ไม่สมราคาคุย” มาตรฐานห่วยแตก ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะใช้เวทีสภาสำหรับ “ฟอกตัวเอง” เท่านั้น !!
00 แต่ที่น่าจับตาเป็น “เรื่องใหญ่” ไปกว่านั้นก็คือ การออกมาเน้นย้ำของ “เทพเทือก” เที่ยวนี้มีความหมาย “ซ่อนนัย” อะไรหรือเปล่า หรือว่าข้างในมันมี “ความร้อนแฝง” อยู่ อย่างเช่น กลัวว่าจะ “ไม่มีเลือกตั้ง” จึงต้องรีบประกาศวันยุบสภาให้ชัดเพื่อ “บล็อก” เอาไว้ก่อนหรือเปล่า
00 สัญญาณแบบนี้แม้ขนาด ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินที่พรรคกำลังจะแตกกระสานซ่านเซ็น ก็ยังพูดออกมาจากปากในวันประชุมพรรควานนี้( 22 มี.ค.)ยังเชื่อด้วยความเห็นส่วนตัวว่าน่าจะ “ไม่มีเลือกตั้ง” มันก็ยิ่งทำให้น่าคิดมากขึ้นไปอีก แม่นบ่ !!
00 เสียงปี่กลองการเมืองเริ่มเชิด บรรดา “อีแอบ” และนักเลือกตั้งทั้งหลายที่แอบซุ่มรอจังหวะกันอยู่ในเงามืดก็เริ่มกระโดดออกมาบ้างแล้ว และเชื่อว่าก่อนถึงวันยุบสภาจะต้องมีการทยอยออกมากันเป็นพรวน รายแรกที่โผล่ออกมา “เรียกน้ำย่อย” ก็เห็นจะได้แก่ “ดร.ปุ” ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ มาในนามหัวหน้าพรรค “ประชาสันติ” ประกาศลุยพื้นที่กรุงเทพฯ งานนี้มันต้องสะเทือนไปถึง ปชป.และหนุ่ม “มาร์ค” แน่นอน เพราะจะต้อง “ตัดแต้ม” กันเห็นๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้ไม่ใช่ “ตรง” แบบไม้บรรทัดเหมือนก่อน
00 ส่วนจะมีการเชื่อมโยงกัน “บางๆ” กับเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นาทีนี้อาจยังไม่ชัด แต่สำหรับตัว เสรี สุวรรณภานนท์ ที่ออกตัวรับหน้าเป็นหัวหน้าพรรคชั่วคราวนั้น เมื่อดูแบ็กกราวด์สมัยที่ชิงเก้าอี้นายกสภาทนายความฯ แข่งกับ สัก กอแสงเรืองนั้น ในวงการเขารู้กันดีว่าได้ “กระสุน” ในกระเป๋าจากใคร แต่ของแบบนี้รอดูอีกนิดรับรองเห็นกันได้ไม่ยาก
00 นาทีนี้ต้องย้ำกันอีกครั้งว่าคนที่น่าเห็นใจที่สุดคงหนีไม่พ้น อธิบดีดีเอสไอ ธาริต เพ็งดิษฐ์ แม้ว่าเป็นคนดีตั้งในทำงานตามหน้าที่ แต่กำลังจะถูกทิ้งให้ “ตายเดี่ยว” เมื่อฝ่ายการเมืองกำลังจะเอาตัวรอดหันไป “จูบปาก-ปรองดอง” ที่ผ่านมาถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะการคุม “คดีก่อการร้าย” จนสามารถลากคอ “หัวโจกแดง” เข้าคุกนานถึงเก้าเดือน
00 จนกระทั่งต้องมา “หัวหมุน” กับเรื่องปรองดองแห่งชาตินี่แหละ จนต้องมีการ “ปล่อยตัว” ออกมาลอยนวลอยู่ข้างนอก แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามไปขอศาลให้เพิกถอนประกันหลังจากยังท้าทายไปขึ้นเวทีปลุกระดมสร้างความปั่นป่วนไม่หยุด แต่เมื่อศาลบอกว่าเลยขึ้นตอนของดีเอสไอไปแล้วต้องให้อัยการสูงสุดเป็นคนเดินเรื่อง แต่อนิจจาล่าสุดได้รับแจ้งกลับมาว่า ไม่ได้ผิดเงื่อนไขไม่ต้องถอนประกัน ได้ยินแค่นี้ก็พอมองเห็นอนาคตรำไรแล้ว
00 ยังตกค้างมาจากเรื่องศึกซักฟอกที่แทบไม่น่าเชื่อว่าการอภิปรายครั้งล่าสุดที่กินเวลาถึง 4 วัน 4 คืน จะทำลายล้างมาตรฐานที่ ส.ส.ในสภาครั้งอดีตเคยทำเอาไว้อย่างย่อยยับ แม้ว่าที่ผ่านมาในบางยุคจะมีการอภิปรายกันแบบมาราธอนถึง 7 วัน 7 คืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ตามประวัติก็ยังสามารถเรียกความสนใจจดจ่อตลอดเวลา อาจจะไม่ใช่ดูทางโทรทัศน์ แต่ทางวิทยุก็น่าจะมีการถ่ายทอดติดตามฟังกันในหัวไร่ปลายนา ผิดกับคราวนี้แค่เปิด “หัวม้วน” ออกมาก็มีเสียงยี้ออกมาแล้วว่า “ไม่สมราคาคุย” มาตรฐานห่วยแตก ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะใช้เวทีสภาสำหรับ “ฟอกตัวเอง” เท่านั้น !!
