เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำพยานหลักฐานพร้อมคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช. ประกอบด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายนิสิต สินธุไพร นายขวัญชัย ไพรพนา นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม จำเลยคดีก่อการร้ายไปยื่นแก่ นายกิตติศักดิ์ วงศ์สวัสดิ์ อัยการประจำกรม สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาขอถอนประกันแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คนดังกล่าว
นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า จะนำหลักฐานดังกล่าวยื่นให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ให้พิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไร
ก่อนหน้าที่พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะนำหลักฐานไปยื่นให้อัยการพิจารณาเพื่อร้องต่อศาลให้ถอนประกันแกนนำ นปช.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องขอให้ถอนประกัน 7 แกนนำ นปช.ต่อศาลอาญา โดยมีหลักฐานเป็นภาพข่าวที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนตั้งแต่วันแรกที่แกนนำทั้ง 7 คนได้รับการประกันตัว
นายธาริต กล่าวว่า แกนนำ นปช.มีพฤติการณ์ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องว่าจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ในวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนั้นแกนนำทั้ง 7 คนยังได้ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยในคดีก่อการร้าย และนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่ม นปช.
นายธาริต กล่าวว่า เมื่อนำภาพรวมการกระทำของแกนนำ นปช.ทั้งหมดมาพิจารณา พบว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกัน ตามที่ระบุกรณีการให้ประกันตัวจะต้องไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และไม่ไปก่อเหตุร้ายประการอื่น แต่การกระทำของจำเลยทั้ง 7 คนเข้าข่ายเป็นการก่อเหตุร้ายประการอื่น คือ การไปจัดชุมนุมที่ผิดกฎหมายซึ่งคำพิพากษาของศาล และคำสั่งของศาลแพ่งได้วางบรรทัดฐานไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าการชุมนุมที่ถูกกฎหมายต้องเป็นไปโดยสงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ และไม่ไปกระทบสิทธิของบุคคลอื่น
แต่การชุมนุมของ นปช.ผิดกฎหมาย ปิดกั้นเส้นทางการจราจร และกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นการจัดชุมนุมของ นปช.เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา จึงถือว่าฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการยั่วยุปลุกปั่นให้มีการชุมนุมโดยผิดกฎหมายจึงถือเป็นความผิดสำเร็จ และผิดเงื่อนไขของศาลที่ห้ามยุยงปลุกปั่น ยั่วยุหรือการกระทำที่กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมือง
หลังจากศาลได้รับคำร้องแล้วศาลก็นัดฟังคำสั่ง โดยศาลได้ยกคำร้องดังกล่าว โดยระบุว่า คดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น หน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็เสร็จสิ้นลง ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการโจทก์ต่อไป โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีนี้ โดยอัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบมิได้รู้เห็นด้วยมิได้ (นัยคำพิพากษา 9/2481) หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขตามคำสั่งศาล ก็ควรรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้โดยตรงเพื่อพิจารณาว่ามีเหตุอันควรที่พนักงานอัยการโจทก์จะยื่นคำร้องต่อศาลหรือไม่ ในชั้นนี้สมควรให้ยกคำร้อง
คำสั่งของศาลดังกล่าวนี้ถือเป็นความกรุณาต่อประชาชนทั้งหลายทั้งปวง และกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้เป็นอธิบดีเป็นอย่างยิ่ง หาไม่แล้วก็จะยังเข้าใจผิดๆ งมโข่งต่อไปอีก เพราะถ้าหากติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ติดตามการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะเห็นว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นคำร้องขอให้มีการถอนประกันผู้ที่ศาลท่านได้ให้ความกรุณาปล่อยตัวชั่วคราวมาหลายครั้งหลายหนแล้วในรอบปีที่ผ่านมา
แต่ศาลท่านก็ยกคำร้องด้วยเหตุอื่น
เพิ่งจะมีหนนี้แหละครับ ที่ศาลท่านกรุณาบอกชัดๆ ให้รู้ไปเลยว่า คดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น หน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็เสร็จสิ้นลง ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีนี้ โดยอัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบมิได้รู้เห็นด้วยมิได้
จึงเป็นที่มาที่ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ต้องโร่ไปสำนักงานอัยการสูงสุด ดังที่ได้กล่าวแต่แรก
นี่ถ้าหากศาลท่านไม่กรุณาบอกกล่าวให้ชัดถ้อยชัดคำอย่างที่ว่านี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็คงจะมะงุมมะงาหราในการทำหน้าที่ของท่านต่อไปในการยื่นคำร้องให้ศาลถอนประกัน เพราะกลุ่มเสื้อแดงก็จะมีวาระในการชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ เช่น ครบรอบ 1 ปี ครบรอบ 1 ปี 1 เดือน ครบรอบ 1 ปี 2 เดือนไปเรื่อยๆ และก็เชื่อว่าแกนนำ นปช.ที่ได้รับประกันตัวออกมาก็คงจะเข้าร่วมทุกครั้งไป แน่นอนการชุมนุมในแต่ละครั้งก็คงจะไม่ต่างไปจากการชุมนุมในวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็คงจะต้องร้องศาลขอให้ถอนประกันทุกครั้งไปอีก เพราะเห็นว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ผิดเงื่อนไขการขอประกันตัว
โดยที่อัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบในคดีมิได้รู้เห็นด้วย
กล่าวสำหรับอัยการจะมาให้ท่านรู้เห็นพฤติการณ์อย่างที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นก็คงจะยาก อาจจะเพราะภารกิจที่ท่านรับผิดชอบอยู่มากเกินไป สูงเกินไป ไกลเกินไปที่จะรู้ถึงเหตุการณ์บ้านเมือง ความเป็นไปของมนุษย์มนาทั้งหลาย เป็นหน้าที่ที่พนักงานสอบสวน คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหลายให้ท่านอัยการพิจารณาตามที่ศาลได้กรุณาชี้แนะเอาไว้ในคำสั่งยกคำร้อง
ขอบพระคุณจริงๆ
นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า จะนำหลักฐานดังกล่าวยื่นให้นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ให้พิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไร
ก่อนหน้าที่พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะนำหลักฐานไปยื่นให้อัยการพิจารณาเพื่อร้องต่อศาลให้ถอนประกันแกนนำ นปช.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องขอให้ถอนประกัน 7 แกนนำ นปช.ต่อศาลอาญา โดยมีหลักฐานเป็นภาพข่าวที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนตั้งแต่วันแรกที่แกนนำทั้ง 7 คนได้รับการประกันตัว
นายธาริต กล่าวว่า แกนนำ นปช.มีพฤติการณ์ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องว่าจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ในวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นอกจากนั้นแกนนำทั้ง 7 คนยังได้ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยในคดีก่อการร้าย และนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่ม นปช.
นายธาริต กล่าวว่า เมื่อนำภาพรวมการกระทำของแกนนำ นปช.ทั้งหมดมาพิจารณา พบว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขการประกัน ตามที่ระบุกรณีการให้ประกันตัวจะต้องไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และไม่ไปก่อเหตุร้ายประการอื่น แต่การกระทำของจำเลยทั้ง 7 คนเข้าข่ายเป็นการก่อเหตุร้ายประการอื่น คือ การไปจัดชุมนุมที่ผิดกฎหมายซึ่งคำพิพากษาของศาล และคำสั่งของศาลแพ่งได้วางบรรทัดฐานไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าการชุมนุมที่ถูกกฎหมายต้องเป็นไปโดยสงบ เปิดเผย ปราศจากอาวุธ และไม่ไปกระทบสิทธิของบุคคลอื่น
แต่การชุมนุมของ นปช.ผิดกฎหมาย ปิดกั้นเส้นทางการจราจร และกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นการจัดชุมนุมของ นปช.เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา จึงถือว่าฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการยั่วยุปลุกปั่นให้มีการชุมนุมโดยผิดกฎหมายจึงถือเป็นความผิดสำเร็จ และผิดเงื่อนไขของศาลที่ห้ามยุยงปลุกปั่น ยั่วยุหรือการกระทำที่กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมือง
หลังจากศาลได้รับคำร้องแล้วศาลก็นัดฟังคำสั่ง โดยศาลได้ยกคำร้องดังกล่าว โดยระบุว่า คดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น หน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็เสร็จสิ้นลง ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการโจทก์ต่อไป โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีนี้ โดยอัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบมิได้รู้เห็นด้วยมิได้ (นัยคำพิพากษา 9/2481) หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการกระทำผิดเงื่อนไขตามคำสั่งศาล ก็ควรรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้โดยตรงเพื่อพิจารณาว่ามีเหตุอันควรที่พนักงานอัยการโจทก์จะยื่นคำร้องต่อศาลหรือไม่ ในชั้นนี้สมควรให้ยกคำร้อง
คำสั่งของศาลดังกล่าวนี้ถือเป็นความกรุณาต่อประชาชนทั้งหลายทั้งปวง และกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ผู้เป็นอธิบดีเป็นอย่างยิ่ง หาไม่แล้วก็จะยังเข้าใจผิดๆ งมโข่งต่อไปอีก เพราะถ้าหากติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ติดตามการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะเห็นว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นคำร้องขอให้มีการถอนประกันผู้ที่ศาลท่านได้ให้ความกรุณาปล่อยตัวชั่วคราวมาหลายครั้งหลายหนแล้วในรอบปีที่ผ่านมา
แต่ศาลท่านก็ยกคำร้องด้วยเหตุอื่น
เพิ่งจะมีหนนี้แหละครับ ที่ศาลท่านกรุณาบอกชัดๆ ให้รู้ไปเลยว่า คดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น หน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็เสร็จสิ้นลง ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับคดีนี้ โดยอัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบมิได้รู้เห็นด้วยมิได้
จึงเป็นที่มาที่ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ต้องโร่ไปสำนักงานอัยการสูงสุด ดังที่ได้กล่าวแต่แรก
นี่ถ้าหากศาลท่านไม่กรุณาบอกกล่าวให้ชัดถ้อยชัดคำอย่างที่ว่านี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็คงจะมะงุมมะงาหราในการทำหน้าที่ของท่านต่อไปในการยื่นคำร้องให้ศาลถอนประกัน เพราะกลุ่มเสื้อแดงก็จะมีวาระในการชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ เช่น ครบรอบ 1 ปี ครบรอบ 1 ปี 1 เดือน ครบรอบ 1 ปี 2 เดือนไปเรื่อยๆ และก็เชื่อว่าแกนนำ นปช.ที่ได้รับประกันตัวออกมาก็คงจะเข้าร่วมทุกครั้งไป แน่นอนการชุมนุมในแต่ละครั้งก็คงจะไม่ต่างไปจากการชุมนุมในวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็คงจะต้องร้องศาลขอให้ถอนประกันทุกครั้งไปอีก เพราะเห็นว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ผิดเงื่อนไขการขอประกันตัว
โดยที่อัยการโจทก์ผู้รับผิดชอบในคดีมิได้รู้เห็นด้วย
กล่าวสำหรับอัยการจะมาให้ท่านรู้เห็นพฤติการณ์อย่างที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นก็คงจะยาก อาจจะเพราะภารกิจที่ท่านรับผิดชอบอยู่มากเกินไป สูงเกินไป ไกลเกินไปที่จะรู้ถึงเหตุการณ์บ้านเมือง ความเป็นไปของมนุษย์มนาทั้งหลาย เป็นหน้าที่ที่พนักงานสอบสวน คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหลายให้ท่านอัยการพิจารณาตามที่ศาลได้กรุณาชี้แนะเอาไว้ในคำสั่งยกคำร้อง
ขอบพระคุณจริงๆ