วานนี้(21 มี.ค.)ที่ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนาโครงการเชิงปฏิบัติการหัวหน้าสถานทีตำรวจในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ตอนหนึ่งว่า เวลานี้เราเข้าสู่เลือกตั้งทั่วไป จึงอยากจะเน้นย้ำด้วยว่า ในภาวะที่การแข่งขันทางการเมืองมีความเข้มข้น ตำรวจเป็นกลไกสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย และดูแลการเลือกตั้งให้เรียบร้อย บริสุทธิ์ยุติธรรม วางตัวเป็นกลาง และดูแลความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร ผู้สนับสนุน หรือประชาชนทั่วไป เพื่อให้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการทำงานต่อไป การทำงานของตำรวจได้รับความไว้วางใจ โดยพนักงานสอบสวนมีความสำคัญจะต้องทำงานเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ
**“เทือก” ย้ำมียุบสภาพันเปอร์เซ็นต์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์สั่งกำชับให้ ส.ส.ลูกพรรคเร่งลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน ว่าเป็นเรื่องที่จะไปช่วยดูแลปัญหาประชาชนแล้วมาบอกรัฐบาล ก่อนที่จะยุบสภาอีกประมาณ 6 สัปดาห์ เราต้องเร่งรัดทำงานที่ยังค้างคาอยู่
เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้รัฐบาลยังยืนยันได้หรือไม่ว่าจะมีการยุบสภาจริง นายสุเทพ กล่าวว่า" ยืนยันได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ"
เมื่อถามอีกว่าแต่ยังมีคนไม่มั่นใจว่าจะมีอุบัติเหตุการเมืองก่อนที่จะมีการยุบสภา รองนายกฯ กล่าวว่า “เรื่องโรควิตกจริต เป็นโรคที่ผมรักษายาก คนมันเกิดวิตกจริตคิดไปต่างๆ นานา ผมก็บอกว่าต้องเชื่อเถอะ นายกฯพูด ผมพูด รัฐบาลพูดตรงไปตรงมาชัดเจนทุกครั้งมองย้อนหลังไปก็ได้เพราะฉะนั้นถ้ายังวิตกกังวลไปเชื่อคนอื่นอยู่อีกก็จะเป็นทุกข์ใจเสียเปล่า ๆ” นายสุเทพกล่าว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วทางฝ่ายทหารก็เชื่อตามที่รัฐบาลพูดใช่หรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ เขาก็เชื่อกันทุกคน”
ถามว่าแสดงว่ามีการพูดคุยกันล่วงหน้าถึงการยุบสภา และเมื่อถึงเวลาทหารก็จะไม่ก่อเหตุ นายสุเทพ กล่าวว่า ทหารเขาไม่เกี่ยว เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง ทหารเขาก็เหมือนข้าราชการอื่น ไม่มาวุ่นวายเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ต้องให้เป็นการตัดสินใจของฝ่ายการเมือง
ส่วนที่พูดเช่นนี้เป็นการพูดตีกันเอาไว้ก่อน ไม่ให้ทหารปฏิวัติ นายสุเทพ กล่าวว่า “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาการวิตกจริต พูดอย่างไรก็ต้องคิดไปอีกอย่าง หาว่าตีกันอีกแล้ว ผมเรียนยืนยันว่าไม่ใช่จริงๆ ผมไม่ได้ไปตีกันไม่ให้ทหารปฏิวัติ เขาไม่คิดปฏิวัติอยู่แล้ว เขาก็อยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย”
**มั่นใจ นายกฯคนใหม่ “พท.-ปชป.”จอง
ผู้สื่อข่าวถามถึง การที่มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ พรรคประชาสันติ มีชื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น ก็ขอต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงควาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ดีแล้วที่จดทะเบียนพรรคการเมืองมาลงสนามเลือกตั้ง ส่วนใครจะได้เป็นนายกฯ ก็พูดวิจารณ์กันไปได้ตลอด ข้อเท็จจริงคือว่าใครได้คะแนนมากกว่า
“ผมเรียนว่าคนที่จะเป็นนายกฯ มาได้สองพรรคเท่านั้นคือ พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์”เมื่อถามว่าโดยศักยภาพของ ร.ต.อ.ปุระชัย น่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญในตำแหน่งนายกฯได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าคิดอย่างนั้น ก็จดเอาไว้ก่อน แล้วค่อยไปเปิดดูตอนเลือกตั้งเสร็จแล้ว
**ปุระชัยตอบรับหน.ประชาสันติ
ที่อาคาร ตึกใบหยก 2 มีการประชุมสามัญประจำปีพรรคธรรมาธิปัตย์ โดยมีนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 53 และนายพันธุ์เลิศ ใบหยก ร่วมเป็นประธานการประชุมมีสมาชิกพรรคกว่า 200 คนเข้าร่วมประชุม
นายเสรี ระบุก่อนการประชุมว่าจะมีการโหวตเลือกหัวหน้า และรองหัวหน้าพรรค เบื้องต้นจะรับเป็นหัวหน้าพรรค และนายพันธุ์เลิศเป็นรองหัวหน้าพรรคและเปลี่ยนชื่อพรรคจากเดิม“ธรรมาธิปัตย์เป็น“ประชาสันติ”รวมทั้งจะเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราวชุดแรก ประมาณ 15คน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ทันช่วงเวลาเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนเม.ย.ทางพรรคจะมีการประชุมใหญ่ เพื่อคัดเลือกคณะกรรมการบริหารทชุดถาวร เบื้องต้นร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้ตอบรับเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย
รายงานข่าวจากกกต.แจ้งว่า การประชุมสามัญพรรคธรรมาธิปัตย์ได้มีการแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าจะจัดประชุมใหญ่ฯมีวาระเกี่ยวกับการรายงานผลการปฏิบัติของพรรคให้สมาชิกพรรคทราบ โดยนายธันวา ไกรฤกษ์ หัวหน้าพรรคฯได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ทำให้การประชุมใหญ่สามัญครั้งนี้ อย่างไรก็ตามหลังการประชุมใหญ่สามัญฯแล้ว พรรคจะต้องผลการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
**กกต.ตั้งงบฯสอบสวน5ร้อยล้าน
ที่ จ.เชียงใหม่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ว่า วันเลือกตั้ง รัฐบาลยังไม่กำหนดแน่นอนแต่จะอยู่ในช่วง 45-60 วัน หลังยุบสภา แต่การเลือกตั้งครั้งก่อนเราใช้งบฯ 2,400 ล้านบาท แต่รัฐบาลให้เรามาเพียง 1,900 ล้านบาท ที่เหลือได้ใช้เงินสะสมของเราจ่าย ไปก่อน โดยหลักแล้วรัฐบาลจะต้องจัดสรรเพิ่มมาให้ ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งงบฯไว้ที่ 3,000 ล้านบาท มากขึ้นเพราะเราได้ขยายงานลงไปถึงระดับตำบลทำให้งานมากขึ้น" นายสมชัยกล่าว
ที่สถาบันพระปกเกล้า นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.ได้เตรียมงบประมาณ 500 ล้านบาทให้ด้านกิจการสืบสวนและวินิจฉัยนำไปอบรมพนักงานสืบสวนสอบสวน และร่วมกับตำรวจ ทหาร ในการดูแลการเลือกตั้ง
“การขัดขวางการเลือกตั้งก็มีโทษตามมาตรา 57 ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งที่มีโทษจำและปรับ และแม้ขณะนี้ยังไม่มีเลือกตั้งแต่ในบางจังหวัดมีการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงซึ่งยังเอาไม่อยู่ แล้วถ้ามีเลือกตั้งไม่มีพ.ร.บ.ดังกล่าวไว้จะเกิดอะไรขึ้นมา แต่กกต.จะพยายามให้เกิดเหตุน้อยที่สุด ดังนั้นช่วงมีการหาเสียงอย่าใช้ระบบม็อบไปทำร้ายกัน หรือให้ผู้สมัครทำพิธีสาบานในการเลือกตั้งสมานฉันท์ว่าจะไม่ก่อเหตุจะร่วมมือกกต.ไม่ให้เลือกตั้งมีปัญหา”กกต.ผู้นี้กล่าว
**"สดศรี"แนะให้ตั้ง"ศาลการเมือง"
นางสดศรี กล่าวในงานสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง “เลือกตั้งอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย” ตอนหนึ่งว่า เราเคยพูดกันบ่อยว่าตุลาการภิวัฒน์ ศาลเป็นองค์กรที่มั่นคงต้องไม่แตะต้องการเมือง แต่ขณะนี้เรากำลังดึงศาลเข้ามาสู่กระบวนการการเมือง ซึ่งการเมืองเป็นสิ่งต้องห้าม ทำให้ถูกการเมืองเล่นงาน เหมือนเช่นตัว กกต.ที่ถูกผลกระทบจากการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น ส่วนตัวเห็นว่าเราควรที่จะแยกศาลออกมาจากการเมือง โดยการตั้งศาลการเมืองขึ้นมาพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะ ดังนั้น ในอนาคตควรที่จะดึงศาลยุติธรรมออกมาจากการเมืองดีกว่าไม่ควรที่จะให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เช่นคดียุบพรรคไม่ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเหมือนประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว
**เตือนขอให้ผ่านกม.ลูกก่อนยุบสภา
นางสดศรี กล่าวด้วยว่า หากมีการยุบสภาแล้วกกต.ต้องออกประกาศกกต. เกี่ยวกับกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งส.ส.แทนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. เชื่อว่าจะมีการฟ้องร้องกกต.ว่าประกาศกกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และอาจทำให้กกต.ทั้งหมดมีโอกาสติดคุกถึง 70% จึงขอให้ผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับก่อนยุบสภาจะเป็นพระคุณอย่างมาก กกต.ก็จะปลอดภัยมีเกราะป้องกันการถูกฟ้อง เพราะแน่นอนว่าการร้องเรียนของผู้ที่มีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งต้องมีหากได้จำนวนส.ส.ไม่เข้าเป้า ซึ่งกกต.ไม่อยากให้เกิดขึ้น
“ขณะนี้มีการพูดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีกกต.และจะบังคับให้กกต.ลาออกแต่คิดว่าคงไม่สามารถหยุดยั้งกกต.ได้ เพราะถ้ากกต.ออกก็ต้องมีการตั้งกกต.ชุดใหม่เข้ามาจัดเลือกตั้งได้อยู่ดี อีกทั้งม็อบสีหนึ่งยังบอกให้ กกต.ลาออกไปเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติ และถึงกกต.ชุดนี้ลาออกก็จะมีชุดใหม่เข้ามา เพราะใครก็อยากเป็นกกต. เนื่องจากคิดว่ามีอำนาจเพื่อจะรับใช้อำนาจการเมือง”
**อุ๋ยหนุนโมเดล “ปชป.จับมือ พท.”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง วิเคราะห์การจับขั้วทางการเมืองหลังการเลือกตั้งว่า มี 5 พรรคการเมืองที่มีแนวโน้มจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วย ประชาธิปัตย์, เพื่อไทย, ภูมิใจไทย, ชาติไทยพัฒนา และพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งจะเป็นแบบรัฐบาลผสม และไม่มีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้
หากประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล จะทำให้เกิดความปรองดองในประเทศได้เร็วขึ้น นโยบายด้านเศรษฐกิจก็จะไม่แตกต่างจากปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ต้องมีเงื่อนไขว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่มีหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็น 1 ใน 4 โมเดลที่คาดว่าจะมีการจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งตนขอสนับสนุนแนวทางนี้
ส่วนโมเดลที่ 2 ประชาธิปัตย์ จับมือกับภูมิใจไทย, ชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ มองว่าจะทำให้การปรองดองในชาติล่าช้า และการชุมนุมเสื้อแดงยังมีอยู่ ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แบบที่ 3 เพื่อไทย จับมือกับชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ มองว่าแนวทางนี้มีโอกาสที่จะสร้างความปรองดองในชาติได้ดีขึ้น การบริหารจัดการเศรษฐกิจดีขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะต้องได้รับการยอมรับ
แบบที่ 4 ประชาธิปัตย์ จับมือกับชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ มองว่าแนวทางนี้หากนายกรัฐมนตรียังมาจากประชาธิปัตย์ ความปรองดองในชาติอาจจะยังล่าช้า และมีการชุมนุมเสื้อแดงอยู่ แต่หากให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเล็กก็เชื่อว่าสถานการณ์ความปรองดองและการชุมนุมจะดีขึ้น การบริหารเศรษฐกิจจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเล็กจะต้องได้รับการยอมรับ
**เร่งตั้ง “จ.บึงกาฬ”สนองห้อย
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการจัดตั้ง จ.บึงกาฬ ว่าได้เตรียมแผนดำเนินการ และกำหนดตำแหน่งแล้ว โดยจะมีผลเมื่อ พ.ร.บ.จัดตั้ง จ.บึงกาฬบังคับใช้ โดยการแบ่งอำเภอมาจาก จ.หนองคาย 8 อำเภอเดิม และจะปฏิบัติหน้าที่อัตโนมัติ ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกตามขั้นตอน ทั้งนี้จะแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ จากที่อื่นไปรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ จ.บึงกาฬ ในวันที่ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ โดยขณะนี้ กำลังเตรียมออกคำสั่งให้นายสมพงษ์ อรุณโรจน์ปัญญา ที่ปรึกษาระดับ 10 ด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ เป็นรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ จ.บึงกาฬ
**เผาไทยเดินหน้าปูดรมต.โคตรโกง
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเสร็จสิ้นลงไปแล้ว แต่ฝ่ายค้านก็จะยังเดินหน้าตรวจสอบเช่นกรณีการถือครองที่ดินของนายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ครอบครองที่ดินหลายร้อยไร่ไม่เหมาะสม
ด้าน นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่าส่วนกรณีการให้สัมปทานโทรศัพท์มือถือระบบสามจี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ ที่เป็นบริษัทที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัททรู คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับสัมปทานนั้น พบว่าหนึ่งในกรรมการบริหารบริษัทซีพีเอฟ เป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี อีกทั้งในบริษัททรู ก็มีอาของนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารด้วย
**“สมบัติ”ชงโมเดลปราบนักกินเมือง
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าการอภิปรายฯ เป็นแค่เกมการเมืองที่นักการเมืองเล่นปาหี่ให้ประชาชนดู ไม่ได้ประโยชน์ เมื่อไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ หลายประเทศที่พัฒนาประชาธิปไตยได้ใช้วิธีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการ และกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเสนอให้ยกเลิกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แล้วให้ใช้กลไกดังกล่าวแทน แต่ต้องออกแบบให้เข้มข้นมีอำนาจสั่งรัฐมนตรี ที่ส่อว่าทุจริตมาใต่สวน ถ้าไม่มาติดคุก มีอัยการพิเศษร่วมฟังการใต่สวนหากมีมูลความผิดก็ส่งฟ้องศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทันที
**“เทือก” ย้ำมียุบสภาพันเปอร์เซ็นต์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์สั่งกำชับให้ ส.ส.ลูกพรรคเร่งลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน ว่าเป็นเรื่องที่จะไปช่วยดูแลปัญหาประชาชนแล้วมาบอกรัฐบาล ก่อนที่จะยุบสภาอีกประมาณ 6 สัปดาห์ เราต้องเร่งรัดทำงานที่ยังค้างคาอยู่
เมื่อถามว่าจนถึงวันนี้รัฐบาลยังยืนยันได้หรือไม่ว่าจะมีการยุบสภาจริง นายสุเทพ กล่าวว่า" ยืนยันได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ พันเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ"
เมื่อถามอีกว่าแต่ยังมีคนไม่มั่นใจว่าจะมีอุบัติเหตุการเมืองก่อนที่จะมีการยุบสภา รองนายกฯ กล่าวว่า “เรื่องโรควิตกจริต เป็นโรคที่ผมรักษายาก คนมันเกิดวิตกจริตคิดไปต่างๆ นานา ผมก็บอกว่าต้องเชื่อเถอะ นายกฯพูด ผมพูด รัฐบาลพูดตรงไปตรงมาชัดเจนทุกครั้งมองย้อนหลังไปก็ได้เพราะฉะนั้นถ้ายังวิตกกังวลไปเชื่อคนอื่นอยู่อีกก็จะเป็นทุกข์ใจเสียเปล่า ๆ” นายสุเทพกล่าว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วทางฝ่ายทหารก็เชื่อตามที่รัฐบาลพูดใช่หรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ เขาก็เชื่อกันทุกคน”
ถามว่าแสดงว่ามีการพูดคุยกันล่วงหน้าถึงการยุบสภา และเมื่อถึงเวลาทหารก็จะไม่ก่อเหตุ นายสุเทพ กล่าวว่า ทหารเขาไม่เกี่ยว เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง ทหารเขาก็เหมือนข้าราชการอื่น ไม่มาวุ่นวายเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ต้องให้เป็นการตัดสินใจของฝ่ายการเมือง
ส่วนที่พูดเช่นนี้เป็นการพูดตีกันเอาไว้ก่อน ไม่ให้ทหารปฏิวัติ นายสุเทพ กล่าวว่า “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของอาการวิตกจริต พูดอย่างไรก็ต้องคิดไปอีกอย่าง หาว่าตีกันอีกแล้ว ผมเรียนยืนยันว่าไม่ใช่จริงๆ ผมไม่ได้ไปตีกันไม่ให้ทหารปฏิวัติ เขาไม่คิดปฏิวัติอยู่แล้ว เขาก็อยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย”
**มั่นใจ นายกฯคนใหม่ “พท.-ปชป.”จอง
ผู้สื่อข่าวถามถึง การที่มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ พรรคประชาสันติ มีชื่อ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น ก็ขอต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงควาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ดีแล้วที่จดทะเบียนพรรคการเมืองมาลงสนามเลือกตั้ง ส่วนใครจะได้เป็นนายกฯ ก็พูดวิจารณ์กันไปได้ตลอด ข้อเท็จจริงคือว่าใครได้คะแนนมากกว่า
“ผมเรียนว่าคนที่จะเป็นนายกฯ มาได้สองพรรคเท่านั้นคือ พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์”เมื่อถามว่าโดยศักยภาพของ ร.ต.อ.ปุระชัย น่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญในตำแหน่งนายกฯได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าคิดอย่างนั้น ก็จดเอาไว้ก่อน แล้วค่อยไปเปิดดูตอนเลือกตั้งเสร็จแล้ว
**ปุระชัยตอบรับหน.ประชาสันติ
ที่อาคาร ตึกใบหยก 2 มีการประชุมสามัญประจำปีพรรคธรรมาธิปัตย์ โดยมีนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 53 และนายพันธุ์เลิศ ใบหยก ร่วมเป็นประธานการประชุมมีสมาชิกพรรคกว่า 200 คนเข้าร่วมประชุม
นายเสรี ระบุก่อนการประชุมว่าจะมีการโหวตเลือกหัวหน้า และรองหัวหน้าพรรค เบื้องต้นจะรับเป็นหัวหน้าพรรค และนายพันธุ์เลิศเป็นรองหัวหน้าพรรคและเปลี่ยนชื่อพรรคจากเดิม“ธรรมาธิปัตย์เป็น“ประชาสันติ”รวมทั้งจะเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราวชุดแรก ประมาณ 15คน เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ทันช่วงเวลาเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนเม.ย.ทางพรรคจะมีการประชุมใหญ่ เพื่อคัดเลือกคณะกรรมการบริหารทชุดถาวร เบื้องต้นร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้ตอบรับเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย
รายงานข่าวจากกกต.แจ้งว่า การประชุมสามัญพรรคธรรมาธิปัตย์ได้มีการแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าจะจัดประชุมใหญ่ฯมีวาระเกี่ยวกับการรายงานผลการปฏิบัติของพรรคให้สมาชิกพรรคทราบ โดยนายธันวา ไกรฤกษ์ หัวหน้าพรรคฯได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ทำให้การประชุมใหญ่สามัญครั้งนี้ อย่างไรก็ตามหลังการประชุมใหญ่สามัญฯแล้ว พรรคจะต้องผลการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
**กกต.ตั้งงบฯสอบสวน5ร้อยล้าน
ที่ จ.เชียงใหม่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ว่า วันเลือกตั้ง รัฐบาลยังไม่กำหนดแน่นอนแต่จะอยู่ในช่วง 45-60 วัน หลังยุบสภา แต่การเลือกตั้งครั้งก่อนเราใช้งบฯ 2,400 ล้านบาท แต่รัฐบาลให้เรามาเพียง 1,900 ล้านบาท ที่เหลือได้ใช้เงินสะสมของเราจ่าย ไปก่อน โดยหลักแล้วรัฐบาลจะต้องจัดสรรเพิ่มมาให้ ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งงบฯไว้ที่ 3,000 ล้านบาท มากขึ้นเพราะเราได้ขยายงานลงไปถึงระดับตำบลทำให้งานมากขึ้น" นายสมชัยกล่าว
ที่สถาบันพระปกเกล้า นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.ได้เตรียมงบประมาณ 500 ล้านบาทให้ด้านกิจการสืบสวนและวินิจฉัยนำไปอบรมพนักงานสืบสวนสอบสวน และร่วมกับตำรวจ ทหาร ในการดูแลการเลือกตั้ง
“การขัดขวางการเลือกตั้งก็มีโทษตามมาตรา 57 ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งที่มีโทษจำและปรับ และแม้ขณะนี้ยังไม่มีเลือกตั้งแต่ในบางจังหวัดมีการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงซึ่งยังเอาไม่อยู่ แล้วถ้ามีเลือกตั้งไม่มีพ.ร.บ.ดังกล่าวไว้จะเกิดอะไรขึ้นมา แต่กกต.จะพยายามให้เกิดเหตุน้อยที่สุด ดังนั้นช่วงมีการหาเสียงอย่าใช้ระบบม็อบไปทำร้ายกัน หรือให้ผู้สมัครทำพิธีสาบานในการเลือกตั้งสมานฉันท์ว่าจะไม่ก่อเหตุจะร่วมมือกกต.ไม่ให้เลือกตั้งมีปัญหา”กกต.ผู้นี้กล่าว
**"สดศรี"แนะให้ตั้ง"ศาลการเมือง"
นางสดศรี กล่าวในงานสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง “เลือกตั้งอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย” ตอนหนึ่งว่า เราเคยพูดกันบ่อยว่าตุลาการภิวัฒน์ ศาลเป็นองค์กรที่มั่นคงต้องไม่แตะต้องการเมือง แต่ขณะนี้เรากำลังดึงศาลเข้ามาสู่กระบวนการการเมือง ซึ่งการเมืองเป็นสิ่งต้องห้าม ทำให้ถูกการเมืองเล่นงาน เหมือนเช่นตัว กกต.ที่ถูกผลกระทบจากการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น ส่วนตัวเห็นว่าเราควรที่จะแยกศาลออกมาจากการเมือง โดยการตั้งศาลการเมืองขึ้นมาพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยเฉพาะ ดังนั้น ในอนาคตควรที่จะดึงศาลยุติธรรมออกมาจากการเมืองดีกว่าไม่ควรที่จะให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เช่นคดียุบพรรคไม่ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเหมือนประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว
**เตือนขอให้ผ่านกม.ลูกก่อนยุบสภา
นางสดศรี กล่าวด้วยว่า หากมีการยุบสภาแล้วกกต.ต้องออกประกาศกกต. เกี่ยวกับกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งส.ส.แทนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. เชื่อว่าจะมีการฟ้องร้องกกต.ว่าประกาศกกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และอาจทำให้กกต.ทั้งหมดมีโอกาสติดคุกถึง 70% จึงขอให้ผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับก่อนยุบสภาจะเป็นพระคุณอย่างมาก กกต.ก็จะปลอดภัยมีเกราะป้องกันการถูกฟ้อง เพราะแน่นอนว่าการร้องเรียนของผู้ที่มีส่วนได้เสียในการเลือกตั้งต้องมีหากได้จำนวนส.ส.ไม่เข้าเป้า ซึ่งกกต.ไม่อยากให้เกิดขึ้น
“ขณะนี้มีการพูดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีกกต.และจะบังคับให้กกต.ลาออกแต่คิดว่าคงไม่สามารถหยุดยั้งกกต.ได้ เพราะถ้ากกต.ออกก็ต้องมีการตั้งกกต.ชุดใหม่เข้ามาจัดเลือกตั้งได้อยู่ดี อีกทั้งม็อบสีหนึ่งยังบอกให้ กกต.ลาออกไปเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติ และถึงกกต.ชุดนี้ลาออกก็จะมีชุดใหม่เข้ามา เพราะใครก็อยากเป็นกกต. เนื่องจากคิดว่ามีอำนาจเพื่อจะรับใช้อำนาจการเมือง”
**อุ๋ยหนุนโมเดล “ปชป.จับมือ พท.”
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง วิเคราะห์การจับขั้วทางการเมืองหลังการเลือกตั้งว่า มี 5 พรรคการเมืองที่มีแนวโน้มจะจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วย ประชาธิปัตย์, เพื่อไทย, ภูมิใจไทย, ชาติไทยพัฒนา และพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งจะเป็นแบบรัฐบาลผสม และไม่มีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้
หากประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล จะทำให้เกิดความปรองดองในประเทศได้เร็วขึ้น นโยบายด้านเศรษฐกิจก็จะไม่แตกต่างจากปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ต้องมีเงื่อนไขว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องไม่มีหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็น 1 ใน 4 โมเดลที่คาดว่าจะมีการจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งตนขอสนับสนุนแนวทางนี้
ส่วนโมเดลที่ 2 ประชาธิปัตย์ จับมือกับภูมิใจไทย, ชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ มองว่าจะทำให้การปรองดองในชาติล่าช้า และการชุมนุมเสื้อแดงยังมีอยู่ ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แบบที่ 3 เพื่อไทย จับมือกับชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ มองว่าแนวทางนี้มีโอกาสที่จะสร้างความปรองดองในชาติได้ดีขึ้น การบริหารจัดการเศรษฐกิจดีขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะต้องได้รับการยอมรับ
แบบที่ 4 ประชาธิปัตย์ จับมือกับชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กอื่นๆ มองว่าแนวทางนี้หากนายกรัฐมนตรียังมาจากประชาธิปัตย์ ความปรองดองในชาติอาจจะยังล่าช้า และมีการชุมนุมเสื้อแดงอยู่ แต่หากให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเล็กก็เชื่อว่าสถานการณ์ความปรองดองและการชุมนุมจะดีขึ้น การบริหารเศรษฐกิจจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่มีเงื่อนไขว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเล็กจะต้องได้รับการยอมรับ
**เร่งตั้ง “จ.บึงกาฬ”สนองห้อย
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการจัดตั้ง จ.บึงกาฬ ว่าได้เตรียมแผนดำเนินการ และกำหนดตำแหน่งแล้ว โดยจะมีผลเมื่อ พ.ร.บ.จัดตั้ง จ.บึงกาฬบังคับใช้ โดยการแบ่งอำเภอมาจาก จ.หนองคาย 8 อำเภอเดิม และจะปฏิบัติหน้าที่อัตโนมัติ ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกตามขั้นตอน ทั้งนี้จะแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ จากที่อื่นไปรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ จ.บึงกาฬ ในวันที่ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ โดยขณะนี้ กำลังเตรียมออกคำสั่งให้นายสมพงษ์ อรุณโรจน์ปัญญา ที่ปรึกษาระดับ 10 ด้านการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ เป็นรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ จ.บึงกาฬ
**เผาไทยเดินหน้าปูดรมต.โคตรโกง
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเสร็จสิ้นลงไปแล้ว แต่ฝ่ายค้านก็จะยังเดินหน้าตรวจสอบเช่นกรณีการถือครองที่ดินของนายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ครอบครองที่ดินหลายร้อยไร่ไม่เหมาะสม
ด้าน นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่าส่วนกรณีการให้สัมปทานโทรศัพท์มือถือระบบสามจี ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ ที่เป็นบริษัทที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัททรู คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับสัมปทานนั้น พบว่าหนึ่งในกรรมการบริหารบริษัทซีพีเอฟ เป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี อีกทั้งในบริษัททรู ก็มีอาของนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารด้วย
**“สมบัติ”ชงโมเดลปราบนักกินเมือง
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าการอภิปรายฯ เป็นแค่เกมการเมืองที่นักการเมืองเล่นปาหี่ให้ประชาชนดู ไม่ได้ประโยชน์ เมื่อไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ หลายประเทศที่พัฒนาประชาธิปไตยได้ใช้วิธีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการ และกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเสนอให้ยกเลิกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แล้วให้ใช้กลไกดังกล่าวแทน แต่ต้องออกแบบให้เข้มข้นมีอำนาจสั่งรัฐมนตรี ที่ส่อว่าทุจริตมาใต่สวน ถ้าไม่มาติดคุก มีอัยการพิเศษร่วมฟังการใต่สวนหากมีมูลความผิดก็ส่งฟ้องศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทันที